November 13, 2018

[OS] FTISLAND 'ยังคิดชื่อเรื่องไม่ออกและขอดองไว้ก่อน' (SEUNGJAE)




╶ ╷╶ ╷Pt.1 โอทีนี้เพื่อแม่╶ ╷╶ 









   เวลาเลิกงาน






   “แจจิน สุขสันต์วันเกิด”

   “เฮ่ย ไอ้แจ๊จ สุขสันต์วันเกิดเว่ย”

   “เออ ขอบใจนะพวกมึง”

   “ไม่ต้องอยู่ดึกมากหรอกนะ ผมไปก่อนล่ะ สุขสันต์วันเกิดนะไอ้หนุ่ม”

   “แหะ ขอบคุณครับหัวหน้า”


   เจ้าของวันเกิดครั้งที่ยี่สิบเจ็ดของชีวิตส่งยิ้มสุดประหม่าไปให้หัวหน้างานของเขา อี แจจิน หนุ่มหน้าหวานใจ(โคตร)แมนประจำฝ่ายขายยืนไหล่ตกหลังเห็นเพื่อนร่วมงานคนสุดท้ายเพิ่งสแกนนิ้วมือออกจากออฟฟิศแห่งนี้ไป


โอทีนี้เพื่อแม่


   วลีปลุกใจตัวเบ้อเร่อบนโพสต์อิทที่ติดอยู่บนขอบมอนิเตอร์ทำให้เจ้าของโต๊ะทำงานตัวนี้ยิ้มอย่างจริงใจออกมาได้อีกครั้งในรอบหลายชั่วโมง

   แปลกใจล่ะสิว่าขนาดวันนี้เป็นวันเกิดแล้วทำไมไม่รีบกลับบ้านไปฉลองกับครอบครัว แจจินผู้แสนขยันเที่ยวตอบคำถามนั้นกับคนรู้จักเป็นสิบ ๆ รอบแล้วว่า



   พอดีที่บ้านผมไม่ได้อินกับประเพณีกินเลี้ยงวันเกิดเท่าไหร่น่ะ



   ไม่ได้เป็นพวกติสท์หรืออะไรทั้งนั้น ไม่อินก็คือไม่อิน ตลอดเวลาเกือบยี่สิบหกปีกับชีวิตหนุ่มโสดของเขา การจะได้เป่าเค้กวันเกิดสักทีก็ต้องมีเพื่อนซื้อมาเซอร์ไพรส์เท่านั้นแหละ



10 ข้อความใหม่


   “เอาไว้ค่อยตอบตอนงานเสร็จ” แจจินพูดกับโทรศัพท์มือถือในมือตัวเอง เท่าที่ได้ไล่อ่านไว ๆ บนช่องแจ้งเตือน แชทพวกนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นคำอวยพรจากแก๊งเพื่อนเก่าเพื่อนใหม่ที่ถึงแม้ว่าจะตอบช้าหน่อยก็คงไม่มีใครว่าอะไร


   เวลางานรอบดึกกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า กาแฟเย็นชงเองถูกดูดหายไปเกือบครึ่งแก้ว และสมองที่(ต้อง)กลับมาปลอดโปร่งพร้อมใช้งานอีกครั้ง พนักงานหนุ่มบ่นนู่นนี่อยู่คนเดียวแปบนึงแล้วก็เข้าสู่โหมดคนใจสู้ไปตลอดหกชั่วโมงต่อจากนี้






   ครืด... ครืด...


20 ข้อความใหม่ 


   ไฟออฟฟิศปิดเกือบหมดเหลือไว้แค่ดวงที่จำเป็นต้องเปิด แจจินมีเวลาอ่านข้อความทั้งหมดแล้วแต่กลับต้องเดินหน้าบูดลงมาจากอาคาร


   “เลิกงานแล้วเหรอคร้าบน้อง!”


   หนุ่มร่างเล็กที่กำลังเหม่อลอยเผลอสะดุ้งด้วยความตกใจ


   


   พี่ยาม! ! !


   “เอ้อ ครับ! ! !” ไม่รู้เมื่อกี้กำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งสองฝ่ายตอนนี้เลิ่กลั่กพอกันเพราะปกติถ้าคืนไหนอี แจจิน ทำโอที พี่ยามคนนี้ก็มักจะทักทายเขาทุกครั้งก่อนกลับบ้านอยู่แล้ว

   “โอ๊ะ ฮ่า ๆ ทำไมวันนี้ขวัญอ่อนจังคร้าบ ฮึ” พี่ยามผู้พกบุคลิกชายขี้เมาติดตัวตลอดเวลาถามพลางหัวเราะ แววตาลั้นลาผิดสังเกตทำให้อีกฝ่ายยิ่งรู้สึกแปลก ๆ มากขึ้นไปอีก

   “เอ่อ สงสัยทำงานเยอะเกินครับก็เลยเบลอ ๆ” เขารีบตอบแล้วจึงเร่งฝีเท้าออกไปจากตรงนั้นให้ดูแนบเนียนเหมือนว่าไม่มีอะไรที่สุด “ผมกลับแล้วนะครับ ไว้เจอกัน”


   แจจินเดินไปกลั้นขำไป มันจะมีอะไรได้อีกล่ะก็ในเมื่อพี่ยามแกเป็นคนนิสัยแบบนั้นอยู่แล้ว ยิ่งวันไหนมีไอ้จิ๊กโฉ่วหมาจรจัดแถวนี้มาเล่นด้วยอีกนะ พอเลิกงานปุ๊บเป็นต้องได้ยินแกนั่งนินทาเมียให้หมาฟังอยู่เรื่อย อยากเป็นหนุ่มโอทีก็ต้องทำตัวให้ชินได้แล้วสิเจ้าแจจิ---


   จ๊ะเอ๋! ! ! ! !

   เฮ่ย ไอ้เหี้ย! ! !


   ช่วงเวลาหัวใจวายในวินาทีที่แจจินเกือบจะพ้นมุมตึกตรงนั้นไป จู่ ๆ ก็มีไอ้บ้าหน้าคุ้นกระโดดโผล่มาจากไหนไม่รู้แล้วก็ทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขา ร่างเล็กยกมือขึ้นมากุมหน้าอกเพื่อเช็คว่าเขาตายหรือยังโดยอัตโนมัติ


   “ไอ้เวร” หลังจากดึงสติเข้าร่างได้และเห็นว่าเจ้านั่นมันมาพร้อมกับกล้องโทรศัพท์ที่เปิดแฟล็ชบันทึกวิดีโออยู่เขาก็ยิ่งโมโห “เล่นอะไรของแกเนี่ย ซึงฮยอน!”

   “แฮปปี้เบิร์ธเดย์ค้าบบบ! ! !”


   ใบหน้าหลังกล้องยิ้มกว้างจนตีนกาโผล่ แต่โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่ตอนนี้เจ้าของวันเกิดกำลังโดนไฟจากแฟล็ชส่องปะทะหน้าอย่างจังจนมองไม่เห็นอะไรเลย และที่แย่ไปกว่านั้น ฝ่ายที่แกล้งเขาถึงกับตกใจเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างจากวิดีโอที่ถ่ายอยู่


   “ไอ้...” แจจินปาดหยดน้ำตาออกจากแก้มและซึงฮยอนก็รับรู้ทุกการกระทำของอีกฝ่ายผ่านหน้าจอมือถือ

   “เฮ้ย ๆ! พี่ครับบบ” แขนยาวรีบคว้าเข้ากอดคนตัวเล็ก “โอ๋... ตกใจผมอ่อพี่แจจิน”

   “ก็เออดิวะ อ...ไอ้ฉิบหาย แกเห็นมั้ยเนี่ยตัวชั้นสั่นไปหมดแล้ว” เสียงก่นด่าแทรกผ่านร่างกายที่แนบเบียดกันอยู่ออกมา รุ่นน้องตัวสูงรู้สึกได้แล้วว่าแจจินกำลังตกใจจริง ๆ “ไอ้บ้าเอ๊ย ไอ้เด็กบ้า!”

   “ฮื่อ ขอโทษครับพี่ สุขสันต์วันเกิดนะแจจิน ขวัญเอ๊ยขวัญมานะ”


   ประโยคขอโทษและคำปลอบขวัญถูกส่งออกมารัว ๆ จนคนผิดแทบจะลิ้นพัน แจจินเองก็เดาได้เหมือนกันว่าแผนการเซอร์ไพรส์วันเกิดแฟน(ครั้งแรก)แผนนี้ก็คงทำเอาเจ้าเด็กนี่ตื่นเต้นไม่ใช่น้อย มือหนาคอยลูบหัวลูบหลังคนรักไม่หยุดจนร่างในอ้อมกอดเริ่มจะเคลิ้มไปด้วยแล้ว


   แต่ว่าไม่ได้!

   นี่มันยังไม่พ้นเขตที่ทำงานชั้นเลยนะโว่ย!


   “มาพี่แจ๊จ จุ๊บให้อภัยผมหน่อย”

   “อะไร ไม่เอา” ไม่ได้เลยไอ้นี่ เขาบอกปัดโกรธ ๆ สองแขนอวบที่ยังรัดตัวไว้อยู่พาแจจินหมุนติ้วเพื่อที่จะให้ทั้งคู่เดินออกไปจากตรงนี้

   “ใจร้ายที่สุดเลย” ซึงฮยอนพยายามเล่นบทเด็กขี้งอน แต่ก็ช่างโคตรไม่เข้ากันกับหุ่นหมีล่ำของตัวเอง “ผมอุตส่าห์มาเตี๊ยมกับพี่ยามตั้งแต่ทุ่มครึ่ง”

   “เหรอ”

   “เออดิ”

   “แล้วกับชั้นที่รอแกส่งไลน์มาแฮปตั้งแต่เที่ยงคืนเมื่อวานอะ”


   พูดไปงั้นแหละ เขารู้อยู่แล้วว่าที่ซึงฮยอนเงียบหายไปแบบนั้นก็เพราะว่าจะต้องมีเซอร์ไพรส์ แบบที่ในละครเขาทำกันไง

   แต่รายนั้นดูเหมือนจะซีเรียสกับคำตัดพ้อ(ปลอม ๆ)เมื่อครู่ แขนข้างที่เพิ่งเปลี่ยนมาโอบไหล่แฟนตัวเล็กค่อย ๆ ดันแจจินเข้ามาจูบ มุมอ่อนโยนแบบนี้คือไม้ตายของเจ้าเด็กดื้อที่เอาชนะเขาได้อยู่หมัดเสมอ 


   “อ่านข้อความในไลน์หรือจะสู้ฟังจากปาก...ข้าง ๆ หูอะครับ” ซึงฮยอนละใบหน้าออกมากระซิบ

   “กะไว้อยู่แล้ว” คนถูกยั่วอมยิ้ม ในใจแอบนับถอยหลังว่าคุณชายขี้แกล้งคนนี้จะกระซิบบอกคำนั้นกับเขาเมื่อไหร่


   ...

   แต่ทว่า

   ...


   “เออพี่ ไปกินข้าวต้มโต้รุ่งกันดีกว่าผมหิวละ”





╶ ╷╶ ╷Pt.2 หนำเลี๊ยบเม็ดนี้เพื่อพี่╶ ╷╶ 






   ยิ้มหวานเจี๊ยบจากเด็กหนุ่มลูกเจ้าของร้านคนเมื่อกี้ยังฉายวนซ้ำอยู่ในหัวของซึงฮยอน...


   เพราะว่าน้องคนนั้นยิ้มให้เขาเหรอ

   เปล่า เพราะมันยิ้มให้แจจินต่างหาก


   "พอได้แล้วน่า" คนต้นเรื่องบ่นขณะยังเคี้ยวข้าวต้มตุ้ย ๆ "ไอ้นั่นมันก็ยิ้มให้ลูกค้าทุกคนอะแหละ หิวไม่ใช่อ่อ รีบกินเร็วเข้า"


   กับข้าวเกือบสิบจานวางอยู่ตรงหน้าพวกเขา แจจินไม่รอช้ารีบซัดทุกอย่างด้วยความหิวโหย กลับกัน ทางด้านของคนที่เป็นฝ่ายชวนมากินยังนั่งเท้าคางคิ้วขมวด และก็คงจะสวดแช่งเจ้าเด็กนั่นอยู่ในใจ


   ที่เล่าไปตั้งแต่แรกว่า อี แจจินนั้นอยู่กับชีวิตหนุ่มโสดมาตั้งเกือบยี่สิบหกปี นั่นแสดงว่าพ่อหนุ่มซึงฮยอนคนนี้เป็นแฟนคนแรกของเขาหรือเปล่า

   ถูกต้อง


   ซง ซึงฮยอน เด็กกะโปกคนหนึ่งที่โชคชะตาฟ้าลิขิตพาให้ทั้งคู่มาเจอกันครั้งแรกเมื่อประมาณเกือบสองปีที่แล้วในทริป CSR ของบริษัทที่ร่วมกันจัดขึ้นกับอีกบริษัทในเครือเดียวกัน กิจกรรมไอซ์เบรกครั้งนั้นคงเป็นอะไรที่แจจินไม่มีวันลืมได้ลง เพราะนั่นคือวันที่เขาได้รู้จักกับพนักงานฝ่ายบุคคลที่กวนประสาทที่สุดในโลก แถมยังเป็นมนุษย์คนแรกที่ทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต


   ส่วนซึงฮยอนตอนนี้เป็นยังไงน่ะเหรอ

   เป็นบ้า


   "สั่งข้าวต้มเพิ่มแล้ว สนใจหนำเลี๊ยบเพิ่มด้วยมั้ยฮะ"


   แจจินหันขวับขึ้นไปหาเสียงอ่อย ๆ เหนือหัวตัวเอง เด็กเสิร์ฟคนเดิมกำลังนำเสนอถ้วยหนำเลี๊ยบในมือด้วยท่าทางแสนมั่นอกมั่นใจพ่วงด้วยรอยยิ้---


   "ไม่สน!"

   "ฮึ..." หนึ่งคนที่ยังตามอะไรไม่ทันสักอย่างก้มลงมองของดองสีดำในชามข้าวต้มบนโต๊ะที่คุณแฟนขี้หวงเพิ่งตักจากชามตัวเองมาใส่ไว้ให้

   "อ๋า โอเคฮะ" ลูกชายเจ้าของร้านที่หน้าตาเข้าข่ายได้เป็นพ่อค้าแซ่บเดินยักไหล่จากไปตามสไตล์คนโดนหักหน้า

   "พอ เลิก! แจจิน ถ้าไม่จำเป็นอย่ามากินร้านนี้อีกนะ" ซึงฮยอนหยุดชะงักมื้อดึกของเขาไว้แต่เพียงเท่านั้น อีกรายที่ทั้งหมั่นไส้ทั้งเห็นใจก็ทำได้แค่พยักหน้าหงึก ๆ รับคำสั่ง

   "แล้วหนำเลี๊ยบเม็ดนี้อะ เอาไง"

   "กินไปเลย ผมให้..." ร่างสูงพูดหน้านิ่ง "...เป็นของขวัญวันเกิดละกันครับ"

   "..."





╶ ╷╶ ╷To be continued...╶ ╷



September 18, 2018

❀ letter from 6th treasure ❀




อยากกลับมามีไฟในการเขียนฟิคอีกครั้งจังเลยค่ะ



June 25, 2018

[SF] FTISLAND 'Good Boy Bad Boy' (SEUNGJAE)

ϟ ✏ ϟ

A/U: High school feat. Mafia
Rating: PG-13

Pairing: Seunghyun x Jaejin
Supporting chars: Ilhun(BTOB), Park Jibin, Woojin(WANNAONE) and others

สาส์นจากไรท์เตอร์  เรื่องนี้มันเป็นแนว Coming of Age ที่ไม่ได้เน้นความหวือหวาอะไรมาก อาจจะไม่มีจุดไคลแมกซ์ที่พีคสุด ๆ หรือตอนจบที่กินใจคนอ่านขนาดนั้นนะคะ แต่ก็ขอบคุณที่ติดตามค่ะ






ϟϟ
Good Boy Bad Boy






   เสียงกริ่งบอกเวลาเข้าเรียนคาบแรกปลุกใครบางคนให้ตื่นจากความฝัน ครูประจำชั้นสาวสวยเดินถือกองสมุดการบ้านเข้ามาวางบนโต๊ะหน้าห้อง

   "ครูยูบินปล่อยผมแบบนี้โคตรเซ็กซี่เลยว่ะ" เสียงพูดที่ฟังไม่ค่อยถนัดเพราะอมยิ้มที่เจ้าตัวกินอยู่ดังมาจากเพื่อนร่วมชั้นคนสนิท

   ซึงฮยอนเช็ดคราบน้ำลายที่ขอบปากก่อนจะหันไปพิสูจน์คำบอกเล่าของอิลฮุนว่าจริงอย่างที่มันพูดไหม


   'ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย'


   ยอมรับได้สักพักแล้วว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิง ไม่ว่าครูยูบินจะแต่งตัวแต่งหน้าสไตล์ไหนมาก็ดูเหมือนจะมีแต่เพื่อนของเขาเนี่ยแหละที่ใส่ใจ


   รอยปากกาแดงเถือกขีดแก้คำตอบวิชาคณิตศาสตร์ชนิดที่ไม่มีบรรทัดไหนถูกเว้นว่าง เด็กหนุ่มปิดสมุดกลับไปอย่างเซ็ง ๆ อันที่จริงนักเลงหัวไม้อย่างซึงฮยอนไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องมาเครียดกับอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ

   แต่ว่าก็แค่อยากเอาผลการเรียนสวย ๆ ไปให้พ่อกับแม่ดูบ้าง




   ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งที่เขาเพิ่งได้มาเมื่อต้นปีจากการโหวตของสมาชิกรวมถึงรุ่นพี่จงฮุนและรุ่นพี่ฮงกีผู้ก่อตั้งทำให้การชีวิตในรั้วโรงเรียนของซึงฮยอนต้องตกเป็นที่จับตามองตลอดเวลา นอกรั้วก็เช่นกัน

   เพราะถ้าเขากับเพื่อนเผลอพลาดท่าให้คู่อริเพียงนิดเดียว นั่นหมายถึงชื่อเสียงและศักดิ์ศรีที่สมาชิกรุ่นก่อน ๆ ช่วยกันสั่งสมมาจะถูกทำลายจนไม่เหลือซาก


   ไม่แปลกที่พอเป็นคนดังแล้วก็จะมีรุ่นน้องผู้หญิงมารุมกรี๊ด โต๊ะกินข้าวประจำของซึงฮยอนที่โรงอาหารมักจะเต็มไปด้วยจดหมายและดอกกุหลาบ แต่ถึงจะฮ็อตขนาดไหน มีด้านร้ายแล้วก็ต้องมีด้านดี

   พัค จีบิน หนุ่มในอุดมคติของใครหลายคนจากห้องข้าง ๆ ที่จริงคนนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับซึงฮยอนหรอกแต่ถ้าจะไม่ให้พูดถึงก็คงไม่ได้ เขาคือผู้ที่เป็นเจ้าของเกรดเฉลี่ย 4.00 มาตั้งแต่ปีหนึ่ง ตัวเต็งประธานนักเรียน พ่วงด้วยธุรกิจค้าขายของตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของจังหวัด

   จากที่กล่าวมาทั้งหมดก็ล้วนมีแต่เรื่องดี ๆ แต่ก็นั่นแหละ

   จีบีนถึงได้เป็นตัวแทนหนุ่มฮ็อตจากฝ่ายดียังไงล่ะ




   "เอาล่ะค่ะนักเรียน วันนี้พวกเราจะมีเพื่อนร่วมห้องเพิ่มมาใหม่อีกหนึ่งคนนะ"

   ครูยูบินทำให้เด็กในห้องหูผึ่งกันเป็นแถบ รวมทั้งพวกที่นั่งแถวหลังอย่างซึงฮยอนกับอิลฮุนด้วยเช่นกัน

   "เฮ้ย เตรียมคิดแผนรับน้องใหม่กันเลยดีกว่าว่ะ"
   "ขอดูหน้าก่อน เผื่อเป็นพวกขาใหญ่"

   ที่นั่งข้าง ๆ ซึงฮยอนยังว่างอยู่และแน่นอนว่ามันจะต้องกลายเป็นโต๊ะของเด็กใหม่

   "มาแนะนำตัวกับเพื่อน ๆ นะจ๊ะ แจจิน"

   เป็นผู้ชายที่หน้าสวยที่สุดตั้งแต่เขาเคยพบเจอมา


   เพื่อนใหม่คนนี้มีชื่อว่า อี แจจิน ไม่ได้เป็นพวกขาใหญ่อย่างที่ซึงฮยอนคาดคะเนไว้ แล้วก็ดูไม่ใช่คนอ่อนแอพอที่จะเป็นเป้าหมายให้อิลฮุนกลั่นแกล้งได้ด้วย

   "เอาไงดีวะ ไถเงินดีมั้ย" เพื่อนรักหันมาสะกิดสีข้างเขารัว ๆ หลังจากเห็นแจจินกำลังเดินมาที่โต๊ะ
   "คนนี้ชั้นขอ" ซึงฮยอนกระซิบ "ไม่ต้องมีรับน้อง"

   บารมีของหัวหน้าแก๊งทำให้อิลฮุนเชื่อฟังและไม่ตั้งคำถามอะไรต่อ รอยยิ้มตามมารยาทถูกส่งออกไปให้บุคคลที่สามเพื่อกลบเกลื่อนเจตนาชั่วร้ายเมื่อครู่




   หมดคาบเช้า นักเรียนแต่ละคนรีบเก็บของเตรียมตัวไปกินข้าวเที่ยง ระหว่างรออิลฮุนหารองเท้าข้างหนึ่งที่ถูกเตะหายไปตอนเขาหลับ ซึงฮยอนกำลังชั่งใจว่าจะชวนแจจินไปกินข้าวด้วยกันดีไหม


   'เราควรสร้างความประทับใจแรกในโรงเรียนใหม่ให้เขาสิ'


   'เฮ้ย แต่ มันใช่เรื่องที่กูจะต้องแคร์เหรอวะ'

   'แจจินคงเหงาแย่ถ้าต้องนั่งกินข้าวคนเดียว แล้วถ้ามีพวกเด็กเกเรมารังแกล่ะ'

   'เอ่อ... ที่นี่เกเรสุดก็พวกกูไม่ใช่เหรอ'


   เถียงกับตัวเองอยู่เกือบนาที ร่างสูงรีบก้าวเท้าพร้อมกับเอื้อมแขนไปจะแตะไหล่เพื่อนตัวเล็ก

   "แจจิน โทษทีห้องเราครูปล่อยเลท" ใบหน้าหล่อติ๋ม ๆ โผล่มาจากกรอบประตู

   "อ้อ ไม่เป็นไร เราก็เพิ่งเก็บกระเป๋าเสร็จพอดี"

   พัค จีบิน คนดีศรีโรงเรียนยิ้มให้แจจินอย่างกับเป็นแฟนกัน พวกเขาเดินหัวเราะคิกคักลงบันไดตึกไป ปล่อยให้ซึงฮยอนยืนงงเป็นไก่ตาแตก


   "อะไรวะ..."
   "ชอบหรอ" อิลฮุนเข้ามากอดไหล่สหายอย่างเห็นใจ

   "อือ คิดว่านะ" สายตาละห้อยก้มลงมองพื้นด้วยความที่ยังงงกับเหตุการณ์เมื่อกี้

   ยังไม่ทันได้ทำความรู้จักกันเลย นี่เขาจะต้องกินแห้วแล้วเหรอ

   "หมายถึงชอบไอ้จีบินอะนะ ฮ่า ๆ"
   "ไม่ใช่โว่ยยย!"








   ขึ้นสัปดาห์ใหม่ แจจินเข้ากันกับคนในห้องได้มากขึ้น จะมีก็แต่กับซึงฮยอนแล้วก็อิลฮุนเนี่ยแหละที่เจ้าตัวยังไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์ด้วยเท่าที่ควร

   "ชั้นแอบได้ยินไอ้อึนกวังเด็กเนิร์ดมันบอกแจจินว่าเราสองคนเป็นพวกนักเลง ไม่น่าคบหา" อิลฮุนพยายามทำตัวเป็นนักสืบให้เพื่อนสนิท "แจจินคงกลัวนายแล้วแหละตอนนี้"
   "ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะ" เขาประชด

   ตาที่แทบไม่มองจานข้าวเพ่งไปที่โต๊ะไกล ๆ ฝั่งตรงข้ามด้วยความอยากรู้อยากเห็น แจจินกับจีบินคงไม่ได้เป็นถึงขั้นคนรักกันหรอกเพราะพวกเขาก็นั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อนคนอื่นอีกเกือบสิบคน กลุ่มแคนดิเดทกรรมการนักเรียนที่มีเพื่อนห้องซึงฮยอนรวมอยู่ด้วยรีบตีสนิทกับแจจินโดยหวังว่าอาจจะได้เขามาเข้าร่วมทีม

   แหงล่ะ ใครกันจะไม่อยากได้คนเรียนดีมาเป็นสมาชิกพรรค


   สถานการณ์ที่โต๊ะของคนฝ่ายดียังไม่มีอะไรมากไปกว่าการอึ้งและทึ่งกับคะแนนเก็บสอบย่อยวิชาคณิตครั้งล่าสุดของนักเรียนใหม่

   20 เต็ม 20 คนเดียวของห้อง

   แม้แต่จีบินเองก็ได้ทำพลาดไปตั้ง 2 คะแนน

   "นายเข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าจีบินชัด ๆ" นักเรียนหญิงคนหนึ่งกล่าวขึ้นขำ ๆ

   แจจินที่เคยชินกับความเก่งของตัวเองแล้วเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเขี่ยถั่วลันเตาในจานข้าวผัดของตัวเอง เพื่อนชายที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กเห็นท่าทางแปลก ๆ แบบนั้นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้

   "มีอะไรรึเปล่า" จีบินถาม
   "นายรู้จักผู้ชายที่นั่งเรียนข้าง ๆ เรามั้ย" ร่างเล็กห่อไหล่ลู่ลงกว่าเดิม ยังคงไม่เงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา "ที่ชื่อ ซึงฮยอนน่ะ"
   "อ่า รู้สิ ไม่มีใครในโรงเรียนนี้ไม่รู้จักหมอนั่นหรอก" งงยิ่งกว่าเดิมว่าทำไมจู่ ๆ แจจินก็พูดถึงนักเลงหัวโจกประจำรุ่น แอบปิ๊งเขางั้นเหรอ

   "เขาเป็นคนยังไงอะ นิสัยไม่ดีอย่างที่คนอื่นว่าจริงรึเปล่า"

   จีบินส่ายหัว ถามมาอย่างนี้แจจินคงแอบชอบเจ้านั่นชัวร์

   "ถ้าคนอื่นที่นายพูดถึงคือพวกคนนอกโรงเรียน คำตอบคือ ใช่"
   "หมายความว่าอะไร"
   "แต่ถ้าคนอื่นที่นายพูดถึง คือคนในโรงเรียน คำตอบคือไม่"

   นักเรียนหน้าสวยทำตาโต คำตอบของจีบินไม่ได้ช่วยให้เขาเข้าใจอะไรขึ้นเลยแม้แต่นิด

   "แล้ว..."
   "แก๊งของซึงฮยอนเที่ยวตีกับโรงเรียนอื่นไปทั่ว แบบว่า ทำตามปณิธานที่พวกรุ่นพี่ตั้งไว้น่ะ" วิกิพีเดียของแจจินหยุดดื่มน้ำครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายให้เขาฟังต่อ "แต่ถ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยอะไรกับใครหรอก เงียบ ๆ ขี้เก๊ก ง่วนอยู่กับการบอกปฏิเสธความรักจากรุ่นน้อง จะมีที่เฮี้ยว ๆ หน่อยก็อิลฮุนที่ตัวติดเขาทั้งวัน ไอ้นั่นน่ะโคตรบ้า ถ้าซึงฮยอนไม่ห้ามไว้มันก็เกือบได้ต่อยกับเราแล้ว"

   นึกถึงวันนั้นแล้วอยากขำ จีบินเห็นอิลฮุนยืนไถเงินเด็กประถมอยู่ข้างรั้วโรงเรียนก็เลยรีบวิ่งเข้าไปห้าม สมุนหมายเลขหนึ่งของซึงฮยอนขู่เขาใหญ่ว่าจะเรียกลูกพี่มาจัดการ แต่สุดท้ายแล้วกลายเป็นว่าหัวหน้าแก๊งต้องมาลากคอลูกน้องกลับบ้านแทนซะงั้น

   "งั้นเขาก็ไม่ได้เลวร้ายน่ะสิ"
   "ก็อืม" นึกว่าจะได้เห็นสีหน้าหมดห่วงของเพื่อนแต่แจจินกลับทำหน้ามุ่ยยิ่งกว่าเดิม "ทำไม ซึงฮยอนจีบนายอยู่เหรอ"
   "เปล่า... ยัง..."
   "ฮึ อ้าว แล้วทำไมถึงถามเราล่ะเนี่ย" จีบินเลิกคิ้ว งงกับอีกคนไปหมดแล้ว "หรือว่าตอนอยู่ในห้องซึงฮยอนแกล้งอะไรนาย"

   แจจินถอนหายใจเฮือกใหญ่

   "คือว่า ตั้งแต่เราซื้อข้าวมานั่งกินตรงนี้
   ซึงฮยอนเขายังไม่หยุดมองเราจากโต๊ะนู้นเลยจีบิน"




   สมการยาวยืดในชีทเรียนเล่มใหม่ที่อาจารย์เพิ่งแจกให้เล่นเอาซึงฮยอนมืดแปดด้านกับทุกสิ่งที่ตัวเองกำลังเขียน นักเรียนในห้องโดนสั่งให้ทำโจทย์กันเงียบ ๆ แล้วครูจะเฉลยให้ท้ายคาบ

   ด้านอิลฮุนนั้นปิดชีทนั่งเล่นเกมไปตั้งแต่ต้นชั่วโมง ถามอะไรก็คงตอบไม่ได้เพราะไอ้เจ้านี่กับคณิตศาสตร์ก็เป็นเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกัน เจออีกทีก็คงเป็นตอนส่งงานที่มันจะฉกเอาชีทของเขาไปลอกทีเดียวเลย

   "เฮ้อ..."

   "นายลองเริ่มจากดึงตัวร่วมก่อนสิ"

   ซึงฮยอนหันขวับไปหาต้นทางของเสียง

   นี่ แจจินคุยกับเขาเหรอเนี่ย

   "อ...อ่าฮะ" ทำอะไรไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม หัวใจของซึงฮยอนเต้นแรงมากจนเขากลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะได้ยิน
   "แบบนี้อะ"

   คนตัวเล็กกระเถิบเก้าอี้มาใกล้ แจจินที่แก้โจทย์ทั้งสิบข้อในชีทของตัวเองเสร็จหมดแล้วแค่ไม่รู้จะทำอะไรต่อเลยอยากช่วยสอนเพื่อน

   แต่อันที่จริงคือ เขามีจุดประสงค์อย่างอื่นรวมอยู่ด้วย

   "ส่วนข้ออื่นก็ ทำแพทเทิร์นเดียวกันเนี่ยแหละ แปบเดียวก็เสร็จ"

   คนตัวสูงยิ้มให้ลายมือที่ปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษ ไหนอิลฮุนบอกว่าแจจินกลัวเขาไง ไม่เห็นจะจริง นี่มันพระเอกขี่ม้าขาวชัด ๆ

   แล้วถ้าลองใช้เรื่องเรียนเป็นข้ออ้างในการเข้าหาแจจินล่ะ

   คงจะเข้าแก๊ป ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เลยนะเนี่ย

   "ขอบใจนะ"
   "เมื่อตอนพักเที่ยงนายมองเราทำไม"

   ฉิบหาย

   "ห้ะ ป...เปล่ามองซะหน่อย" งานเข้าแล้วซึงฮยอนเอ้ย
   "โกหก" คนเก่งเลขหันมาขมวดคิ้วใส่อย่างไม่พอใจ "นายเอาแต่จ้องมาที่เรา ตอนตักข้าวเข้าปากนายไม่ได้มองจานข้าวเลยด้วยซ้ำ"
   "เก็บรายละเอียดดีขนาดนี้ แสดงว่านายเองก็มองเราเหมือนกันล่ะสิ"
   "..."

   เสียงไชโยโห่ร้องดังก้องในสมองของซึงฮยอน เขาทำให้แจจินหน้าแดงได้โดยที่ไม่ต้องเต๊าะไม่ต้องจีบ จะสรุปเอาง่าย ๆ ว่านี่คือความสำเร็จในขั้นต้นก็แล้วกันนะ

   "ไม่เป็นไร เราถูกมองจนชินแล้วล่ะ" คนพูดยักไหล่กวน ๆ ก่อนจะกลับไปโฟกัสกับการแก้สมการของเขาต่อ
   "นายตอบไม่ตรงคำถามเลยอะ"
   "หืม..."
   "เราถามว่านายมองเราทำไม" คราวนี้เจ้าของคำถามเปลี่ยนมานั่งกอดอกแล้ว

   จะมีใครหาว่าบ้ามั้ยถ้าซึงฮยอนจะรีบฟันธงว่า คนนี้แหละ สเป็คเขาเลย ทั้งเรียนเก่ง น่ารัก แถมยังมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้รู้สึกได้ว่าแจจินจะต้องเป็นพวกจู้จี้นิด ๆ ขี้เขินหน่อย ๆ อีกด้วย


   'อยากได้เป็นแฟนแล้วอะ'


   เสียงปากกาเคาะกระดานตัดจบบทสนทนาของทั้งคู่ไปอย่างน่าเสียดาย สุดท้ายแล้วคนอยากเก่งเลขก็ต้องมานั่งลอกวิธีทำตามเฉลยเพราะว่าทำไม่ทัน อิลฮุนที่เพิ่งจะออกมาจากวังวนของ ROV ก็ควานหาเครื่องเขียนมาลอกกับเขาด้วยเหมือนกัน


   ใกล้เวลาเลิกเรียน สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เข็มยาวบนนาฬิกาแขวนหน้าห้องรอให้มันเคลื่อนตัวไปถึงเลขสิบสอง

   "เอางี้มั้ยแจจิน ถ้านายอยากรู้เหตุผลที่เรามองนาย" ซึงฮยอนหันไปคุยกับเพื่อนใหม่คนนั้น "กลับบ้านด้วยกันสิ แล้วเราจะบอกระหว่างทาง"

   อิลฮุนผู้ได้ยินทุกอย่างถึงกับอ้าปากค้าง นั่นหัวหน้าแก๊งของเขากำลังชวนอี แจจิน กลับบ้านด้วย แถมยังใช้สรรพนามแบบที่พวกเด็กเรียบร้อยใช้กันอีกอย่างงั้นเหรอ

   "เอ่อ ขอโทษทีนะ" แววตารู้สึกผิดมองมาทางเขา "วันนี้เราต้องกลับกับจีบิน"
   "อ...อ่าว เหรอ" ซึงฮยอนยิ้มรับประสบการณ์หน้าแตกยับของตัวเอง "เออ ไม่เป็นไรหรอก งั้น--"
   "ไว้พรุ่งนี้มั้ยล่ะเดี๋ยวพรุ่งนี้เรากลับกับนาย" แจจินรีบเสนอทางเลือกใหม่

   มันก็เกือบจะดีใจแล้วนะแต่ว่า

   "ฮ่ะฮ่า แต่พรุ่งนี้มันวันเสาร์นะ"


   เสียงหัวเราะกับแก้มแดงแปร้ดค่อย ๆ จากเขาไปเนื่องด้วยตัวต้นเหตุที่ทำให้ซึงฮยอนต้องกินแห้วเดินมาเรียกแจจินอยู่ข้างนอกห้องแล้ว จีบินแอบงงว่าทำไมเพื่อนของตัวเองต้องปิดหน้าเขินขนาดนั้น แต่แล้วทั้งคู่ก็ออกจากโรงเรียนไปพร้อมกับทอปิคเด็ดประจำวัน

   "ฮื่อ เมื่อกี้เขาเพิ่งชวนเรากลับบ้านด้วยอะจีบิน
   เราว่าเราต้องชอบซึงฮยอนแล้วแน่ ๆ เลย"








   จุดนัดพบร้อนระอุเมื่อสายตากระหายชัยชนะของสองผู้นำปะทะกัน กลุ่มแก๊งในชุดยูนิฟอร์มต่างสถาบันต่างไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ฝ่ายตรงข้าม ข้อตกลงเรื่องสิทธิในการครอบครองพื้นที่บริเวณนั้นทั้งหมดจะถูกตัดสินภายนี้วันนี้ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน

   ใครถอยก่อน คนนั้นคือผู้แพ้


   "มึงถึงกับต้องเล่นไม้หน้าสามเลยเหรอวะ ไอ้ยงฮวา" ลูกน้องคนหนึ่งของซึงฮยอนตะโกนออกไป นักเรียนโรงเรียนคู่อริแบกอาวุธกันมาคนละท่อนสองท่อน แบบนี้มันเอาเปรียบกันชัด ๆ
   "เก็บปากมึงไว้ให้พวกกูฟาดเถอะ" คนพูดถ่มน้ำลายลงพื้นคอนกรีต "ว่าแต่หัวหน้าพวกมึง ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเลยรึไง"

   ซึงฮยอนไม่คิดที่จะต่อปากต่อคำให้เสียเวลา มือหนาไขว้หลังไปคว้าอะไรบางอย่างที่พรรคพวกของเขาทั้งหมดซ่อนมันไว้อยู่

   แล้วทำไมจะต้องยอมปล่อยให้พวกนั้นเล่นตุกติกได้อยู่ฝ่ายเดียวกันล่ะ

   "ถ้ามึงมีไม้
   กูก็มีมีดแหละวะ ย้ากกก!!!"








   'เจ็บชะมัด...'

   สองหนุ่มหลังห้องเข้าเรียนมาด้วยสภาพไม่สู้คนสักเท่าไหร่ ซึงฮยอนนั่งเงียบไม่พูดกับใคร มุมปากที่ทั้งเขียวและปูดบวมด้วยฤทธิ์ของไม้หน้าสามยังคงสร้างความเจ็บปวดให้เขายาวนานล่วงเข้าวันที่สามไปแล้ว

   "แม่งเอ้ย ชั้นลืมตาซ้ายไม่ได้เลย" อิลฮุนน่าสงสารยิ่งกว่า ทั้งรอบ ๆ ดวงตาที่ม่วงช้ำจนดูสยองและแขนข้างหนึ่งที่ต้องใส่เฝือก "นายทำบุญด้วยอะไรวะทำไมถึงยังหล่ออยู่"

   จะขำยังขำไม่ได้ ดีนะที่ปากมันบวมตรงด้านที่ไม่ได้หันไปทางแจจิน ไม่งั้นล่ะน่าอายแย่

   ส่วนรายนั้นพอมาถึงโต๊ะก็กล่าวทักทายคนข้าง ๆ อย่างเคอะเขิน รอบนี้ไม่มีองครักษ์ พัค จีบิน เดินมาส่งเหมือนอย่างเคยแล้ว แจจินอยากคุยกับซึงฮยอนแต่ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร

   บางทีการถามไถ่เกี่ยวกับการบ้านอาจเป็นตัวเลือกที่ดี

   "ซึงฮยอน นายส่งรายงานวิชาประวัติศ-- โอ๊ะ! นั่น หน้านายไปโดนอะไรมาน่ะ!"

   อีกคนก็ตื่นเต้นกับการทักทายเมื่อกี้จนลืมไปว่าตัวเองมีแผลฟกช้ำเต็มใบหน้า ซึงฮยอนรีบหันมายิ้มให้คนตัวเล็ก เจ็บปากมากแต่ก็คุ้มค่าอยู่เพราะว่าตอนนี้แจจินกำลังแสดงท่าทางเป็นห่วงเขาสุดขีด

   "โดนไม้ฟาดมาเอง ไม่มีอะไรมากหรอก" เพื่อนผู้หวังดีตอบคำถามให้แทน
   "ปกติโดนหนักกันอย่างนี้อยู่แล้วรึเปล่า"

   สองโจ๋ส่ายหน้ารัว ๆ พร้อมกัน แจจินหัวเราะให้กับสภาพอันดูไม่ได้ของพวกเขา แต่ดูเหมือนซึงฮยอนจะเป็นที่สนใจมากกว่านิดหน่อย เจ้าของรอยเขียวที่มุมปากทำได้แค่ยิ้มเบี้ยว ๆ กลับไปให้

   "ได้ทายาบ้างมั้ย ที่ปากน่ะ" นิ้วเรียวจิ้มเบา ๆ แถวมุมปากของตัวเอง

   ร่างสูงส่ายหัวอีกรอบ รอยบุ๋มบนแก้มนุ่มตรงที่นิ้วมือกดลงไปทำให้เขามีความสุขเวลาได้มองมัน ตกอยู่ในภวังค์ได้ไม่นานนักซึงฮยอนก็เห็นแจจินหยิบกระปุกขี้ผึ้งแก้ปวดบวมออกมาจากกระเป๋า

   มือที่บรรจงทายาหม่องให้ซึงฮยอนอย่างอ่อนโยนแทบจะหยุดโลกทั้งใบเอาไว้ในวินาทีนั้น แจจินเผยอริมฝีปากโดยไม่รู้ตัวระหว่างที่เขากำลังตั้งใจทำหน้าที่เป็นพยายาลชั่วคราวให้เพื่อนร่วมห้องทำเอาคนที่มองอยู่ละสายตาไปจากอวัยวะนั้นไม่ได้เลย

   และอิลฮุน...ที่ได้แต่นั่งกระพริบตาปริบ ๆ อย่างคาดไม่ถึง


   "เย็นนี้กลับบ้านด้วยกันนะ"
   "โอเค"








   "เดี๋ยวนี้ลูกพี่เขาไม่ค่อยมาที่นี่เลยว่ามั้ย"
   "ถ้าบอกว่าซึงฮยอนกำลังติดเด็กคนนึงอยู่ เอ็งจะเชื่อปะวะ"
   "ว่าไงนะ จริงเหรอ"
   "เนี่ย อิลฮุนมาโน่นละ ลองถามมันดูสิ"

   ณ โกดังร้างที่สุมหัวหลักของแก๊งยังคงไร้วี่แววหัวหน้าที่ช่วงนี้มีข่าวลือไปทั่วว่าเขากำลังอินเลิฟ สองเดือนที่ผ่านมา อาณาเขตของหลาย ๆ โรงเรียนในย่านนี้ได้กลายเป็นพื้นที่ภายใต้การดูแลของพวกเขา

   ไม่ได้แปลว่าถูกครอบครอง

   แต่หมายถึงว่าจะไม่มีใครกล้าลองดีกับซึงฮยอนอีก

   "เห้ย อิลฮุน ที่หัวหน้าเราไม่ค่อยเรียกประชุมนี่เป็นเพราะเขาอยู่กับเด็กเหรอวะ"
   "อืม" อิลฮุนพยักหน้า ช่วงนี้มันไม่ได้มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง จะให้ซึงฮยอนไปทำอะไรอย่างอื่นบ้างก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียหายอยู่แล้ว
   "แบบนั้นมันจะไม่เสี่ยงไปเหรอ" พัค อูจิน รองหัวหน้าแก๊งพูดขึ้น "พวกไอ้ยงฮวามันจ้องจะเอาคืนเราอยู่ตลอด อีกอย่าง ชั้นรู้มาว่าแพ้ครั้งก่อนลูกน้องมันหายหน้าหายตาไปพักฟื้นกันตั้งเกือบสิบคน"
   "นั่นสิ มันรอล้างแค้นเราแน่" หลายคนในนั้นเริ่มเห็นด้วย

   สีหน้าเป็นกังวลของสมาชิกคนอื่น ๆ และคำพูดของอูจินทำให้เขาต้องหันมาให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ดูบ้าง เพื่อนรักของอิลฮุนอาจกำลังพยายามสลัดคราบแบดบอยของตัวเองเพื่อเอาใจแจจิน แต่สิ่งที่ซึงฮยอนทำมันขัดกันกับธรรมเนียมปฏิบัติของแก๊ง

   "ไว้ชั้นจะคุยกับเขาให้ละกัน"
   "หรืออาจต้องเป็นชั้นเอง" มีดสั้นในมืออูจินถูกเขวี้ยงไปปักที่กลางศีรษะของดาราชายคนหนึ่งบนโปสเตอร์เก่าข้างกำแพง "ถ้าหากซึงฮยอนมันไม่ฟังนาย จอง อิลฮุน"








   ประตูกระจกถูกผลักเปิดออกพร้อมเสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่บนด้ามจับเขย่าดังกรุ๊งกริ๊ง นักเรียนชายสองคนจูงมือกันกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังตรอกข้าง ๆ คาเฟ่ขนมหวานสถานที่เดทสุดโปรดประจำวันศุกร์ หัวใจของทั้งคู่เต้นแรงแข่งกับพายุที่กำลังโถมกระหน่ำ

   ไม่รู้จะรีบออกจากมาร้านทำไม แต่หลบฝนอยู่ใต้หลังคาตึกด้วยกันแบบนี้ก็โรแมนติกไปอีกแบบ

   "เมื่อไหร่จะเลิกสั่งน้ำเสาวรสกินสักทีนะ" คนตัวสูงใช้แขนเสื้อซับน้ำฝนตามหน้าผากให้คนตัวเล็ก
   "ก็เราชอบอะ" คนพูดยืนตัวสั่นเพราะอากาศเย็น ใบหน้าของอีกฝ่ายเคลื่อนเข้ามาประทับริมฝีปากมอบสัมผัสอุ่นที่ไม่ยาวนานเท่าไหร่
   "กลิ่นมันเลี่ยนเหมือนน้ำหอมของปู่"
   "นายก็พูดแบบนี้ทุกที"

   จูบนุ่มลึกท่ามกลางเสียงเม็ดฝนกระทบสังกะสีที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในคอนเสิร์ตที่มีแค่กลองชุด ความสัมพันธ์ที่ไม่เคยมีใครสารภาพความในใจแต่ทั้งซึงฮยอนและแจจินก็รับรู้ได้ถึงความชอบพอในตัวกันและกันเดินทางมาถึงจุดที่เต็มไปด้วยความหอมหวาน

   "วันนี้เราขอไปค้างที่บ้านได้มั้ย"
   "ไม่ได้" ปากอิ่มสวนคำตอบออกไปทันควัน
   "แล้วเมื่อไหร่จะได้"
   "ไม่รู้" แจจินซุกหน้ากับเสื้อนักเรียนตัวชื้น ลอนผมยุ่งกระเพื่อมตามแรงหัวเราะจากการถูกอีกคนจักจี้ "ฮิ ๆ ซึงฮยอน พอเลย คนบ้า"


   สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของซึงฮยอนโผล่มาขัดจังหวะทุกอย่างได้พอดิบพอดี ฝนที่เริ่มซาทำให้เขาไม่ต้องตะโกนคุยกับคนในสาย นอกจากนั้น เสียงพูดของซึงฮยอนก็ยังดังพอให้แจจินจับใจความได้ว่าประเด็นเคร่งเครียดครั้งนี้คืออะไร


   [...แยกเรื่องสำคัญทั้งสองอย่างให้ออกนะซึงฮยอน ชั้นไม่รู้ว่าอูจินรู้อะไรมาบ้าง แต่ที่มันพูดก็ฟังดูมีน้ำหนัก]
   "อืม ชั้นเข้าใจละ"
   [จะนัดรวมแก๊งอีกทีเมื่อไหร่ ศุกร์หน้ามั้ย]
   "ศุกร์หน้าไม่ได้จริง ๆ ว่ะ"

   ร่างเล็กที่ยืนเตะก้อนอิฐเล่นอยู่เหลือบตาขึ้นมามองเขา

   [เคาะวันให้ได้ก่อนอูจินโทรหานายละกัน]
   "โอเค"


   ซึงฮยอนหันไปหาแจจินที่ตอนนี้ยืนกอดอกนิ่ง ใบหน้าที่บอกอารมณ์ไม่เล่นด้วยอีกแล้วจ้องเขม็งมายังคนที่อยู่ในสถานะมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน

   "นายเอาแต่อยู่กับเราจนไม่กลับไปหาแก๊งใช่มั้ย"

   คำถามนั้นทำให้ซึงฮยอนสะอึกไป

   นึกว่าแจจินจะชอบที่เขาเป็นแบบนี้

   "ก็ ไม่ได้เข้าไปนานแล้ว ตั้งแต่หลังจากที่ยกพวกไปตีกับ--"
   "แต่นายเป็นหัวหน้านะ อย่าทำตัวไม่เอาไหนแบบนี้สิ"
   "ไม่เอาไหนงั้นเหรอ" ร่างสูงงงหนักกว่าเดิม ยิ่งเห็นแจจินยู่ปากแบบนั้นยิ่งงง
   "ผู้นำที่ดีเขาไม่ทอดทิ้งลูกน้องกันหรอก"


   เป็นครั้งแรกที่เขาดุซึงฮยอนเรื่องนี้ ไม่สิ อันที่จริงอี แจจิน น่าจะเป็นเด็กเรียนคนแรกที่เห็นดีเห็นงามกับการกระทำสุดนักเลงและฉายามาเฟียไฮสคูลเลอร์ที่ไม่มีใครกล้าแหย่

   นี่ไม่ใช่วิถีของพวกคนดีเลย แม้แต่จีบินก็ยังไม่เห็นมีความคิดแบบนี้


   "แล้วจะให้เราทำไง"
   "แบ่งเวลาไงซึงฮยอน ช่วงไหนจะอยู่กับเพื่อน ช่วงไหนจะอยู่กับเรา"
   "พูดคล้าย ๆ กับอิลฮุนเมื่อกี๊เลย"
   "แต่ถ้าวันไหนยุ่งจริง ๆ ตอนกลางคืนหน้าต่างห้องเราอาจจะเปิดรอนายอยู่ก็ได้"

   ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของแจจินแล้ว หลังจากหัวเราะจนท้องแข็งซึงฮยอนแกล้งวิ่งไปตรงจุดที่อยู่ข้างใต้หน้าต่างห้องนอนที่กำลังถูกพูดถึง เขาทำทีเป็นหาลู่ทางปีนขึ้นไป ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าของห้องถึงกับขำไม่หยุด

   "ศุกร์หน้าหลังเลิกเรียนเราจองตัวนายแล้วนะ" สองคนมายืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ในอนาคตคงจะได้ถูกใช้เป็นบันไดให้ซึงฮยอนปีนขึ้นห้องแจจิน
   "ฮิ ๆ จะใช้เราทำแผลให้อีกล่ะสิ" ลมพัดแรงทำเอาหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามใบและกิ่งร่วงพรูลงมาใส่หัว โชคดีที่เขาได้กระเป๋านักเรียนของซึงฮยอนมาบังไว้ให้ทัน
   "พูดถึงเรื่องทำแผลแล้วเราอยากถามอะไรหน่อย" ฝ่ายที่ตอนนี้หัวเปียกซกกระเถิบตัวเข้ามาใกล้ "นายพกยาหม่องเป็นนิสัยอยู่แล้วจริง ๆ เหรอ"
   "เอ่อ..."
   "ตั้งแต่วันที่นายเห็นปากเราบวมแล้วทายาให้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่มั้ยที่นายจะมีของแบบนั้นอยู่ในกระเป๋าอะ"

   แจจินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนายเอกในนิยายที่กำลังถูกรุ่นพี่ที่แอบชอบเค้นให้สารภาพความในใจ

   ใช่ คนตัวเล็กส่ายหัวแบบเด็ก ๆ ให้ซึงฮยอนรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ กระปุกยาหม่องที่เพิ่งถูกแกะออกจากแพ็คในตอนเช้าหลังจากที่เขานึกได้ว่าก่อนหน้านี้แก๊งของพ่อหนุ่มนักเลงที่ตนเองแอบชอบเพิ่งจะไปมีเรื่องกับเด็กโรงเรียนอื่นมา เสียงซุบซิบในกลุ่มแฟนคลับของซึงฮยอนที่ลอยมาเข้าหูแจจินบอกกับเขาว่าถึงจะได้รับชัยชนะแต่ทั้งสองแก๊งก็เจ็บหนักเอาเรื่อง แทบจะไม่คิดอะไรอีก นักเรียนใหม่คนนี้รีบเลี้ยวเข้าร้านขายยา ถามเภสัชกรว่าถ้าเพื่อนของเขาโดนต่อยมามันพอจะมียาตัวไหนช่วยได้บ้าง

   ส่วนเรื่องราวต่อจากนั้น...

   ก็เป็นอย่างที่เห็น

   "...ก็เราชอบนายหนิ" แจจินก้มหน้าทำแก้มป่อง "เวลานายชอบใครนายไม่อยากทำอะไรให้คนที่นายชอบบ้างเหรอ"
   "ก็นี่ไง อีกเจ็ดวันก็จะถึงวันเกิดคนที่เราชอบแล้ว" ซึงฮยอนก้มตัวตามลงไปฉีกยิ้มหวานใส่อีกคน "จะซื้อของขวัญอะไรไปเซอร์ไพรส์เขาดีล่ะเนี่ย"


   กว่าจะได้กลับเข้าบ้านจริง ๆ ก็ปาไปเกือบทุ่ม สองหนุ่มใช้เวลาอยู่ด้วยกันตรงนั้นยันมืดค่ำเพราะไม่มีใครอยากบอกลาใครก่อน พวกเขาจูบกันเป็นสิบหนและแจจินก็ได้แต่หวังว่าซึงฮยอนจะเข้าใจสิ่งที่คุยกันวันนี้ ทั้งเรื่องการเป็นหัวหน้าแก๊งที่ดีแล้วก็เรื่องทำแผล








   ใบหน้าอันแสนคาดหวังในตัวผู้นำคนใหม่ของสมาชิกแก๊งทั้งรุ่นเก่าและรุ่นปัจจุบันยังคงเป็นสิ่งที่ตัวเองจดจำได้ตลอดมา ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในวินาทีที่ทุกคนเลือกเขา การสาบานตนเบื้องหน้ารุ่นพี่จงฮุนกับรุ่นพี่ฮงกี รวมถึงช่วงเวลาแห่งศักดิ์ศรีที่แต่ละคนผ่านพ้นมาด้วยกัน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตัวก่อร่างสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้ชายที่ชื่อ ซง ซึงฮยอน

   แต่ทำไมกัน พอเริ่มมีความรักแล้วทำไมเขาถึงได้ปล่อยให้มันเข้ามามีความสำคัญเหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้

   จะมีใครช่วยให้คำแนะนำกับซึงฮยอนได้ไหม




   "ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชั้นจะต้องมาเป็นที่ปรึกษาให้นาย" บุรุษท่าทางภูมิฐานอัดควันบุหรี่เข้าปอดและพ่นมันออกก่อนจะหันมาหาคู่สนทนา "กับเรื่องความรัก"


   อย่าให้เรื่องรักใคร่มีอิทธิพลเหนือกว่าปณิธานสูงสุดของแก๊ง นี่คือข้อปฏิบัติอันดับแรก ๆ สำหรับคนที่เป็นผู้นำ มีเหตุการณ์น่าสลดหลายครั้งหลายหนที่สมาชิกรุ่นก่อน ๆ ได้สร้างบทเรียนทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังดูและไม่คิดที่จะทำตามหรือเป็นอย่างพวกเขา

   เพราะว่า ความรัก นอกจากมันจะบ่อนทำลายสภาพจิตใจที่ควรหนักแน่นและมั่นคงอยู่กับพรรคพวก ในอดีตเราอาจรักตัวเอง รักเพื่อนฝูง แต่เมื่อใดก็ตามที่เราเริ่มรักใคร เมื่อใดก็ตามที่เรากล้าพูดว่าเรายอมแลกทุกสิ่งแม้กระทั่งชีวิตของเราเพื่อเขา เมื่อนั้น จุดอ่อนของผู้นำจะปรากฏและกำเนิดเป็นเส้นทางลัดสายใหญ่ให้กับศัตรูที่จ้องจะกำจัดเรา....ทุกคน


   "พี่คิดว่ากฎนี่มันงี่เง่ามั้ยครับ" เด็กหนุ่มผู้ที่ควรต้องได้รับคำแนะนำอีกมากมายถามขึ้นด้วยอารมณ์คิดไม่ตก
   "เคยคิด" ผงสีเทาถูกเคาะให้กระเด็นปลิวออกไปจากมวนยาสูบ "จนกระทั่งชั้นได้รู้อะไรบางอย่าง"
   "รู้อะไรเหรอครับ รุ่นพี่ชางซอบ"
   "รู้ว่ากฎนั่นมันไม่ได้มีไว้เพื่อห้าม" อดีตหัวหน้าแก๊งใช้น้ำเสียงราบเรียบแบบคนที่ผ่านอะไรมามาก "แต่มันมีไว้ให้เราเรียนรู้"
   "หมายความว่าเราต้องลองฝ่าฝืนมันรึเปล่าครับ" ใบหน้าของแจจินผุดขึ้นมาในความคิดของซึงฮยอนอีกครั้งในรอบห้านาที
   "ไม่ใช่ ซึงฮยอน ถ้าจะเรียนรู้จากผลที่ตามมาของการฝ่าฝืนกฎ มันก็มีคนเคยทำไว้ให้ดูอยู่แล้ว" รุ่นพี่คนสนิทสั่งสอนเขาต่อ "นายอยากเอาคนรักมาเสี่ยงกับเรื่องอย่างนี้จริง ๆ เหรอ"
   "เอ่อ ไม่"
   "งั้นก็หาวิธีที่จะรักษาสมดุลของสองสิ่งนี้ให้ได้สิ"








   ที่ห้องเรียน อิลฮุนที่นั่งสะลึมสะลืออยู่สะดุ้งโหยงเมื่อเจอแรงฝ่ามือของเพื่อนรักฟาดเรียกสติเข้าให้ นานแล้วเหมือนกันที่ซึงฮยอนไม่ได้เล่นแรง ๆ ใส่เขาแบบนี้

   "นายจะหลับอะไรตั้งแต่ยังไม่เริ่มคาบแรกวะเนี่ย" สหายร่างสูงยืนบ่นค้ำหัวเขาหน้าตาเฉย "เอาฮอทดอกมั้ย ซื้อมาฝาก"
   "ฮึ..." แปลกในแปลกในแปลก ไอ้นี่ปกติเห็นมันแคร์แต่กับแฟนมันซึ่งเป็นแฟนกันรึยังก็ไม่รู้ ทำไมคราวนี้ถึงมีโมเม้นท์ซื้อมื้อเช้ามาแบ่งอิลฮุนได้
   "พรุ่งนี้อย่าเบี้ยวประชุมนะ ห้าโมงเย็นที่เดิม เพิ่มเติมคือชั้นเลี้ยงไก่ทอด"
   "ป๋ามาจากไหนวะคุณหัวหน้าแก๊ง" ปากที่เคี้ยวขนมปังกับไส้กรอกตุ้ย ๆ เอ่ยขึ้นอย่างทึ่ง ๆ
   "ก็ ถือว่าเป็นการชดเชยที่ชั้นไม่เข้าไปโกดังเลยไง" คนขายาวนั่งไขว่ห้างเป่าลูกโป่งหมากฝรั่งสบายใจเฉิบ "ซื้อใจไอ้อูจินมัน"

   ถึงตัวจะคุยกับอิลฮุนแต่มือข้างหนึ่งที่จับจูงพานักเรียนอีกคนเข้าห้องมาด้วยตั้งแต่แรกก็ยังคงจับกันอยู่ไม่มีปล่อย เด็กผู้ชายด้านขวานั่งอมยิ้มเมื่อซึงฮยอนแกล้งบีบมือเล็ก ๆ ของเขาแน่นขึ้น พอรู้ว่ากำลังถูกจ้อง แจจินก็ต้องทำเป็นก้มหน้าก้มตาปั่นการบ้านของตัวเองต่อไป

   "ส่วนนาย เย็นนี้ก็ห้ามเบี้ยวนัดกินข้าวเราเหมือนกัน"




   เวิร์ค-ไลฟ์ บาลานซ์ กับการบริหารจัดการชีวิตของซึงฮยอนเริ่มเห็นวี่แววของความไปได้สวย แจจินแฮปปี้ที่การพูดคุยกันครั้งนั้นไม่สูญเปล่า ที่แก๊งก็พยายามเข้าใจว่าที่่ผ่านมาหัวหน้าของพวกเขาอาจจะมีปัญหากับการจัดลำดับความสำคัญไปบ้าง

   แต่ไก่ทอดรสเผ็ดของร้านนี้ก็อร่อยใช่ย่อย




   "ไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนเราจะตกหลุมรักแบดบอยตัวพ่อของโรงเรียน แถมเจ้านั่นก็ยังคิดกับนายแบบเดียวกันอีก"

   จีบีนกับแจจินกลับบ้านด้วยกันครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ไม่มีใครจำได้ และแน่นอนว่าเมื่อมีโอกาสแล้ว ประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับซึงฮยอนก็จะต้องถูกหยิบมาพูดถึงเหมือนเคย

   "แล้วมันแปลกมากหรือไง"
   "หืม" จีบินเหวอไปที่อยู่ ๆ แจจินก็ชักสีหน้าใส่เขา "ก็--"
   "มันผิดเหรอที่เด็กเรียนอย่างเราจะชอบคนแบบซึงฮยอนอะ" ร่างเล็กเริ่มไม่สบอารมณ์ ตั้งแต่ครั้งแรกที่บอกกับจีบินไปว่าเขาชอบซึงฮยอนหมอนี่ก็เอาแต่พูดกับเขาว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่มีทางที่ซึงฮยอนจะชอบเขากลับ
   "ก็เราคิดว่ามันจะมีแต่ในนิยายนี่นา" หนุ่มหน้าหวานเกาหัวแกรก ๆ "คือ นายเข้าใจใช่ปะ นักเลงกับนักเรียนเป็นแฟนกัน พล็อตแบบน้ำเน่า ๆ นิดนึง"
   "แต่ของเรามันไม่น้ำเน่าสักหน่อย"
   "อ่าค้าบ ก็ถึงได้บอกว่าไม่อยากเชื่อเลยไง"

   เห็นทีจะต้องปรับทัศนคติ เอ้ย ง้อกันอีกยาว จีบินตัดสินใจพาเพื่อนเลี้ยวแวะรถขายไอติมข้างทาง เลี้ยงซอฟต์เสิร์ฟเขาสักโคนเพื่อให้อะไรเย็น ๆ ได้เข้าไปดับไฟโมโหในร่างกาย

   "เออ แจจิน"
   "อะไร"
   "แล้ววันเกิดนายพรุ่งนี้ ซึงฮยอนเขาจะพานายไปไหนอะ"








   'โรงแรมเหรอ!'


   หัวใจเจ้าของวันเกิดหล่นวูบลงไปอยู่ที่เท้า ก่อนหน้านี้คนที่พาเขามาถึงที่นี่ไม่ได้บอกใบ้อะไรสักคำ ซึงฮยอนหันมาหาแจจินที่ตอนนี้อึ้งค้างไปแล้ว

   "ได้มั้ยแจจิน" ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง


   กว่าจะรู้ตัวว่าตอบตกลงกับซึงฮยอนไปพวกเขาก็เข้ามาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสีหวานที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นกันเรียบร้อย ไม่มีบทสนทนาใด ๆ สองคนยืนจ้องหน้ากันท่ามกลางแสงไฟสลัวที่พยายามดึงเอาความต้องการในตัวของแต่ละฝ่ายออกมา


   "สุขสันต์วันเกิดนะ" กลายเป็นซึงฮยอนที่พลั้งพูดเป็นคนแรก และแจจินที่เคลื่อนกายเข้าไปใกล้เขามากขึ้น
   "ทำไมไม่ให้ของขวัญแบบคนอื่นล่ะ" ใบหน้าที่ซ่อนยิ้มไม่มิดเงยขึ้นให้ปลายจมูกชนกับคางของคนตัวโต
   "เราไง ของขวัญของนาย"

   แจจินหัวเราะพลางยกแขนขึ้นโอบรอบคอของขวัญชิ้นยักษ์ของตัวเอง

   "ไหน บอกซิ ของขวัญชิ้นนี้ทำอะไรได้บ้าง"
   "ทำ...ให้คนที่เกิดวันนี้มีความสุขครับ"




   ไม่มีช่วงเวลาไหนเหมาะเท่าตอนนี้อีก...




   "ซึงฮยอนนี่" เสียงอ่อยกระซิบเรียกคนรักอยู่ข้างหู แผงอกเปลือยเปล่าถูกปลายนิ้วเรียวลูบไล้ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำ
   "ว่า..."
   "รู้มั้ยเราชอบนายที่ตรงไหน"

   สองคนขยับย้ายร่างขึ้นมานั่งบนที่นอน ลมหายใจร้อนรินรดริมฝีปากกันและกันเมื่อทั้งคู่ปรารถนาที่จะจูบ...

   "ตรงไหนเหรอ" หน้าแนบหน้ายับยั้งจุมพิตที่อาจขัดขวางบทสนทนาสำคัญ
   "เราไม่ได้ชอบที่นายพยายามเป็นแบบเรา"
   "..."
   "ที่นายออกห่างจากแก๊ง ลบภาพลักษณ์เด็กเกเรเที่ยวต่อยตีชาวบ้าน" มือเล็กกุมมือใหญ่ไว้หลวม ๆ "เราไม่ชอบที่นายไม่เป็นนาย"
   "แจจิน..."
   "เราชอบซง ซึงฮยอน ที่เป็นแบดบอยไม่ใช่กู๊ดบอย"


   เคยบอกเป็นนัยตั้งแต่ตอนที่เขาสารภาพเรื่องยาหม่องแล้ว หากไม่ยินดีจริง ๆ เรื่องอะไรแจจินจะต้องคอยปฐมพยาบาลทำแผลให้เขาอยู่เรื่อยล่ะ

   ซง ซึงฮยอนน่ะมีชุดความคิดที่ไม่ได้ต่างไปจากจีบินเพื่อนเขาหรอก ชอบก็คือชอบ ถ้าคบกันแล้วมันรอดก็คือรอด ไลฟ์สไตล์อาจเป็นปัจจัยแต่ไม่ใช่ทั้งหมด

   ซึ่ง ระยะเวลาสองเดือนกว่านี่ยังพิสูจน์ไม่ได้อีกเหรอว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้มันเวิร์ค

   อีกทั้ง ครั้งแรกของพวกเขาที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่่นาทีที่ผ่านมานั่นด้วย


   "ง่า ยังทันใช่มั้ยถ้าเราจะบอกว่าขอโทษ" ฝ่ายที่หูตาสว่างแล้วเอานิ้วเขี่ยริมฝีปากล่างของอีกคนเล่นเป็นเชิงอ้อน
   "ถ้าบอกว่าไม่ทันก็คงไม่ต่างอะไรกับฟันแล้วทิ้งอะ"
   "อูย ได้กันแล้วพูดจาน่ากลัวขึ้นเยอะเลยแฮะ"

   ซึงฮยอนถึงกับซู้ดน้ำลาย เคลียร์กันเสร็จก็จูบปิดท้ายสักนิด อีกแปบนึงแจจินก็ต้องกลับบ้านไปเลี้ยงฉลองกับครอบครัว น่าเสียดายอยู่หน่อย ๆ ที่มีครั้งแรกแต่ยังไม่มีครั้งที่สองตามมา ต่างคนต่างรีบจัดการตัวเองก่อนจะต้องเดินทางออกจากสถานที่ฉ่ำรักแห่งนี้








   จุดนัดพบไม่ร้อนระอุเหมือนหนก่อนอีกแล้ว หนึ่งปีแห่งการเก็บตัวรอวันที่เลือดจะถูกล้างด้วยเลือดผ่านพ้นมาถึงช่วงเดือนธันวาอันหนาวเหน็บ สถานที่โล่งกว้างบรรจุวัยรุ่นในเครื่องแบบนับห้าสิบชีวิตจากสองสถาบัน หัวหน้าของพวกเขา ซึงฮยอนและยงฮวา คู่อาฆาตยืนเผชิญหน้ากันท่ามกลางฝูงนักเรียนที่มาที่นี่เพื่อเอาชนะและชำระแค้น

   "เป็นการกลับมาที่ไม่เร็วเท่าไหร่เลยนะ" ซึงฮยอนควงอาวุธเหล็กในมือไปมาเพื่อข่มศัตรู
   "อย่าหวังว่ารอบนี้มึงจะรอดไปได้ ไอ้ซึงฮยอน" ยงฮวายิ้มเยาะ
   "อ๋องั้นเหรอ จะเล่นสกปรกอะไรอีกล่ะคราวนี้" เกือบทุกเขตในจังหวัดรู้ซึ้งถึงอิทธิพลของซึงฮยอนกันหมดแล้ว ถ้าใครคิดจะมีเรื่องกับเขาก็หมายถึงมีเรื่องกับพวกนั้นด้วย "คิดให้ดีนะ"
   "บอกลูกน้องมึงว่าอย่าหันหลังหนีพวกกูก็แล้วกันถ้าถึงตอนนั้น"
   "ได้..." คำมั่นของลูกผู้ชายเล็ดลอดผ่านฟันกรามที่ขบกัดกันดังกรอด "ไปเว้ย! สู้ให้พวกมันรู้ว่าใครกันแน่ที่จะไม่รอด ย้าก!!!"
   "ย้าก!!!"


   .
   .
   .


   "เฮ้ย ตำรวจมา!!!"


   .
   .
   .


   เหล่านักเลงพากันวิ่งแตกฮือหลังจากต่อยตีกันไปได้ร่วมสิบนาที ซึงฮยอนเรียกต้อนพรรคพวกออกจากพื้นที่หนีเสียงหวอรถตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เริ่มทยอยเข้ามาล้อมทั้งสองแก๊ง


   ปัง!


   "อ้าก!!!"

   "เวรแล้ว! ซึงฮยอนถูกยิง!"

   กระสุนฝ่าพวกเขามาจากฝั่งของพวกยงฮวา อิลฮุนกับอูจินรีบวิ่งเข้าแบกรับร่างหัวหน้าที่กำลังจะล้มลงเพราะแรงเจาะกระแทกของเม็ดตะกั่ว ในวินาทีที่เป็นใจ อิลฮุนทันหันไปเห็นว่าใครคือไอ้ชั่วที่ยิงเพื่อนของเขา

   "ไอ้ยงฮวามันยิงซึงฮยอน กูจะไปฆ่ามัน!!!" มีดยาวในกระเป๋ากางถูกชักออกมา อูจินที่ว่องไวกว่าฉุดรั้งเพื่อนร่วมแก๊งเอาไว้พร้อมตะโกนเรียกสติ
   "อย่าเพิ่งเว้ยอิลฮุน!"
   "ปล่อยกูอูจิน! กูจะไม่ยอมให้มันยิงเพื่อนกูฟรี ๆ!"
   "ดูให้ดี ๆ สิวะ!" รองหัวหน้าแก๊งกระชากแขนอิลฮุนเกือบสุดแรง "ตำรวจมาจับมันไปโน่นแล้ว เราก็ต้องรีบหนีก่อนที่จะโดนไปด้วย"
   "อั้ก...! อิลฮุน..." ซึงฮยอนที่เริ่มทนได้กับอาการเจ็บปวดตรงต้นแขนขวาพยายามบังคับตัวเองให้ลุกเดินต่อ "ทำตามที่อูจินบอก เร็ว!"


   โชคดีที่คนโดนยิงยังวิ่งไหว ทั้งสามคนเป็นสมาชิกแก๊งกลุ่มสุดท้ายที่ออกมาจากตรงนั้น อูจินสั่งให้คนที่มีรถขับไปส่งพวกเขาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ส่วนอิลฮุนก็รีบโทรหาแจจินเพื่อบอกข่าว

   "พวกตำรวจรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่" คนที่เพิ่งเกือบจะสละชีวิตล้างแค้นให้เพื่อนสนิทถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
   "หึ ๆ"
   "หัวเราะอะไรกัน"

   สองผู้นำยิ้มให้กันแบบมีเลศนัย ส่วนอิลฮุนที่ยังไม่รู้เรื่องก็ได้แต่ทำหน้างงงวยและสับสน

   "ขนาดครั้งที่แล้วนัดมือเปล่ามันยังเอาไม้หน้าสามมาด้วย" อูจินพูด
   "แล้วรอบนี้มีเหรอที่ไอ้ขี้โกงนี่จะไม่เล่นหนักขึ้น" ซึงฮยอนสมทบ

   อย่างนี้ก็แสดงว่า

   "พวกนาย...โทรหาตำรวจ" ทั้งอิลฮุนและเพื่อนที่ขับรถต่างพูดอะไรต่อไม่ออกไปตาม ๆ กัน

   หัวหน้ากับรองหัวหน้าแก๊งแสนเจ้าเล่ห์พยักหน้าเล็กน้อยให้กับข้อสันนิษฐานนั้น

   "มีใครรู้อีกมั้ย"
   "รู้กันแค่ชั้น กับเขา"




   หนุ่มหน้าสวยเร่งฝีเท้าตรงมายังแผนกฉุกเฉินเห็นเพื่อนของซึงฮยอนนั่งทำหน้าเคร่งเครียดข้าง ๆ ผ้าม่านรางที่ถูกปิดอยู่

   "เป็นยังไงบ้าง"

   สีหน้าเรียบเฉยแบบนั้นไม่ได้ทำให้อิลฮุนรู้สึกแปลกใจ แต่กับอูจินที่เพิ่งได้เจอแจจินเป็นครั้งแรกก็ทึ่ง ๆ ไปตามประสาคนที่ไม่รู้จักนิสัยกัน

   "หมอกำลังเช็คว่าจะต้องผ่ากระสุนออกมั้ย" อิลฮุนพยายามทำให้บรรยากาศไม่ซีเรียสเกินไป "แต่มีความเป็นไปได้ที่ซึงฮยอนจะได้กลายเป็นพวกมีลูกเหล็กฝังอยู่ในตัว"
   "จริงดิ" แจจินตาลุกวาว ถ้าแฟนของเขามีของแบบนั้นอยู่ในร่างกายจริง ๆ มันก็คงจะเท่และเซ็กซี่น่าดู
   "อือ แต่มันโดนยิงที่แขนขวานะ คงว่าวไม่หนุกไปอีกพักใหญ่" เพื่อนสนิทจอมกะล่อนปล่อยมุกหน้านิ่ง
   "ไม่ต้องห่วงหรอก เนี่ย ยังเหลือมือเราอีกตั้งสองข้าง แล้วก็ปากด้วย"

   อูจินที่แอบฟังสองคนนั้นคุยกันอยู่แทบจะสำลักกาแฟที่ตัวเองดื่ม


   'นี่เหรอวะ แฟนเด็กเรียนเกรดเฉลี่ย 4.00 ของซึงฮยอน'








   รถเก๋งป้ายแดงคันหนึ่งใช้เวลาหาที่จอดและถอยหลังเข้าซองอยู่นานเกือบยี่สิบนาที ผู้โดยสารเฉพาะกิจถึงกับยกมือซ้ายขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากด้วยความรู้สึกรอดตายและโล่งอกที่ลูกรักคันแรกของตัวเองรอดพ้นจากสถานการณ์เสี่ยงเกิดรอยบุบไปได้อีกวัน

   "วันนี้เราขับเป็นไงมั่ง" โชเฟอร์มือสมัครเล่นหันมายิ้มหวานให้เจ้าของรถตัวจริงที่กำลังเอี้ยวตัวเอื้อมแขนซ้ายมาดึงเบรกมือ
   "ก็ดี แหะ ๆ"

   ขืนบอกความจริงไปมีหวังโดนค้อนกลับแน่ ซึงฮยอนจัดแจงอาร์มสลิงที่พยุงแขนขวาของเขาอยู่ให้มีสภาพพร้อมเผชิญโลกภายนอก ท่าทางเก้งก้างทะแม่ง ๆ แบบนั้นทำให้แจจินต้องยื่นมือมาช่วยเหลือแฟนอีกแรง

   "เมื่อไหร่จะหายนะ พ่อแบดบอยคนเหล็ก" คนตัวเล็กหยิกแก้มเขาอย่างมันเขี้ยว
   "ถ้าได้รับจูบเพิ่มพลังบ่อย ๆ พรุ่งนี้ก็คงจะหายเป็นปลิดทิ้งเลย"


   ทั้งคู่นั่งหยอกล้อกันอยู่ในรถที่จอดอยู่ในลานจอดรถของโรงเรียนอีกที เด็กสาวกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ด้วยความที่พวกเธอบางคนน่าจะจำได้ว่านี่คือรถยนต์ของใคร

   "ซึงฮยอน แฟนคลับนายมานู่นแล้ว" แจจินจับคางหนุ่มฮ็อตของเขาให้หันออกไปทางหน้าต่าง "อยากได้จูบเพิ่มพลังไม่ใช่เหรอ ลดกระจกลงเร็วสิ"
   "อ่า..."

   กระจกหน้าต่างรถที่ถูกลดเปิดออกอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นคนสองคนกำลังนัวเนียริมฝีปากกันอย่างดูดดื่ม เสียงวี๊ดว๊ายของนักเรียนด้านนอกแปรเปลี่ยนเป็นคำอุทานและการสบถเบา ๆ เพราะต้องมาเห็นการกระทำที่บาดหูบาดตาแบบนั้น

   จากแฟนหนุ่มตัวดีของรุ่นพี่ซึงฮยอน


   "อี๋ ทำไมต้องทำตัวประเจิดประเจ้อด้วย"
   "ฮือ...ชั้นรับไม่ได้"
   "ไอ้เราก็ลืมไปว่าถ้าเขามีรถ...เขาก็ต้องมีแฟนนั่งอยู่ในรถ"


   ประโยคซุบซิบนินทาเหล่านั้นดังพอที่จะสร้างความสะใจในปริมาณไม่น้อยให้แก่แจจิน หลังจากที่พวกเด็ก ๆ เดินหนีไปทางอื่นหมดแล้วเขาก็ปิดกระจกกลับขึ้นไปตามเดิม

   "ฮิ ๆ สนุก"
   "แกล้งรุ่นน้องแบบนั้นอะนะสนุก" ซึงฮยอนเอ็ด เขาเองยังคงละเมอเมาอยู่กับการเล้าโลมเมื่อครู่ "อยู่กับอิลฮุนมากไปจนติดนิสัยมันมาแล่ว"
   "ออกไปเช็คเรตติ้งกันดีกว่า"


   คนตัวเล็กลงจากรถพร้อมกับคนตัวใหญ่ ซึงฮยอนรอให้แจจินเดินมาควงแขนเขาเข้าโรงเรียนไปด้วยกัน สายตาของนักเรียนเพ่งตรงมาที่ทั้งสองตั้งแต่ก้าวแรกยันก้าวสุดท้ายก่อนถึงห้องเรียน ภาพที่เห็นในแต่ละวันของพวกเขามันดูเฟียร์ซเสียจนน่าจะมีเพลงประกอบเท่ ๆ เปิดคลอตลอดการใช้ชีวิตของคู่รักสุดฮ็อตคู่นี่


   อี แจจินไม่ได้เป็นแค่เด็กเรียนธรรมดาทั่วไป ยังมีความลับอีกมากมายที่แม้แต่ซึงฮยอนเองก็ยังค้นพบไม่หมด แต่เท่าที่รู้ตอนนี้ ภาพลักษณ์คนเรียบร้อยใสซื่อพูดจาไพเราะแบบที่เคยเจอในช่วงแรก ๆ ที่เขาเพิ่งย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ นั่น เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งที่เจ้าตัวเลือกให้โผล่พ้นจากทะเลขึ้นมา

   แต่ส่วนที่เหลือที่จมอยู่ใต้น้ำดำมืดด้านล่างเนี่ย...

   ขอบอกตรงนี้เลยว่า

   Good Boy อี แจจิน น่ะ ไม่มีอยู่จริงหรอก






ϟ The end ϟ