September 30, 2017

[SF] FTISLAND 'New Face' (SEUNGJAE)



GENRE: A/U
CHARACTER: Seunghyun, Jaejin and other FNC artists
RATING: PG-13 & NC-17



☩ ☩ ☩



  เวลาแปดโมงเช้าของวันพฤหัสบดี ภายในห้องประชุมที่ไม่ได้มีความวุ่นวายอะไรมากนัก ทีมงานโปรดักชั่นแห่งค่าย FNO ซึ่งผลิตเฉพาะภาพยนตร์ สำหรับผู้ใหญ่ แนวรักร่วมเพศ กำลังรอคอยการมาถึงของพนักงานคนหนึ่ง…

  ว่าแต่ พนักงานประเภทไหนกันที่มีความสำคัญถึงขนาดคนในที่ประชุมจะเริ่มคุยงานไม่ได้ถ้าหากเขายังไม่มา

  “ผมว่าเราเอาสไลด์ Proposal ขึ้นโปรเจคเตอร์แสตนด์บายไว้ก่อนเลยดีกว่า” ฮัน ซองโฮ ผู้ดำรงตำแหน่งโปรดิวเซอร์หัวเรือใหญ่ของโปรเจคล่าสุดอันเป็นหัวข้อสำหรับการประชุมในเช้าวันนี้กล่าวขึ้น “เขาน่าจะใกล้มาถึงแล้ว”


  แล้วตกลง เขา ที่ว่านั้นคือใคร?


  พนักงานบริษัทจำนวนไม่ต่ำกว่าสิบห้าคนในห้องพร้อมใจกันหันไปมองจอโปรเจคเตอร์ที่ตั้งอยู่ปลายโต๊ะประชุม ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ไฟล์ PowerPoint ไฟล์หนึ่งถูกเปิดขึ้น



FNO ANNUAL SPECIAL PROJECT



  ช่วงเวลากลางปีวนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมาก็คือ ภาพยนตร์โปรเจคพิเศษประจำปีของค่าย FNO ที่ทั้งวงการผลิตและเหล่าสาวกหนัง AV ต่างตั้งตารอ

  ในทุกๆปี ภาพยนตร์โปรเจคพิเศษที่ว่านี้สามารถสามารถสร้างความฮือฮาและกระตุ้นตลาดหนังผู้ใหญ่ของเกาหลีได้อย่างล้นหลามจนเป็นที่น่าพอใจให้กับฝ่ายบริหาร โดยไม่ใช่แค่ค่ายที่เป็นฝ่ายได้ประโยชน์ แต่ทุกครั้ง นักแสดงหลักของโปรเจคทั้งสองคนก็จะถูกดีดตัวขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของวงการดารา AV ด้วยเช่นกัน

  อย่างเมื่อสองปีที่แล้ว ชเว จงฮุน หนุ่มล่ำวัยยี่สิบสอง (ในตอนนั้น) คว้าตำแหน่งดาราหนังโป๊ที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประเทศไปได้ก็เป็นผลมาจากที่โปรเจคพิเศษประจำปีตัวเดียวกันนี้สามารถทุบสถิติภาพยนตร์ผู้ใหญ่ที่มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดในรอบห้าปี เขาจึงได้โอกาสในการมีส่วนร่วมกับโปรเจคของปีถัดไปตามเงื่อนไขที่ว่า นักแสดงนำของโปรเจคปีที่แล้วที่ประสบความสำเร็จจะได้แสดงนำอีกครั้งในโปรเจคของปีนี้ โดยเขาเป็นผู้เลือกนักแสดงร่วมเอง และต้องเป็นส่วนหนึ่งในการเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนั้น

  ซึ่งนักแสดงที่ ชเว จงฮุนเลือกให้เล่นด้วยในปีที่แล้ว ก็คือคนที่ได้รับหน้าที่เดียวกับเขาในปีนี้...


  “มาแล้วครับ ขอโทษที่ช้า” ประตูกระจกบานใหญ่เปิดออกพร้อมกับ เขา ที่ทุกคนกำลังรอเดินก้าวเข้ามา “เริ่มประชุมกันแล้วเหรอ”
  “ยัง แจจิน พีดีบอกว่าให้รอคุณ เราก็เลยแค่เปิดจอเตรียมไว้น่ะ” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ใกล้ประตูตอบเขาแทนคนอื่นๆในห้อง
  “อ๋อ” นักแสดงตัวท้อปคนใหม่ของ FNO หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ว่างข้างๆหัวโต๊ะที่มี ฮัน ซองโฮ นั่งอยู่ “งั้น ตอนนี้ก็คงเริ่มได้แล้วเนอะ วันนี้ผมมีแอคติ้งคลาสตอนเก้าโมงด้วย”
  “ทุกคนเขาก็มีงานต้องทำต่อจากนี้ทั้งนั้นแหละ” ซองโฮที่รู้นิสัยเย่อหยิ่งของแจจินดีพูดเหน็บแนมเขา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนฟังสะทกสะท้านใดๆ “โอเค เริ่มได้เลยมินฮยอก”

  สิ้นเสียงคำสั่งจากหัวโต๊ะ พนักงานหนุ่มหน้าใสหัวหน้าทีมเขียนบทก็เริ่มต้นสาธยายเค้าโครงของโปรเจคนี้อย่างละเอียด…


  หลายๆอย่างไม่ได้ต่างจากเดิมมาก ด้วยคุณลักษณะของภาพยนตร์ประเภทนี้ ผู้ชมคงไม่ได้คาดหวังอะไรนอกจาก ผู้แสดง และ ท่วงท่า แต่จุดขายจริงๆของโปรเจคคือ พล็อต ที่นักแสดงคนโปรดของพวกเขาเป็นผู้คิดเอง แน่นอนว่ามันต้องดีกว่าเนื้อเรื่องอันแสนซ้ำซาก วนลูป และไม่สมเหตุสมผลที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไปตามชั้นวาง DVD หรือเว็บไซต์หนังอย่างว่า เพราะนักแสดงส่วนใหญ่จะแอบใส่รสนิยมและความชอบส่วนตัวลงไปในเรื่อง แล้วใครกันจะไม่อยากดู


  “แจจิน ถึงเวลาที่คุณต้องเลือก พระเอก แล้ว”


  ยิ่งไปกว่านั้น การได้ดูหนังที่นักแสดงเป็นคนแคสนักแสดงด้วยกันเองย่อมต้องน่าตื่นเต้นกว่าการดูคนสองคนที่โดนผู้กำกับจับมาใส่ไว้ด้วยกันอีกที


  “เอ่อ...” ดารานำของโปรเจคตัวล่าสุดไล่มองรายชื่อนักแสดงชายสังกัด FNO เกือบห้าสิบชีวิตในแฟ้มเล่มหนา “ให้เวลาผมคิดหน่อยไม่ได้เหรอ”

  จากนักแสดงที่มีหน้าที่เล่นไปตามบท นี่ก็เป็นครั้งแรกที่แจจินต้องเลือกคนที่เขาจะต้องแสดงฉากแบบนั้นด้วยด้วยกัน

  มันไม่ง่ายเลยนะ ปกติทีมงานจะทำการสรรหาคนที่เหมาะสม เคมีตรงกัน หรืออะไรก็ตามที่จะทำให้ภาพยนตร์ตัวไฟนอลมันออกมาสมบูรณ์แบบ แต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองต้องมาหลับตาชี้หาคู่นอนยังไงก็ไม่รู้

  “พล็อตคร่าวๆก็เคาะได้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ตอนนี้คุณน่าจะมี Top 3 หรือ Top 5 ในใจแล้วนะ”

  สายตากดดันจากรอบโต๊ะมองมายังดาราหนุ่มหน้าสวย แจจินกำลังเถียงกับตัวเองว่าจะจิ้มส่งๆไปสักสามสี่คนก่อนดีไหม มือข้างหนึ่งยังคงพลิกหน้ากระดาษไปมา เขาเริ่มรู้สึกตาลายไปกับความเยอะจำนวนของนักแสดงชายในค่าย

  นี่มันบ้าไปแล้ว!

  “ใช้เกณฑ์เดียวกับที่ชเว จงฮุน เลือกคุณสิ” ใครคนหนึ่งในห้องเสนอขึ้น “เขาได้บอกคุณมั้ยว่าเขาเลือกคุณเพราะ---”
  “หมอนั่นมันจิตวิปริต” คำพูดของทีมงานคนนั้นทำให้แจจินหวนกลับไปนึกถึงโปรเจคตัวที่แล้วที่ทั้งคู่แสดงด้วยกัน
  “เฮอะ วิปริตแค่ไหนแต่อ่านบทได้ไม่กี่บรรทัดคุณก็ตอบตกลงเลยไม่ใช่เหรอ” ซองโฮหัวเราะเยาะ
  “ซองโฮฮยอง คุณไม่รู้จักสำนวนที่ว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก เหรอครับ”

  แจจินกวาดสายตาอันเลื่อนลอยไปจนถึงรายชื่อท้ายสุดของกระดาษหน้าสุดท้าย แล้วเขาก็สะดุดเข้ากับบุคลิกและรูปลักษณ์ของนักแสดงหน้าใหม่คนหนึ่ง…




ซง ซึงฮยอน
(นักแสดงฝึกหัด)




  แรงดึงดูดบางอย่างจากผู้ชายหน้าละอ่อนคนนั้นทำให้ดาราหนุ่มถึงกับต้องหยิบแฟ้มประวัติผลงานของนักแสดงทั้งหมดมาเปิดดู

  “ฮึ ไม่มีเหรอ”

  แต่ทว่า ซองใสซองสุดท้ายในแฟ้มนั้นกลับว่างเปล่า

  “ใคร อ๋อ เจ้าหนุ่มคนนั้นอะนะ” อี ฮงกิ โค-โปรดิวเซอร์มองตามสายตาประหลาดใจของแจจิน “แมวมองของเราเจอเขาที่ย่านฮงแด เอ่อ สักประมาณสองสัปดาห์ก่อนมั้ง”
  “ชั้นว่านายเลือกคนที่มีประสบการณ์หน่อยดีกว่า พวกเด็กใหม่น่ะตื่นกล้องจะตายไป… ตื่นกล้อง แต่อย่างอื่นไม่ตื่น เดี๋ยวมันจะพลอยทำให้นายลำบากไปด้วยนะ” ผู้กำกับทักท้วงพร้อมแนบมุกตลกหน้าตายที่ทำให้หลายๆคนในที่ประชุมหัวเราะออกมา

  แจจินยักไหล่

  “งั้น ผมขอสองสัปดาห์”
  “เดี๋ยว สองสัปดาห์เลยเหรอ” ฮงกิโวยใส่เขาแทนซองโฮที่เริ่มควันออกหู
  “ใช่ พฤหัสหน้าหน้า ผมจะเคาะนักแสดงนำให้พวกคุณ ส่วนระหว่างนี้ ทีมเขียนบท ทีมอาร์ต ทีมโลเคชั่น คุณสามารถไปเซ็ตฉากกับคิวถ่ายทำไว้ได้เลย”
  “อื้ม นี่ตกลงใครเป็นคนคุมงานนี้กันแน่เนี่ย ผมหรือเขา” ผู้กำกับสายฮายังคงพูดติดตลก “เห็นแก่ที่นายช่วยพาให้หน้าที่การงานของชั้นรุ่งโรจน์ชั่วข้ามคืนนะ อี แจจิน”

  ถึงจะหยิ่งยโสแต่ก็มีมุมกวนบาทา ดาราหน้าหวานส่งจูบข้ามโต๊ะไปหาชายวัยกลางคนฝั่งตรงข้ามโดยไม่สนใจสีหน้าของโปรดิวเซอร์ที่มองดูทุกการกระทำของเขาอย่างหมดคำพูด

  “เอาล่ะๆ อีกห้านาทีจะถึงเวลาเข้างาน วันนี้เราพอแค่นี้เถอะ ใครมีหน้าที่อะไรก็ไปทำซะ เจอกันพฤหัสหน้า” ซองโฮหันไปหาคนเขียนบทหนุ่ม “มินฮยอก ผมต้องการบทแบบเซมิสคริปต์ เว้นส่วนของแจจินไว้ก่อนเพราะผมเชื่อว่าเขาคงจะยังไม่คิด ท่า ถ้ายังหาคนเล่นด้วยไม่ได้”
  “ได้ครับ พีดี”



.
.
.




  ณ ห้องเรียนแอคติ้งคลาสที่ชั้นสองของอาคาร เหล่านักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งจะเซ็นสัญญากับค่ายได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนต้องมาเข้าอบรมการแสดงก่อนที่จะได้เล่นหนังจริงๆ เพราะสำหรับค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง FNO นั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนก็สามารถเป็นดารา AV ได้เลย


  “หวัดดี ชั้นชื่อดงยอน กวัก ดงยอน”

  เด็กหนุ่มวัยเพิ่งขึ้นเลขสองกำลังนั่งกดโทรศัพท์มือถือของตัวเองแบบคนไม่มีอะไรจะทำ เขาค่อยๆเงยหน้ามองเพื่อนร่วมคลาสที่เข้ามาทักทาย

  “อ่าฮะ หวัดดี ดงยอน” 
  “นาย ชื่อไรล่ะ”
  “ซึงฮยอน”

  บทสนทนาตะกุกตะกักจบสิ้นลงเมื่อครูสอนการแสดงประจำวันเปิดประตูเข้ามา คนในห้องส่งเสียงฮือฮาเมื่อเห็นว่าครูคนนั้นคือ อี แจจิน ดารา AV เบอร์ต้นๆของเกาหลี

  “สวัสดีตอนเช้า...” ประโยคต้อนรับแผ่วเงียบไปหลังจากสายตาที่กำลังกวาดมองดูนักเรียนในคลาสหันไปสบกันกับสายตาของนักแสดงหน้าใหม่ คนนั้น

  ดูเหมือนว่าแจจินจะลืมบทพูดก่อนเปิดคอร์สที่เขาอุตส่าห์ท่องมาอย่างดีไปหมดแล้ว

  “สวัสดีครับ ครูแจจิน” คนหน้าตาซื่อบื้อที่ชื่อ กวัก ดงยอน ตะโกนเสียงดังมาจากกลางห้องเพื่อสร้างซีนให้ตนเอง



.

.

.



  การเรียนการสอนคลาสแรกล่วงเลยไปกว่าสองชั่วโมงแล้ว แต่ครูคนดังก็ยังไม่สามารถละสายตาไปจากนักเรียนหลังห้องคนนั้นได้

  ซึงฮยอนเองก็รู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องเช่นกัน

  “พวกนายทุกๆคนไม่มีใครเคยแสดงอะไรมาก่อนเลยใช่มั้ย” แจจินไม่ได้สนใจคำตอบของนักเรียนคนอื่นเท่าไหร่หรอก เขาอยากรู้แค่คำตอบของซึงฮยอน

  ‘ไม่เอาหน่า นี่นายไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลยแม้แต่นิดเดียวเหรอ อย่างเล่นละครเวทีในโรงเรียนเงี้ย ก็ไม่เคยเหรอซึงฮยอน’

  คำแนะนำจากผู้กำกับคนสนิทนั้นฟังขึ้นเสมอสำหรับเขา อาการตื่นกล้องของพวกนักแสดงที่มีชั่วโมงบินต่ำมักจะเป็นอุปสรรคต่อการถ่ายทำภาพยนตร์แนวนี้...


  ตลอดเวลาแจจินไม่รู้ตัวว่ากำลังทำให้อีกคนรู้สึกเคอะเขินจนทำอะไรไม่ถูก ซึงฮยอนพยายามหันหนีสายตาที่จ้องเขม็งมาหาเขาราวกับจะกลืนกินคู่นั้น


  “นี่ ดงยอน นายว่าอย่างชั้นจะมีโอกาสได้เล่นหนังกับ... ครูเค้ามั้ยวะ” ชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคู่สนทนาของเขากระซิบกระซาบถามในสิ่งที่หลายๆคนก็คงกำลังถามกับตัวเอง
  “จากที่ชั้นรู้มา คนที่จะเล่นคู่แจจินได้น่ะต้องเป็นพวกฝีมือแก่กล้าเท่านั้นเว้ย อย่างควอน กวังจิน ชเว จงฮุนเงี้ย แต่ละคน...ไม่ใช่ขี้ๆ” ดงยอนเว้นระยะเพื่อหันมามองซึงฮยอนที่นั่งอยู่แถวหลังเยื้องๆกันกับเขา “แค่รูปร่างหน้าตาดีอย่างเดียวไม่ได้หรอก ถ้าอย่างอื่น ไม่ได้เรื่อง

  ประโยคหลัง ดงยอนเพิ่มระดับเสียงขึ้นจนมั่นใจว่าอีกคนน่าจะได้ยิน เขาคงจะรู้สึกหมั่นไส้ที่เห็นแจจินเอาแต่มองไอ้เด็กหน้าง่วงคนนี้

  คนถูกนินทาทำเป็นนั่งเขย่าขาเหมือนไม่ได้ยินอะไร แต่ จริงๆแล้วเขาเงี่ยหูฟังสิ่งที่สองคนนั้นคุยกันอยู่ตลอด

  “ดงยอน” เสียงที่เรียกชื่อเขาดังขึ้นใกล้เจ้าตัวมากจนดงยอนถึงกับสะดุ้ง
  “ค...ครับ แจ-- เอ่อ ครู”
  “นายสนิทกับซึงฮยอนมากจนรู้แล้วเหรอว่าเขา ไม่ได้เรื่อง น่ะ” แจจินยืนกอดอกถามนักเรียนของเขาอย่างยิ้มๆ
  “เอ่อ...”

  กลายเป็นว่าจากที่เอาแต่หลบหน้าหลบตา ตอนนี้ซึงฮยอนกล้าเงยหน้ามาเผชิญกับคนที่เป็นทั้งดาราหนังอย่างว่าและครูสอนแอคติ้งของเขา

  “รู้มั้ยครับนักเรียน กับบางคน เห็นขี้เขินขี้อายแบบนั้น พออยู่บนเตียงก็เปลี่ยนสภาพจากคนไปเป็นสัตว์ซะงั้น”

  ไม่ใช่แค่ซึงฮยอนเท่านั้นที่อึ้งกับคำพูดเมื่อกี๊ของแจจิน คนทั้งคลาสต่างพากันทำตาโตหันมามองพวกเขาสองคน สายตาของครูยังคงอยู่กับนักเรียนขี้ก้างร่างสูงหลังห้อง ส่วนดงยอนซึ่งเป็นคนที่แจจินพูดด้วยกลับทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ



.

.

.




  บ่ายโมงกว่าหลังเลิกเรียนได้ไม่นาน เหล่านักแสดงฝึกหัดกำลังเก็บข้าวของและจับกลุ่มออกไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน จะมีเพียงแต่ซึงฮยอนที่ยืนกดโทรศัพท์ปลีกวิเวกอยู่คนเดียว

  “บ่ายนี้นายจะไปไหนเหรอ”

  เด็กหนุ่มหน้าง่วง(ในความคิดเห็นของดงยอน)ตกใจเล็กน้อยที่เห็นแจจินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา

  “มหาลัยครับ ผมมีเรียนตอนบ่ายสอง” ร่างสูงกระชับสายสะพายเป้ให้เข้าที่เข้าทางเพื่อจะเดินออกไปจากตรงนี้
  “แล้ว...” แจจินพยายามรั้งเขาไว้ “ไปยังไงน่ะ”
  “ก็ รถใต้ดินครับ”
  “ให้ชั้นไปส่งได้มั้ย”



.
.

.




  ความเงียบสลับกับอาการถามคำตอบคำของซึงฮยอนทำให้แจจินรู้สึกอึดอัดไม่ใช่น้อย แต่เขาก็ต้องทำใจยอมรับมันเพราะตนเป็นฝ่ายขอขับรถไปส่งลูกศิษย์ที่มหาวิทยาลัยเอง

  “นายเรียนอยู่ปีไหน”
  “ปีสองครับ”
  “คณะ”
  “วิทย์กีฬา”
  “ใช่ตึกสีเทาตรงนั้นรึเปล่า”

  รถสปอร์ตซีดานของบริษัทที่แจจินมีอภิสิทธิ์ใช้มันขับไปไหนในเวลางานได้กำลังเลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณด้านข้างของอาคารขนาดใหญ่

  “เรียนวิทย์กีฬา แต่หุ่นนายดูไม่น่าจะเป็นนักกีฬาได้เลยนะ”
  “ผมไม่ได้เรียนสาขาที่นักกีฬาเขาเรียนกันน่ะครับ”
  “อ้าวเหรอ” แจจินยิ้มกว้างหลังจากได้ยินประโยคคำพูดที่มีจำนวนพยางค์มากกว่าสิบพยางค์ออกมาจากปากของอีกคน “ซึงฮยอน...”
  “ครับ”
  “ถ้าอยากจะอยู่ในวงการนี้ นายต้องกล้าพูดกล้าแสดงออกมากขึ้น นายจะเงียบกับชั้นชั้นไม่ว่า แต่กับเพื่อนในค่าย พี่ๆทีมงาน หรือนักแสดงรุ่นพี่ นายควรสร้างสัมพันธ์กับพวกเขาไว้เยอะๆนะ แล้วมันจะดีกับตัวนายเอง” เขาพูดกับซึงฮยอนในฐานะคนที่มีประสบการณ์มากกว่า
  “เนๆ” เด็กหนุ่มพยักหน้าสองสามทีก่อนหันมายิ้มให้ “ผมจะพยายามให้มากขึ้นครับ”


  ...แจจินรู้สึกอดใจไม่ไหวกับรอยยิ้มแสนไร้เดียงสาตรงหน้า เขาขยับเอียงตัวไปหาอีกคนพร้อมกับมือที่ยื่นไปจับสันกรามได้รูปและดันให้หันมาทางนี้ ก่อนที่จะ---

  “เอ่อ ครูครับ ผมว่าเราไม่ควร”
  “หืม ทำไมล่ะ” ตอนนี้ใบหน้าของแจจินและซึงฮยอนอยู่ห่างกันไม่กี่เซนฯ “จะบอกว่าเราไม่ได้เล่นหนังด้วยกันอยู่ใช่มั้ย”

  เขานิ่งไม่ตอบ แต่นั้นแหละคือคำตอบ

  “ทำแบบนี้ แฟนครูจะไม่ว่าเหรอครับ”
  “ฮ่าๆ ชั้นยังไม่มีแฟน” มือเรียวลูบไล้ใบหน้าของซึงฮยอนอย่างเอ็นดู “หรือว่า นายมีแล้ว”
  “เปล่าครับ ผมก็ไม่มี”

  แจจินรู้สึกได้ว่าลูกศิษย์ของเขาใจเต้นแรงมาก ไม่ได้หลงตัวเองนะแต่เป็นใครก็ต้องตื่นเต้นแหละที่กำลังจะได้จูบกับดาราหนังเอ็กซ์ที่ปกติเห็นกันแต่ในจอคอมฯ

  “งั้นจะกลัวอะไรอีกล่ะ” พูดจบริมฝีปากอวบอิ่มที่คอหนังคุ้นเคยกันดีก็ประกบเข้ากับปากบางของคนที่เด็กกว่า ซึงฮยอนเองก็เจนโลกพอที่จะรู้ทันความคิดของแจจิน เพียงแต่ว่าเขายังคงมาดเดิม ไม่แสดงออกว่าตนเองก็กำลังกระหายรสสัมผัสนั้นอยู่เช่นกัน

  แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เขาไม่ขอ แจจินก็เป็นฝ่ายมอบมันให้อีกคนเองได้ ความช่ำชองจากการคร่ำหวอดในแวดวงหนังเรทสิบแปดบวกกว่าสามปีของครูสอนแอคติ้งคนนี้ถูกนำเสนอผ่านลีลาตวัดลิ้นอันแสนแพรวพราว สร้างความพอใจให้กับอีกฝ่ายจนเผลอส่งเสียงออกมาหลายที

  ช่วงเวลาของการดื่มด่ำใกล้สิ้นสุดลง ดูก็รู้ว่าทั้งคู่ต่างกำลังบ่นในใจอย่างเสียดาย แต่แจจินคนขี้เล่นก็แอบวางกับดักทิ้งท้ายให้ซึงฮยอนอย่างไร้ความเมตตา มือเล็กที่แต่เดิมประคองจับคางของคู่จูบไว้อยู่ลดระดับลงไปยังผืนผ้าระหว่างขากางเกงทั้งสองข้าง

  “อ้าห..!” ร่างของเด็กหนุ่มกระตุกแรงเมื่อส่วนนั้นของตัวเองถูกสัมผัสด้วยการบีบ แต่นั่นกลับสร้างเสียงหัวเราะแก่อีกคน แจจินรู้สึกสะใจที่สามารถลวนลามนักแสดงฝึกหัดคนนี้ได้
  “ชั้น ชอบนายนะซึงฮยอน...”


ปัง!

  เสียงปิดประตูรถดังสนั่นฉุดดึงแจจินที่กำลังตกอยู่ในภวังค์เพ้อฝันให้กลับมาสู่โลกปัจจุบัน ร่างของเด็กหนุ่มที่เขามาส่งเดินเลี้ยวเข้าอาคารไปนานแล้วแต่คนบนรถยังคงนั่งสับสนว่าไอ้เรื่องเมื่อตะกี๊มันเกิดขึ้นจริงๆหรือเขาแค่มโน

  ไม่นานนักก็รู้คำตอบ

  ‘นี่เรา...เป็นเอามากขนาดนี้เลยเหรอ’



.

.

.




   ในตอนเช้าของวันพฤหัสถัดมา แจจินหาเรื่องอ้างขอออกจากที่ประชุมก่อนเวลา แน่นอนว่าโปรดิวเซอร์ฮันไม่อนุญาต แต่ดาราหนุ่มก็หาได้ใส่ใจ

  “เหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เดียวแต่ผมยังไม่เห็นว่าคุณจะกระตือรือร้นขึ้นจากเดิมเลยนะ อี แจจิน” ซองโฮพูดไล่หลังชายร่างเล็กที่กำลังจะเดินพ้นเขตห้องออกไป
  “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า พฤหัสหน้าก็คือพฤหัสหน้า!” เสียงตะโกนของแจจินแพร่ผ่านเข้ามาตามช่วงว่างของประตูที่ยังปิดไม่สนิทดี



.

.

.




  ‘ไม่ได้เห็นหน้าตั้งเจ็ดวัน… อยากเจอแล้วโว้ย’ ระหว่างทางเดินไปยังคลาสเรียนในความรับผิดชอบของเขา ครูสอนแอคติ้งหนุ่มเอาแต่คิดถึงใบหน้าที่เอาจริงๆก็ไม่ได้หล่อมากของนักแสดงฝึกหัดคนนั้น

  แจจินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง แอบเดากึ่งคิดเข้าข้างตัวเองในใจว่าซึงฮยอนอาจจะอยู่ข้างในแล้วถึงแม้ว่าตอนนี้เพิ่งจะแปดโมงครึ่ง เขาเอื้อมมือจะไปผลักประตูแต่ทันทีที่ปลายนิ้วแตะกับด้ามจับ แผ่นเหล็กบานตรงหน้าก็ถูกดึงให้เปิดออกจากด้านใน… พร้อมกับคนที่แจจินกำลังบ่นคิดถึงยืนยิ้มให้อยู่

  “ซึงฮยอน เอ่อ มาเช้าจัง” คนนอกห้องทักทายตัวเกร็ง
  “แหะ ครูก็เหมือนกันแหละครับ”


  วันนี้ นักเรียน(คนโปรด)ของเขามาในลุคหนุ่มแว่น สวมเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยีนส์เข่าขาดที่น่าจะเป็นตัวเดิมกับเมื่อสัปดาห์นู้น

  ทำไมใส่แค่นี้ยังดูเซ็กซี่


  “กำลังจะไปไหนน่ะ” ถามจบแจจินก็นึกขึ้นได้ว่ามันเป็นอะไรที่เขาไม่จำเป็นต้องรู้เลย
  “ไปห้องน้ำครับ” ซึงฮยอนเดินออกจากห้องเรียนไปแล้วแต่ก็ยังไม่วายหันกลับมาหาครูของเขาอีกรอบ “ไปด้วยกันมั้ย”

  ทีแรกก็ว่าจะไม่สนใจกับคำตอบ แต่ไอ้ประโยคหลังนั่นทำให้แจจินถึงกับหันขวับไปมอง

  ไม่มีแววตาแบบคนพูดเล่นอยู่บนใบหน้าของซึงฮยอนเลย ซึ่งนั่นทำให้ฝ่ายที่ถูกชวนยิ่งจินตนาการอะไรต่อมิอะไรไปไกลกว่าเดิม

  “อ่า ไม่เป็นไร ไม่ได้ปวด”

  ถึงแม้ว่าจะโดนปฏิเสธแต่ร่างสูงก็ยังสามารถเดินอมยิ้มตรงไปยังห้องน้ำชายที่สุดทางเดินได้ ปล่อยให้แจจินยืนบ่นกับตัวเองอยู่คนเดียวในห้องเรียน

  “ผู้ชายที่ไหนเขาจะชวนผู้ชายด้วยกันไปเข้าห้องน้ำอะ
  หรือว่า เขาจะชวนเราไปทำ อย่างนั้น จริงๆ”


  ดาราหนุ่มผู้มีหน้าที่ต้องหาใครสักคนมาเป็นนักแสดงนำให้กับหนังโปรเจคสำคัญแห่งปีของค่ายคู่กับเขาเริ่มกลับมาทบทวนคำตอบที่เขาให้กับซึงฮยอนไปเมื่อกี๊

  ซึ่ง แจจินเองก็อยาก ได้ นิวเฟซคนนั้นมาเป็นพระเอกของเขาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

  ก่อนหน้านี้ก็มีความคิดว่าเจ้าซง ซึงฮยอนนั่นมันเล่นตัวนะ แต่แล้วทำไมตอนนี้คนที่มีนิสัยแบบนั้นกลับเป็นตัวเขาเองล่ะ

  ร่างเล็กหันหน้าไปมองนาฬิกาที่ผนังห้อง ยังเหลือเวลาอีกตั้งสิบห้านาทีก่อนคลาสของเขาจะเริ่ม แถมตอนนี้ นอกจากซึงฮยอนก็ยังไม่มีนักเรียนคนไหนมาถึงแล้วเลย


  ‘อะ ไปฉี่หน่อยละกัน’



.
.
.



  ก้าวอีกเพียงไม่กี่ก้าวแจจินก็จะถึงห้องน้ำชาย แต่เขากลับไม่รู้สึกว่ามีคนอยู่ในนั้นเลย หรือว่าซึงฮยอนจะออกไปแล้ว…

  หรือว่าเมื่อกี๊มันเป็นเพียงแค่การถามไถ่ตามมารยาท

  สุดท้ายแล้วแจจินก็เดินเข้าไป น่าแปลกที่ประตูห้องส้วมทุกห้องเปิดกว้างบอกให้รู้ว่าไม่มีใครใช้ห้องน้ำอยู่ รวมถึงโถส้วมชายที่ว่างเปล่าตรงหน้านี้ด้วย

  ‘ไหนอะ ซึงฮย---’
  “อ๊ะ!”

  ไหล่ทั้งสองข้างของเขาถูกใครบางคนจับดึงให้ถอยไปชนประตูห้องน้ำที่กำลังปิด โชคดีที่บุคคลปริศนาคนนั้นไม่ได้ออกแรงมากจนอาจสร้างเสียงกระแทกที่ดังผิดปกติ

  “ครูแจจิน ไหนบอกว่าไม่ปวดไงครับ”
  “รู้ได้ยังไงว่าคนที่เข้ามาคือชั้น” แจจินขยับเล็กน้อยเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายกับพื้นที่ว่างที่ซึงฮยอนเหลือให้เขาในอ้อมกอด “เพิ่งเดินเข้ามาในนี้ได้ไม่ถึงสองก้าวเลย”
  “ผมจำกลิ่นน้ำหอมของครูได้”

  ฟังดูโรคจิตหน่อยๆนะ

  แต่ทำไมคนได้ยินกลับรู้สึกชอบล่ะ

  “แหม เดี๋ยวนี้พูดจาดีหนิ” แจจินโอบรอบคอลูกศิษย์ตนเองอย่างหลวมๆ ใบหน้าผอมเรียวเงยขึ้นจ้องเข้าไปในดวงตาคู่ที่อยู่หลังเลนส์แว่นหนาเตอะ “ไม่เหมือนซึงฮยอนคนนั้นเลยอะ”
  “ก็ครูบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าคนขี้อายแบบผม พออยู่บนเตียงก็จะกลายเป็นอย่างอื่น”
  “แต่นี่เราอยู่ในห้อง---”

  แจจินนึกดีใจที่ในที่สุดซึงฮยอนก็จูบเขาสักที บอกเลยว่าตอนนี้เขาไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นนอกจากผู้ชายคนตรงหน้า กลอนประตูถูกสับล็อคอย่างรวดเร็วเมื่อทั้งสองเริ่มกระทำสิ่งที่เป็นวัตถุประสงค์ของการเข้ามาอยู่ในสถานที่แห่งนี้

  “ซึงฮยอน...” หลังจากแลกลิ้นแลกน้ำลายกันนานแสนนาน คุณครูหน้าหวานที่ตอนนี้ริมฝีปากเริ่มขึ้นสีและบวมเจ่อเพราะแรงดูดอันหนักหน่วงเอ่ยเรียกชื่ออีกคนอย่างระทดระทวย “เรามีเวลาแค่สิบนาทีเอง อื้อ...”

  งั้นก็ไม่ควรพูดพร่ำให้เสียเวลา เด็กหนุ่มเดินหน้าเล้าโลมครูสอนการแสดงของตน ทั่วทั้งลำคอของแจจินเริ่มเปียกชื้น ความตื่นเต้นแทรกซึมไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง... พวกจุดที่ไวต่อสัมผัสทั้งหลาย

  คนที่โดนปรนเปรอหายใจแรงขึ้นพร้อมกับความรู้สึกดีที่ถูกปลดปล่อยออกมาในรูปของ เสียงร้องบางอย่าง มือเรียวล้วงควานเข้าไปในเชิ้ตฟ้าอ่อนตัวบาง ลูบไล้ผิวกายภายในนั้นโดยต้องจินตนาการเอาเองว่าอีกคนถอดเสื้ออยู่

  “อ...อย่าแรง เดี๋ยวมัน อือ...เป็นรอยชัด” ต้องคอยท้วงไม่ให้ซึงฮยอนเพลิดเพลินจนลืมไปว่าถ้าเขาสร้างหลักฐานอะไรตั้งแต่ตอนนี้มันก็จะยิ่งเพิ่มความลำบากในการต้องไปเผชิญหน้านักเรียนที่คลาสนั้นให้กับแจจิน
   “ครับครู” เสียงลมหายใจสั่นเครือดังอยู่ข้างหู “งั้น...”
  “หงึ...หยุด พอก่อน”

  ซึงฮยอนชักมือที่กำลังจะล้วงลงไปในอันเดอร์แวร์สีน้ำเงินเข้มกลับออกมาอย่างเสียดาย

  “ทำไมล่ะ” ลูกศิษย์ร่างสูงจ้องหน้าครูอย่างสงสัย ฟังดูก็รู้ว่าตอนพูดประโยคนั้นแจจินต้องฝืนใจตัวเองสุดขีด
  “ซึงฮยอน” คนตัวเล็กกว่ายังคงกอดเอวเขาไว้ “ชั้น ชอบนาย”
  “ผมก็---”
  “ไม่” ดาราหนุ่มที่เพิ่งโดนพูดแทรกขมวดคิ้ว “ชั้นไม่อยากให้มันเป็นที่นี่”
  “แล้ว ถ้าครูทำให้ผมล่ะ” 
  “ไม่เอา นี่ นายไม่เข้าใจเหรอ!” แจจินปล่อยแขนออกจากเขาอย่างหงุดหงิด
  “อ่า เข้าใจคับ” ซึงฮยอนทำเสียงออดอ้อน ช่วงไหล่ของคนแก่กว่าโดนโลมเลียอีกครั้ง คอเสื้อสเวตเตอร์ถูกดึงให้ยืดออกเผยผิวเนียนใต้ร่มผ้าก่อนที่ลิ้นลื่นจะไล่ลากลงมาถึง “น่าเสียดายจัง”
  “ก็ คิดซะว่านี่เป็นทีเซอร์แล้วกัน อ้าห!"

  ผิวหนังบริเวณที่แจจินคาดว่าน่าจะอยู่ในเขตที่ลึกพอให้เสื้อของเขาช่วยปกปิดไว้ได้ถูกดูดอย่างแรง เจ้าตัวรู้ทันทีว่าอีกไม่ช้ารอยจ้ำสีแดงคล้ำก็จะปรากฏขึ้นมาให้เห็น และไม่ใช่แค่เพียงหนึ่งจุด

  ฝ่ามือสองข้างเกาะจับบั้นท้ายงอนแน่น เสียงครางอู้อี้ในลำคอดังที่ขึ้นตามแรงกดนวดจากนิ้วทั้งสิบยิ่งเป็นตัวตอกย้ำความรู้สึกของฝ่ายที่ถูกกระทำให้ยิ่งชัดเจน

  “ซึง… ฮึ หยุด...”


  ซึงฮยอนกำลังทำให้แจจินคลั่ง


  “ดูทีเซอร์แล้ว ผมเห็นว่าหนังมันน่าดูก็เลยอยากขอ จอง ตั๋วไว้ก่อน” คนพูดก้มลงมองผลงานที่เพิ่งสร้างสรรค์เสร็จสดๆร้อนๆของตนเอง “ครูคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยครับ”



.
.
.



  การเรียนการสอนในวันนี้ก็ดูปกติไม่มีอะไร ซึ่งนั่นเป็นมุมมองของนักเรียนคนอื่นๆ แต่สำหรับแจจินและซึงฮยอน ตลอดเวลาสี่ชั่วโมงพวกเขาสองคนคงไม่รู้ตัวว่าต่างคนต่างสลับกันมองดูนาฬิกาประหนึ่งยิ่งมองเวลาก็จะยิ่งเดินเร็วขึ้น แต่มันเป็นไปได้ซะที่ไหนล่ะ

  “คิดอะไรอยู่เหรอ"

  ช่วงห้านาทีสุดท้าย คุณครูหนุ่มสังเกตเห็นว่าลูกศิษย์คนที่เขาเพิ่งเกือบจะมีอะไรด้วยเอาแต่นั่งเหม่อจ้องแผ่นหลังของเพื่อนคนข้างหน้าและไม่ได้เลคเชอร์สิ่งที่เขาพูดเลย แม้แต่ตอนนี้ที่เลิกคลาสแล้ว แจจินเดินมายืนด้านข้างโต๊ะเรียน ซึงฮยอนก็ยังคงไม่สนใจ นั่งเก็บของใส่กระเป๋าด้วยความเอื่อยเฉื่อย

  “ฮึ เปล่าครับ”
  “ซึงฮยอน” แจจินเปลี่ยนน้ำเสียงให้ดูจริงจังขึ้นกว่าเดิมมากจนอีกคนรู้สึกเหมือนว่าจะมีงานเข้า
  “ฮะ”
  “รู้ตัวมั้ยว่า นายอ่อนที่สุดในคลาส” ประโยคหลังจากนี้เขาพูดด้วยความรู้สึกเป็นห่วง “นายไม่ค่อยสนใจเวลาชั้นสอนเลย หรือคิดว่าเรื่องพื้นฐานพวกนี้มันไม่สำคัญ”
  “...”

  จริงๆแล้วซึงฮยอนก็มีเหตุผลของตัวเองนะ แต่ที่แกล้งทำเงียบก็เพราะอยากรู้ว่าที่แจจินพูดแบบนั้น เขามีแผนอะไรกันแน่

  “ถ้าในห้องไม่ตั้งใจเรียนแบบนี้ ดูท่าจะต้องมีติวเพิ่ม แบบตัวต่อตัว หน่อยแล้วล่ะมั้ง”

  เด็กหนุ่มยิ้มน้อยๆ แบบที่ทั้งคู่รู้กันว่ามันหมายถึงอะไร

  “แล้ว ครูจะสอนที่ไหนเหรอครับ”
  “เดี๋ยวบอก” แจจินยืนลูบไล้ไปบนหน้าอกของตัวเองตรงบริเวณที่มีร่องรอยของการจับจอง “วันนี้เรียนถึงกี่โมงล่ะ”
  “สองทุ่ม”



.
.
.



19:56

  010-0706-2007:
  Location sent
  ชั้นฝากคีย์การ์ดอีกอันไว้ที่เคาน์เตอร์ข้างล่าง ห้อง C43



.
.
.



  เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นที่หน้าประตูห้องบนชั้นสูงสุดของคอนโดหรูใจกลางกรุงโซล แจจินหยุดยืนอยู่ตรงนั้นพักนึงก่อนที่จะตัดสินใจเปิดเข้าไป…ด้วยความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

  “ซึงฮยอน” เจ้าของห้องเรียกหาคนที่อยู่ในนี้ก่อนแล้ว
  “ครับ แจจิน เอ้ย ครู...”

  ร่างของเด็กหนุ่มบนโซฟาสะดุ้งตื่นและรีบลุกขึ้นนั่ง ทันทีที่แจจินเห็นซึงฮยอน ภาพเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวลูกศิษย์คนนี้ที่เขาหลงใหลมันยังอยู่ในสภาพเดิม โดยเฉพาะแว่นตาอันนั้น

  จริงๆก็อยากจะยื้อเวลาไว้อีกหน่อยนะ แต่มันห้ามใจไม่ไหวแล้ว



:::: สามาถเลื่อนข้ามไปได้ถ้าไม่ต้องการอ่านฉาก nc ::::



  ตื่น

  ถึงแม้ว่ากิจกรรมที่เพิ่งจบสิ้นไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วจะหนักหน่วงแค่ไหนก็ไม่ทำให้แจจินตื่นสาย

  และนี่คือหนึ่งในเรื่องดีๆต้อนรับเช้าวันศุกร์

  'ทำไมวันนี้ไม่เป็นวันเสาร์นะ'

  สองร่างเบียดอัดอยู่บนโซฟาตัวเดิมที่ซึงฮยอนใช้นอนรอเขาเมื่อคืน คนที่รู้สึกตัวก่อนได้แต่หัวเราะในใจ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็พากันกลับมาปิดท้ายที่ตรงนี้

  แล้วนี่ท่าจบต้องแย่แค่ไหน แจจินในตอนนี้ถึงแทบขยับตัวไม่ได้

  ไม่ใช่เพราะเมื่อย แต่ทั้งแขนและขาของซึงฮยอนพาดเกยกักขังเขาไว้ในพื้นที่เล็กๆบนเบาะชนิดที่แม้แต่อากาศยังเล็ดลอดเข้ามายาก

  "นี่ ปล่อยชั้นออกไปหน่อยเถอะ" เขาพูดด้วยระดับเสียงปกติ พื้นที่แคบๆอย่างโซฟาคงไม่ทำให้ใครหลับสนิทได้หรอก แถมใบหน้าทั้งคู่ก็อยู่ใกล้กันจนถ้าอ้าปากทีก็งับจมูกอีกคนได้แล้ว
  "อือ คับ..."

  เวรกรรม นี่ซึงฮยอนได้ยินที่เขาพูดจริงๆรึเปล่า

  "บอกให้ปล่อย ซึงฮยอน" แจจินดิ้น "ไม่ใช่กอด อ๊ะ!"

  ร่างเล็กร้องสะดุ้งเพราะรู้สึกเจ็บแปล้บที่หัวไหล่ขวา เขาตัดสินใจผลักซึงฮยอนให้ขยับตัวออกและรีบลุกขึ้นวิ่งไปที่กระจก

  "นี่นายทำอะไรชั้นเนี่ย!"

  ภาพที่แจจินเห็นตอนนี้ดูไม่ต่างอะไรกับฉากในหนังสยองขวัญ รอยช้ำสีม่วงเป็นขีดประคล้ายรอยฟันยังมีเลือดซึมอยู่ซิบๆ เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน

  "ถ้าชั้นเป็นบาดทะยักขึ้นมา นายต้องรับผิดชอบ" แจจินหันไปต่อว่าคนที่ทำร้ายร่างกายเขา ซึ่งยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่อง

  จะว่าโมโหมั้ยก็โมโห

  แต่จะว่าพอใจมั้ย...

  ก็พอใจ

  ก่อนจะไปล้างเนื้อล้างตัวและ ล้างแผล แจจินกลับมานั่งที่โซฟาข้างๆร่างไร้เสื้อผ้าของซึงฮยอน ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนโผล่เข้ามาในความคิด เขามองไปรอบๆ ข้าวของบริเวณนี้ร่วงหล่นกระจายเป็นสิ่งยืนยันว่าทั้งคู่รุนแรงกันขนาดไหน

  แล้วแจจินก็นึกอะไรสนุกๆขึ้นได้เมื่อเหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือของคู่ขาที่วางนิ่งอยู่บนพื้น

  "ชั้นจะไม่ยอมให้นายลืมว่าเมื่อคืนนายทำอะไรกับชั้น"

  ดาราหนุ่มตั้งใจจะถ่ายรูปตัวเองกับแผลนั่นเก็บไว้ แล้วก็ จะตั้งเป็นวอลเปเปอร์ให้เจ้าของโทรศัพท์ด้วย แจจินยิ้มกว้างอย่างสะใจในแผนการกลั่นแกล้งคนซาดิสม์ของตัวเอง แต่ทันทีที่เขากดปุ่มเปิดเครื่อง...

  "เฮ้ย"

  ภาพล็อคสกรีนที่ปรากฏหลังจากหน้าจอมือถือสว่างขึ้น คือภาพ(เกือบ)นู้ดของเขา!

  เดี๋ยวนะ หมายความว่ายังไง

  แจจินแอบเช็คโทรศัพท์ของซึงฮยอนและค้นพบว่ามันเต็มไปด้วย ภาพ คลิป รวมถึงหนังของเขา แถมไม่ใช่ไฟล์ที่เพิ่งเซฟ มันถูกเก็บไว้มานานแล้ว ราวกับว่า ซึงฮยอน เป็นแฟนคลับ---

  "แจจิน!" เด็กหนุ่มที่เพิ่งตื่นลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วและรีบหันไปตรวจเช็คแผลของอีกคน "เมื่อคืนผมทำคุณแรงขนาดนี้เลยเหรอ กล่องยาอยู่ไหน ผมจะทำแผลให้"
  "ไม่ต้อง" คนแก่กว่าทำหน้านิ่ง สั่งซึงฮยอนให้หยุดเดินเพ่นพ่านแล้วยกโทรศัพท์เครื่องนั้นชูไปมา "ทำไมนายไม่ยอมบอกใคร ว่าเป็นแฟนคลับชั้น"



.

.

.



  ระหว่างลงมาจากคอนโด ซึงฮยอนเล่าทุกสิ่งที่เขาปิดบังไว้ให้แจจินฟัง...

  "ใช่ ผมคลั่งไคล้คุณ ก็เหมือนแฟนคลับทั่วไปนั่นแหละ แต่ผมแค่เป็นพวกพูดน้อย"

  แล้วก็ยังเล่าถึงตอนที่มีแมวมองของบริษัทมาชักชวนให้ไปเป็นนักแสดง...

  "ตอนนั้นก็ดีใจแหละที่จะได้เป็นนักแสดงร่วมค่ายกับคุณ ผมเลยตอบตกลงกับพวกเขาไป แต่ก็ไม่ได้หวังนะว่าจะได้เล่นหนังด้วย"


  ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินทำเอาแจจินคิดหนัก เพราะไม่ใช่แค่ฝ่ายนั้นที่มีอะไรปิดบังเขา

  แจจินเองก็มีบางอย่างที่ต้องบอกกับซึงฮยอน...


  "ทีหลังอย่าปล่อยให้ชั้นเข้าหานายอยู่ฝ่ายเดียวแบบเมื่อก่อนอีกล่ะ" คนตัวเล็กกล่าวงอนๆ

  ทั้งคู่เดินมาถึงรถแล้ว ก่อนที่เจ้าของจะกดรีโมทปลดล็อคประตู คนที่ตามมาด้วยเร่งฝีเท้าไปคว้าข้อมือเล็กแล้วดึงให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน

  "ไม่หรอกแจจิน" ซึงฮยอนยื่นหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ "อย่างเมื่อคืน ผมก็เป็นฝ่าย เข้าไป หาคุณไม่ใช่เหรอ"
  "เออ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ" แจจินเบ้ปากมองค้อนก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยแก้เขิน "ขอบคุณสักคำรึยัง ที่ชั้นให้นายยืมเสื้อเนี่ย"

  ร่างสูงก้มลงจูบปากเขาแทนคำขอบคุณ แถมยังเป็นการง้อไปในตัว

  "ไปส่งผมที่สถานีใกล้ๆนี่ก็พอนะครับ"

  ตอนแรกกะว่าจะขับไปส่งซึงฮยอนที่มหาลัย แต่นี่ใกล้เวลาเข้างานของเขาแล้ว อยู่ดีๆแจจินก็เกิดนึกอะไรขึ้นได้

  "นายเรียนบ่ายหนิ"
  "ฮะ"
  "แวะไปบริษัทด้วยกันก่อนได้มั้ย"



.

.

.



  พวกเขามาหยุดอยู่หน้าห้องทำงานของ ฮัน ซองโฮ ถึงจะไม่เอ่ยปากถาม แต่ตอนนี้นักแสดงหน้าใหม่ที่ถูกครูของเขาลากขึ้นมาบนตึกด้วยกำลังทำหน้าตาสงสัย ว่าทำไมแจจินต้องพาเขามาที่นี่

  "อ้าว คุณแจจิน" คัง มินฮยอก หัวหน้าทีมเขียนบทตะโกนทักทายมาจากอีกฝั่งหนึ่งของห้องรับรอง "นี่มาหาพีดีเรื่องพระเอกใช่มั้ยครับ"

  แจจินพยักหน้ายิ้มๆก่อนจะหันมาหาซึงฮยอนที่พยายามประติดประต่อคำพูดของหนุ่มหน้าตี๋คนนั้น

  "คือยังไง พระเอก..."
  "ซึงฮยอน" ดารารุ่นพี่นั่งกระเถิบเข้ามาใกล้ "คือ ชั้นอยากได้นายมาเล่---"
  "มาเล่นหนังโปรเจคพิเศษประจำปีของค่ายคู่กับ อี แจจิน"

  นักแสดงทั้งสองต่างรีบหันไปหาบุคคลที่เข้ามาแทรกในบทสนทนานั้น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน

  "โปรดิวเซอร์ฮัน!" ซึงฮยอนลุกขึ้นโค้งคำนับผู้มาใหม่ แต่ในหัวยังคงช็อคกับสิ่งที่ได้ยินไม่หาย
  "สรุปว่าลงตัวที่คนนี้เหรอ" ซองโฮหันมาถามแจจิน "ประสบการณ์ยังไม่มีเลยนะ"
  "มีแล้วนะครับ เมื่อคื-- โอ๊ย!" ต้นแขนขวาของคนพูดถูกตีอย่างแรง
  "ไอบ้า ไม่ใช่ประสบการณ์อย่างนั้น!" แจจินทำตาเขียวใส่ทั้งซึงฮยอนและซองโฮที่ยืนหัวเราะชอบใจอยู่
  "โอเค ฮ่าๆ เอาล่ะ ถ้าตกลงกันดีแล้ว คุณซง วันจันทร์นี้ก็มาคุยกันเรื่องสัญญานะ" หัวเรือใหญ่ของโปรเจคเข้าสู่โหมดจริงจัง “ส่วนแจจิน ขอบใจที่ให้คำตอบกับผมได้ก่อนวันที่เราตกลงกันไว้”



.
.
.



  “ตานั่นควรจะขอโทษที่ว่าชั้นไม่กระตือรือร้นนะ” ดาราจอมหยิ่งปั้นอีโก้ครอบตัวเองอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาทำได้แค่บ่นลอยๆกับซึงฮยอนเพราะโปรดิวเซอร์ร่างท้วมเดินจากทั้งคู่เข้าไปในห้องทำงานแล้ว
  “แล้ว ผมต้องตกลงเล่นใช่มั้ยอะ”

  น้ำเสียงของคนพูดฟังดูไม่มั่นใจเอาเสียเลย

  “ชั้นขอโทษที่ไม่บอกนายตั้งแต่แรก” แจจินเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว “ชั้นแค่กลัว”
  “ไม่คิดเหรอว่าผมก็กลัว” ซึงฮยอนพูดกับนักแสดงรุ่นพี่ที่ตอนนี้ทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้
  “ทำไมพูดแบบนั้น นาย... ไม่อยากเล่นกับชั้นเหรอ”


  เพราะว่ามีโอกาสเลือก เขาจึงอยากให้คนๆนั้นเป็นซึงฮยอน

  แจจินแค่อยากตีความคำว่า Special ให้เป็นเรื่องราวของเขา กับ คนพิเศษ


  แต่ถ้าสุดท้ายมันเป็นไปไม่ได้ เขาก็คงต้องกลับไปหลับตาจิ้มเลือกพระเอกคนใหม่ แล้วก็เล่นไปตามบท เหมือนเดิมที่เคยเป็น… 

  “ก็ผมบอกว่าผมกลัว”
  “...”
  กลัวว่าถ้าผู้กำกับสั่งคัทกลางคันแล้วผมจะหยุดให้เขาไม่ได้น่ะสิ




-  จบ  -