December 12, 2017

[SF/NC-17] FTISLAND 'The Lack Of You' (SEUNGJAE)





.
.
.

•The Lack Of You•



Genre:       A/U, Drama, Yaoi, Smut, Daddy kink
Pairing:    Seunghyun  x  Jaejin
Rating:     NC-20 





♂♂





   ดวงตาคู่หนึ่งลืมขึ้นท่ามกลางห้องนอนเก่าซอมซ่อของโรงแรมในย่านชานเมือง กลิ่นสาบของพรมและวอลเปเปอร์ติดผนังที่โชยมาเตะจมูกตั้งแต่เมื่อคืนก็ยังคงลอยมาให้ได้กลิ่นอยู่เรื่อย ๆ

   ชายแปลกหน้าที่นอนอยู่ด้วยกันยังคงอยู่ในโลกแห่งความฝัน ร่องรอยความแปดเปื้อนกระจัดกระจายเต็มผ้าปูที่นอนสีหม่น แจจินลุกขึ้นนั่งทบทวนสิ่งที่ตัวเองวางแผนไว้ว่าจะทำหลังจากตื่น




   กลับบ้าน




   ล็อบบี้โรงแรมที่มีก็เหมือนไม่มีตอนนี้อ้างว้างไร้ผู้คน พนักงานต้อนรับนั่งเท้าคางเหม่อมองออกไปด้านนอกอย่างไร้จุดหมาย หนึ่งในนั้นหันมาสบตากับเขาพร้อมแววตาเหยียดหยาม

   ควรออกมาจากที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุด เช้านี้หมอกลงจัดจนแทบมองไม่เห็นอาคารแถวอีกฟากของถนน เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดตัดสินใจเดินไปตามทางจนกว่าจะเจอป้ายรถโดยสาร แต่หลังจากก้าวเท้าไปได้เพียงสองสามก้าวแจจินก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นรถยนต์คันที่เขาคุ้นเคยดีจอดติดเครื่องอยู่



   "มาทำอะไรไกลถึงนี่"



   ร่างเล็กสะดุ้งโหยงทันทีที่เสียงนุ่มลึกของคน ๆ นั้นดังขึ้น

   ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าเจ้าของคำถาม



   แขนเรียวถูกฉุดดึงเข้าไปในซอกตึกมืดสลัว ชายตัวใหญ่ที่มีอายุมากกว่าเขาเกือบสองเท่าเบียดกายเข้ามาใกล้จนไม่เหลือที่ว่างให้ขยับตัว

   สายตาเยือกเย็นจดจ้องนิ่งค้นหาคำตอบที่แจจินพูดออกไปไม่ได้ ใบหน้าหวานถูกบีบจนปวดร้าว คนใจร้ายผู้นั้นยังคงคาดคั้นเขาอย่างต่อเนื่อง



   "ขายตัวใช่มั้ย"



   หยดน้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงกระทบหลังมือขาวซีดของอีกคนหลังจบสิ้นประโยคนั้น แจจินเริ่มรู้แล้วว่าเขากำลังจะได้รับผลแห่งการกระทำอันงี่เง่าของตนเองในไม่ช้า



   "ซึงฮยอน..."

   "อะไรทำให้นายต้องอยากนอนกับไอ้แก่นั่น ห้ะ! ตอบชั้นซิ แจจิน!"

   "ผ...ผม ขอ--"



   ลำคอยาวถูกบีบรัดแน่นจนหายใจไม่ออก แม้แต่จะพูดแก้ตัวก็ยังทำไม่ได้ ซึงฮยอนระบายความโมโหทั้งหมดออกมาทางแรงมืออย่างไม่สนว่าแจจินจะพยายามส่งสายตาขอร้องอ้อนวอนเขาเพียงใด



   "รู้สึกยังไงบ้างเหรอ" เขายื่นหน้ากระซิบถามข้างใบหูที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงจัด



   แจจินไม่ตอบ...




   ชายผู้นี้มีสิทธิในร่างกายของเขาทุกอย่าง

   แม้แต่จะฆ่าให้ตาย ซึงฮยอนก็ทำได้




   "มันทรมาน ใช่ไหม"

   "..."

   "ถ้าใช่ ก็พยักหน้าตอบชั้นหน่อยสิ"



   แจจินขยับศีรษะได้เพียงเล็กน้อย เขาคิดว่าตนเองน่าจะหมดลมหายใจในไม่ช้านี้แล้ว ตาปรือเงยมองใบหน้าของชายที่กำลังจะปลิดชีพเขา สารภาพบางสิ่งที่พร่ำบอกซึงฮยอนในใจเสมอมาผ่านทางสายตาที่ใกล้หลับลงตลอดกาล



   "ชั้นไม่ฆ่านายหรอกแจจิน" คนพูดปล่อยมือออก เด็กหนุ่มรีบตักตวงอากาศเข้าปอดจนสำลัก ร่างผอมบางหมดแรงทรุดฮวบลงไปอยู่ที่พื้น "แค่อยากให้รู้ ว่าเมื่อคืนชั้นก็ไม่ต่างอะไรกับนายตอนนี้"



   ชายร่างสูงทำท่าจะเดินออกไป แจจินเอื้อมแขนสุดความยาวไขว่คว้าเขาไว้ เสียงไอปนสะอื้นดังขัดแทรกประโยคคำพูดจนฟังไม่รู้เรื่อง



   "ซึงฮยอน ฮึ่ก... อย่า อย่าทิ้งผม" มือเล็กเกาะขาคน ๆ นั้นแน่น "ผ... ผมแค่ คิดถึงคุณมาก ฮือ คุณหายไปไหน ผมคิดถึง ฮึก..."



   คำแก้ตัวของแจจินถูกละเลยอย่างไม่ใยดี

   เขาพยายามลุกขึ้นกอดรั้งซึงฮยอน เอ่ยปากขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า



   "ก็เห็นยังเที่ยวไปหาคนอื่นมาหลับนอนด้วยได้ แล้วทำไมต้องมีชั้นอีกล่ะ"

   "ฮึ่ก ผมขอโทษ ซึงฮยอน... ผมมันโง่ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าไม่มีใครเหมือนคุณ" ร่างเล็กซุกหน้าร้องไห้กับแผ่นหลังกว้าง "ไม่มีใครดีกับผมเท่าคุณอีกแล้ว"

   "ขอบใจนะที่ยังเห็นค่ากัน" ซึงฮยอนพยายามแกะมือแจจินออกจากตัว "แต่นั่นไม่ได้แปลว่าชั้นจะหายโกรธ"

   "ไม่เอา! ผมยอมแล้ว ได้โปรด ให้โอกาสผม..."



   ชายหนุ่มหันกลับมาเผชิญหน้ากับแจจินอีกครั้ง รอดูว่า เด็กชายที่เป็นบุตรอุปถัมภ์ ของเขาคนนี้จะพูดอะไรต่อ



   "ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ
   ผมสาบาน ว่าจะไม่ทำให้คุณเสียความรู้สึกอีก"



.

.

.



   "ยังจำวันที่คุณเจอผมครั้งแรกได้มั้ย" เด็กหนุ่มเอ่ยปากถามคนที่นั่งเพ่งพินิจเรือนร่างของเขาอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะกินข้าว

   "ได้สิ ตอนนั้นนายเพิ่งแปดขวบเอง"



   ร่างผอมบางไร้เสื้อผ้าห่มห่อปีนขึ้นเครื่องเรือนสีอ่อนก่อนจะค่อย ๆ คืบคลานมายังบริเวณกึ่งกลาง



   "คุณ รู้สึกยังไงกับผมเหรอ" ระหว่างรอคำตอบ แจจินนั่งคุกเข่าลูบคลำผิวกายของตัวเองไปเรื่อยโดยที่มีอีกคนเฝ้ามองดูอยู่ตลอด

   "ก็... ไม่ได้รุนแรงเท่าตอนนี้"



   คนฟังแสร้งทำหน้าตาผิดหวังเล็กน้อย



   "ทำไมอะ เมื่อก่อนแจจินไม่น่ารักเหรอฮะ ปะป๊า" ร่างบางหันหลังให้ผู้ชมหนึ่งเดียวตรงนั้น เลื้อยเลื่อนเคลื่อนลำตัวแนบราบลงไปกับพื้นโต๊ะ บั้นท้ายกลมมนยกชูเข้าหาด้วยเจตนาเชื้อเชิญผู้มีพระคุณของเขาอย่างเต็มที่ "ซึงฮยอน ขึ้นมาหาผมสิ... มาหาความสุขกับแจจินของคุณสิฮะ"




   ด้วยข้อตกลงที่ทั้งคู่ทำด้วยกันก่อนเริ่มต้นเกมรักครั้งนี้...

   หากแจจินยังสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองไม่ได้ ซึงฮยอนไม่มิสิทธิ์ขยับลุกออกจากเก้าอี้หรือทำอะไรใด ๆ แม้ว่าจะถูกยั่วยวนด้วยวิธีการที่ชาญฉลาดหรือโหดร้ายแค่ไหนก็ตาม




   "ฮื่อ ซึงฮยอน ผ...ผม เหงานะ" เขาเริ่มเล่นกับของรักของตัวเอง

   "เหงาก็รีบเข้าสิ" ฝ่ายที่อยู่เฉย ๆ นั่งทำสมาธิอดกลั้นความต้องการของตนเองสุดฤทธิ์ "ปะป๊าจะได้ขึ้นไปหาหนูเร็ว ๆ ไง"

   "อ๊ะ..." มือเล็กหยิบจับแก่นกายสีแดงเรื่อรูดเข้าออกพร้อมกับโยกตัวตามเป็นจังหวะ "จะทนได้เหรอ"



   ความขี้เล่นบวกกับบุคลิกซุกซนเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้เขาสามารถซื้อใจนักธุรกิจหนุ่มใจบุญและ รักเด็ก คนนี้ได้ แถมยังนับว่าเป็นความโชคดีของซึงฮยอนเองด้วยที่แจจินก็ รักผู้ใหญ่ แบบซึงฮยอนเช่นกัน

   เขาส่งเงินดูแลเด็กชายผู้น่าสงสารที่โดนพ่อแม่ทิ้งตั้งแต่ยังเล็กและถูกเลี้ยงให้เติบโตในศูนย์เด็กกำพร้ามาตลอดหกปี ความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่ในรูปแบบ พ่อ-ลูก ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นความรักที่ถ้าต้องให้คำนิยามก็คงจะทำได้ยากหน่อย




   แต่สองสิ่งที่ทั้งคู่รับรู้และเข้าใจเหมือนกัน

   คือพวกเขามีชีวิตคู่และเซ็กส์ที่ยอดเยี่ยม




   "ซึงฮยอน" แจจินหลับตาพริ้ม กระทำสิ่งที่เรียกว่า ช่วยตัวเอง โชว์ให้บุคคลที่เขาพร่ำเรียกชื่อดู



   "อื้ม... วันนี้ ผมแน่นไปหมดเลยนะฮะ"



   "อยากให้ปะป๊าเข้ามาลองนะ..."



   "อ๊ะ ซึงฮ... มาเร็วสิ อื้อ..."



   ร่างสูงนั่งกลืนน้ำลายให้กับภาพที่เขาเห็น

   อี แจจิน พยายามปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศให้ชายวัยสามสิบต้น ๆ ด้วยลีลาที่คงไม่มีใครคิดว่าเป็นการกระทำของเด็กอายุแค่สิบสี่ปี



   เสียงครวญครางที่เจ้าตัวส่งออกมาอย่างเบาที่สุดช่างดูผิดกันกับการเคลื่อนขยับสะโพกที่รุนแรงอย่างสม่ำเสมอ เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มจงใจปั่นหัวซึงฮยอนให้ไม่สามารถรู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เวลาสำหรับเขา...

   เมื่อไหร่ที่แจจินจะเสร็จ



   ร้ายใช่มั้ยล่ะ



   "หนูจะเล่นแบบนี้กับปะป๊าใช่มั้ยครับ" ซึงฮยอนตัดสินใจงัดไม้แข็งมาสู้กับเด็กจอมเจ้าเล่ห์บ้าง



   แจจินหัวเราะเบา ๆ ประหนึ่งคิดว่าตนเองเป็นผู้ชนะแล้ว



   "ไม่ใช่หนูที่แน่นอยู่คนเดียวหรอกนะ แจจิน วันนี้ของป๊าก็ ใหญ่ จน อึดอัด เลยเหมือนกัน" คนพูดมองดูปฏิกิริยาของฝ่ายที่เสียรู้แก่เขาอย่างมีชัย "แล้วถ้าหนูแกล้งปะป๊าแบบนี้ ป๊าก็เข้าไปหาหนูไม่ได้สักทีสิ"



   เขารู้ว่าแจจินกำลังนึกภาพตามกับทุกประโยคที่ตัวเองได้ยิน ปากอิ่มอ้าเผยอยอมปลดปล่อยเสียงหอบครางที่ดังมากขึ้นกว่าเดิม



   "ลองคิดถึงความรู้สึกตอนที่ปะป๊า กระแทก มันใส่หนูสิครับ"



   ร่างเล็กทำท่าตามสิ่งที่เขาพูดทุกคำ...



   "ทีนี้ จะเสร็จให้ปะป๊าได้รึยัง"



   ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนในท่าเตรียมพร้อม คนบนโต๊ะหันกลับมาด้านหลัง ใบหน้าที่แสดงสัญญาณว่าการรอคอยของซึงฮยอนใกล้จะสิ้นสุดร้องเรียกหาพ่ออุปถัมภ์ของตนเองซ้ำไปมาเพื่อบอกให้รู้ว่ากำลังต้องการเขาแค่ไหน

   ในห้วงวินาทีของการปลดปล่อย ลำตัวผอมบางถูกโอบคว้าด้วยท่อนแขนของอีกคน ทุกส่วนของซึงฮยอนที่เข้ามาประชิดแนบทำให้แจจินรู้สึกเหมือนได้พบเจอกับเทวดาที่จะอุ้มพาเขาขึ้นไปบนสรวงสวรรค์



   แต่กลายเป็นว่าเทวดาคนนั้นกลับทิ้งให้เขายืนหยุดอยู่ที่ประตูทางเข้า...



   ความทรมานเบนเข็มกลับมาหาแจจินอีกครั้งเมื่อทางออกของความใคร่ที่พร้อมเปิดให้บางสิ่งบางอย่างได้รับการปลดปล่อยถูกปิดกั้นด้วยนิ้วมือของอีกฝ่าย



   "อ๊า... ซึงฮยอน!" แจจินตัวสั่นไปหมด



   คนแก่กว่าไม่สนใจเสียงอ้อนวอนจากเบื้องล่าง ขณะที่มือข้างนั้นยังคงสร้างอาการบิดเร่าในใจให้คู่ร่วมรัก ซึงฮยอนเร่งสอดใส่อวัยวะของตัวเองเข้าไปในจุดที่ยิ่งทำให้แจจินร้องดังขึ้นอีก



   ในที่สุดคำขอของเด็กหนุ่มก็ถูกรับฟัง พร้อมกันกับที่คนด้านหลังค่อย ๆ ขยับเข้าออก ปากทางด้านหน้าก็ได้รับอิสรภาพ ของเหลวที่ออกันอยู่ตรงนั้นพวยพุ่งออกมาเป็นสาย แจจินส่งเสียงครางเร้าอารมณ์ให้ตนเองทดแทนจากที่ถูกคนใจร้ายยับยั้งไว้ก่อนหน้านี้



   "เงียบซิ ให้มันเป็นหน้าที่ชั้น" ซึงฮยอนไม่พอใจที่โดนดูหมิ่นในทางอ้อมแบบนั้น



   ขาโต๊ะหินอ่อนที่ทั้งคู่มั่นใจว่าแข็งแรงพอเลื่อนครูดไปกับพื้นสร้างความหวาดเสียวต่อหนุ่มน้อยวัยสิบสี่จนต้องรีบจับยึดขอบมุมไว้ให้แน่น แต่ถึงอย่างไร ปัจจัยหลักที่ทำให้ความรู้สึกภายในของแจจินแทบจะระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ก็คือแรงกระทำจากฝ่ายที่รุกล้ำเข้ามาในร่างกายของเขา

   ส่วนอ่อนไหวถูกรูดเค้นเอาเครื่องยืนยันความสุขสมออกมาเรื่อย ๆ ใบหน้าของชายผู้เป็นที่รักสัมผัสแนบแผ่นหลังชื้นเหงื่อ ซึงฮยอนปล่อยลมหายใจหอบกระเส่าล้อกับจังหวะกระแทกที่มีแต่จะเร็วและแรงขึ้น

   ร่างกายที่ทำท่าจะทรุดฮวบถูกประคองไว้ สองมือเปลี่ยนมานวดคลึงหน้าอกจุดอารมณ์ในช่วงเวลาสำคัญที่กำลังจะมาถึงให้ยิ่งพุ่งพล่าน...



   สิ้นประโยคลับที่ทั้งสองแอบกระซิบกระซาบกัน ซึงฮยอนผละตัวออกจากแจจินก่อนจะปล่อยของคาวขาวข้นรดราดพื้นโต๊ะเย็นเฉียบเพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว

   เด็กหนุ่มก้มลงเลียเก็บกวาดหลักฐานทั้งหมดไม่ให้มีทิ้งเหลือแม้แต่หยดเดียว ส่วนซึงฮยอนก็ยังมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรือนร่างของคนตัวเล็ก บั้นท้ายงอนถูกดึงเข้ามาจูบอย่างอ่อนโยน ปลายลิ้นลากผ่านรอยแยกแกล้งให้เด็กโวยวายและจบลงด้วยอีกหนึ่งจูบที่โคนขาอ่อน



   เข็มสั้นบนหน้าปัดนาฬิกาแขวนผนังเคลื่อนเข้าใกล้เลข 4 เต็มที หนึ่งคนบนโต๊ะย้ายตัวเองมานั่งที่เก้าอี้เหมือนเดิม สองแขนยกผายเรียกเด็กชายให้รีบตามเขาลงไป...



   แจจินทำท่าจะงอแงใส่เขาอีกแล้ว

   เป็นแบบนี้ตลอดเลย...



   "ผมไม่อยากกลับบ้าน ทำไมถึงอยู่ต่อไม่ได้" คนบนตักนั่งหงอยตัวงอ บ่นพึมพำตามประสาเด็กเวลาขออะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจ



   ทุกครั้งหลังเสร็จกิจกรรมด้วยกัน ซึงฮยอนต้องทำหน้าที่โอ๋แจจินในเรื่องเดิม ๆ ซึ่งก็คือ



   "เพราะนายยังอายุไม่ถึงสักทีไง" ปากบางประทับจูบปลอบใจทั่วทั้งลำตัวอ้อนแอ้น

   "รู้มั้ยว่าหกวันต่อจากนี้ ผมจะคิดถึงคุณเหมือนคนบ้า" ร่างเล็กหมุนตัวกลับไปหาอีกคน สายตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาจ้องมองใบหน้าของซึงฮยอนไม่กะพริบ "ทำไม...เราไม่หนีไปด้วยกัน"

   "ระหว่างนายเป็นบ้าแต่ได้เจอชั้นสัปดาห์ละวัน กับชั้นโดนคดีพรากผู้เยาว์ติดคุกเป็นปี ๆ และเราไม่ได้เจอกันอีก อันไหนมันฟังดูแย่กว่าล่ะ"



   แจจินทำหน้ายู่ หยิกแก้มอีกคนเล่นอย่างมันเขี้ยวก่อนจะเปลี่ยนมาจัดการที่ริมฝีปาก

   ทั้งจูบ... ทั้งกัด... เหมือนอยากจะระบายความไม่พอใจบางอย่าง

   แต่ฝ่ายนู้นก็กัดเขาตอบโดยไม่ยอมแพ้ ล้วงงับไปถึงลิ้นที่เจ้าตัวเป็นคนเสนอส่งมันออกมาเอง



   "งื่อ..." คนตัวเล็กร้องท้วงเสียงอ่อยทั้ง ๆ ที่ยังเกาะเกี่ยวไหล่หนาไว้อยู่



   เขี้ยวคมกดน้ำหนักลงไปแรง ๆ หนึ่งทีที่ปลายลิ้นสีชมพูหวานทำเอาเจ้าของอวัยวะสะดุ้ง กลิ่นคาวเหล็กแพร่กระจายไปทั่วโพรงปาก ของเหลวรสกร่อยไหลซึมออกมาให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ถูกคนที่สร้างบาดแผลนั้นดูดกลืนจนหมด

   แจจินเบะหน้า ปกติก่อนจากกันซึงฮยอนไม่เคยฝากอะไรกับเขาจนถึงขั้นเลือดตกยางออกแบบนี้



   "รีบไปล้างตัวกันเถอะ นายกลับช้านาทีเดียวคนที่นั่นเอาเรื่องชั้นแน่"



.

.

.



   เงียบ...



   ภายในบ้านหลังใหญ่ที่ไม่มีใครนอกจากพวกเขาทั้งสอง คนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตายังคงยืนนิ่งอยู่กลางห้องไม่กล้าเดินไปไหน ต่างกับเจ้าของบ้านที่กำลังรีบจัดการกับสัมภาระที่เขาขนติดไปกับตัวระหว่างตามสะกดรอยใครบางคน



   ...ไม่มีการสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นอีกตั้งแต่ซึงฮยอนสตาร์ทรถขับกลับมาจากที่แห่งนั้น




   รอยแดงที่ปรากฏชัดบนลำคอไม่ใช่เรื่องน่าหวั่นใจสำหรับแจจิน หลังวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อสองปีที่แล้วบวกกับพิษจากการทำงานบนเส้นด้ายสายธุรกิจที่พร้อมจะโดนตัดขาดเมื่อไหร่ก็ได้ทำให้พ่ออุปถัมภ์ของเขาเปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม จากที่เคยเป็นคนขี้เล่น ใจเย็น และสุภาพ ซง ซึงฮยอนในตอนนี้กลายเป็นพวกโมโหง่าย อารมณ์ร้อน และหยาบคาย

   หลายครั้งความรู้สึกด้านลบเหล่านั้นถูกนำมาระบายลงกับเด็กหนุ่มที่ไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วย



   แล้วทำไมถึงยังเลือกที่จะอยู่?

   นี่คงเป็นสิ่งแรกที่ถ้าใครได้ทราบเรื่องราวของแจจินอาจหลุดปากถามออกมา




   แม้ว่าสถานะทางการเงินและหนทางบนอาชีพของซึงฮยอนจะมืดมิดและดำดิ่งลงสู่เหวลึกขนาดไหน แม้ว่าจะต้องขายทรัพย์สินของตัวเองทิ้งไปเยอะมากเท่าไหร่ ยังมีใครหนึ่งคนที่เขาไม่เคยคิดจะทอดทิ้ง เด็กไร้โอกาสคนหนึ่งที่เขาส่งเงินค่าเลี้ยงดูมาจะเกือบสิบปีทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นญาติกัน



   หากได้ฟังจากแค่มุมมองของชายที่เคยตกอยู่ในภาวะถังแตก คำถามที่กำลังผุดขึ้นมาในหัวของหลาย ๆ คนก็คงจะเป็น

   แล้วทำไมถึงยังเลือกที่จะให้?




   ซึงฮยอนมาหยุดยืนถอนหายใจอยู่ที่หน้าตู้เย็นได้สักพัก ในขณะที่จะเอื้อมมือไปเปิดตู้เพื่อหาอะไรดื่ม ด้านหลังของเขาก็ถูกสวมกอดโดยเด็กชายคนเดิมที่เคยทำแบบนี้เมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว

   และตามมาด้วยเสียงสะอื้น

   อีกรอบ



   "ผม... ไม่ชอบที่คุณเงียบแบบนี้" แจจินซุกหน้าร้องไห้กับแผ่นหลังของซึงฮยอน "พูดอะไรบ้างสิ จะสบถ จะด่า ฮึ่ก... หรืออะไรก็ได้"



   ทั้งสองยังคงยืนอยู่ด้วยกัน เด็กหนุ่มเอาแต่พูดร้องขอให้เขายกโทษให้ ซึงฮยอนไม่ตอบ ไม่แม้แต่จะแสดงท่าทางว่าเขากำลังฟังแจจินอยู่



   ในบรรยากาศอันเงียบงัน แขนเรียวที่แต่เดิมโอบซึงฮยอนอยู่ชักมือออกกะทันหัน เขามีความรู้สึกว่าคนข้างหลังกำลังทำอะไรบางอย่างจึงหันกลับไปดู

   แจจินถอดเสื้อผ้าของตัวเองอย่างเร่งรีบ ดวงตาแดงก่ำที่ยังมีน้ำคลอขังเงยมองเขาอย่างกึ่งเศร้ากึ่งประชด



   "ลงโทษผมสิครับ" ร่างที่ไร้เครื่องนุ่งห่มไปแล้วเกือบทั้งตัวพูดขึ้นโดยพยายามกดน้ำเสียงไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้ "ถ้ามันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้คุณหายโกรธ... เหมือนทุกครั้ง"



   ขณะนิ้วมือจำนวนหนึ่งเกี่ยวไปที่ขอบชั้นในเพื่อจะถอดมันออก ร่างสูงรุดเข้ามาหยุดการกระทำเหล่านั้น ใบหน้าที่แค่เหลือบดูก็รู้ว่ากำลังไม่พอใจอย่างที่สุดจ้องเขม็งมายังเขา

   ซึงฮยอนบีบข้อมือแจจินแน่น คนตัวเล็กถูกฉุดลากให้ขึ้นไปชั้นบนของบ้าน สายน้ำตาทยอยไหลร่วงลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้



   "ชั้นจะไม่มีทางมีอะไรกับนายถ้าเศษซากของไอ้สวะนั่นมันยังอยู่ในนั้น" เขาพาลูกอุปถัมภ์ของตนเองมายืนอยู่ใต้ฝักบัวใหญ่ก่อนจะเปิดน้ำอุ่นสาดเทลงไปบนเรือนร่างที่ใกล้เปลือยเปล่าของแจจิน

   "ซึงฮยอน..."

   "ล้างมันออกให้หมด"



   หลังจากจัดการกับอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายให้เสร็จ ซึงฮยอนเร่งฝีเท้าออกไปจากห้องน้ำโดยไม่พูดอะไรอีกนอกจากประโยคทำร้ายจิดใจประโยคนั้น



.

.

.



   "ให้ผมเลิกเรียนก็ได้หนิ อื้อ..."

   "หยุดคิดอะไรโง่ ๆ ซะทีแจจิน"



   บทสนทนาของคู่รักต่างวัยที่มีขึ้นขณะพวกเขาร่วมรักกันในช่วงบ่ายแก่ของวันธรรมดาวันหนึ่งเริ่มเข้าสู่โหมดจริงจังเมื่อประเด็นเกี่ยวกับความมั่นคงของธุรกิจที่ซึงฮยอนทำอยู่ถูกหยิบมาพูดถึง

   อาจมีความรู้น้อยเกินกว่าจะเข้าใจทุกอย่างทั้งหมด แต่ถ้าสรุปออกมาแล้ว สิ่งที่ชายที่ให้เงินค่าเลี้ยงดูแจจินมาแปดปีกำลังบอกกับเขาอยู่ก็คือ...

   บริษัทของซึงฮยอนกำลังจะเจ๊ง

   และในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวนไปทั่วโลกแบบนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนไปทำอะไรอย่างอื่นได้โดยทันที



   "แล้วคุณ อ๊ะ... ก็ต้องหาเงินมาส่งผมเรียนอีกน่ะเหรอ" ร่างที่นั่งคุกเข่าหันหลังให้ซึงฮยอนอยู่บนโซฟาห้องทำงานยังคงคัดค้านความคิดที่จะให้เขาเรียนที่ไฮสคูลต่อ "ผมจะไม่--"

   "นี่จะต้อง ให้ชั้นบอกนายอีกกี่รอบ" คนแก่กว่าเพิ่มแรงกระแทกอย่างโมโห "คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบทุกอย่างในชีวิตของนาย ก็คือ"

   "ก็คือคุณ อืม... ซึงฮยอน อ๊ะ ผมรู้" ทั้งตัวของแจจินเขย่าโยกไปตามน้ำหนักและจังหวะที่อีกคนส่งมา



   ครั้งนี้เป็นครั้งที่ซึงฮยอน ทำ แรงกว่าปกติมาก คงเป็นเพราะสถานการณ์ล่าสุดที่คู่ค้าเกินครึ่งแห่กันมาฉีกสัญญาต่อหน้าเขาถึงสำนักงานใหญ่ แล้วไหนจะราคาหุ้นของบริษัทที่มีแต่ตกลงฮวบ ๆ ในทุกชั่วโมง



   "ชั้นเครียด แจจิน" คนพูดวางศีรษะลงบนแผ่นหลังอุ่นเนียน แจจินไม่มีได้ทางเห็นสีหน้าของซึงฮยอนในตอนนี้ ไม่มีทางได้รับรู้ว่าเขากำลังเหนื่อยและท้อใจขนาดไหน "นาย เป็นสิ่งเดียวที่ช่วยชั้นได้... ทำให้ชั้นมีความสุข"

   "อ๊ะ ปะป๊า..."



   แจจินเริ่มต้นส่งเสียงร้องครางในแบบที่พ่ออุปถัมภ์ของตนเองโปรดปราน มือเล็กเอื้อมไปดันลำตัวของซึงฮยอนให้ขยับเข้ามาใกล้เขามากขึ้น



   จิตใจที่จดจ่ออยู่กับร่างกายของเด็กชายที่เขาหวงที่สุดพยายามลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไปก่อน ระลึกไว้แต่เพียงอย่างเดียวว่า จะขออยู่กับแจจินให้นานเท่าที่จะสามารถทำได้



   แก่นกายร้อนถูกสอดใส่เข้าออกครั้งแล้วครั้งเล่า ประโยคบรรยายความรู้สึกที่ดังอย่างสม่ำเสมออยู่ข้างใบหูเป็นตัวบอกใบ้ชั้นดีให้เด็กหนุ่มวัยสิบหกรู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อเพื่อให้ซึงฮยอนพอใจ



   "อ๊า ทิ้งมันไว้ในตัวผม
   เข้ามา...ลึกกว่านี้ อ๊ะ พ่อฮะ"



   ห้องทำงานอันเต็มไปด้วยกองเอกสารที่กำลังจะหมดค่าในไม่ช้าใกล้ลุกเป็นไฟเพราะความเร่าร้อนของทั้งคู่ เสียงผิวหนังกระทบกันอย่างรัวและแรงดังกลบเสียงทุกอย่างรอบตัว พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาประเคนความสุขให้แก่กันและกันไปจนถึงช่วงวินาทีสุดท้ายของการอดกลั้น



   "แจจิน ชั้น อื้ม... ไม่ไหวแล้ว!"

   "ฮื่อ ซึงฮยอน..."



   รุนแรงแค่ไหนก็ทนไหว เนื้อตัวของแจจินเต็มไปด้วยรอยแดงจากการขูดจิก ยอดอกที่ถูกนิ้วมือบดขยี้ตลอดเวลาทำเอาคนตัวเล็กเผลอร้องเสียงแหลมแทรกเสียงทรมานจากการกระทำหลักอยู่เรื่อย ๆ



   "แจจิน นาย เป็นคนเดียวที่ชั้นจะ อ่า..."



   ยังไม่ทันได้พูดจบ ซึงฮยอนก็ปลดปล่อยสิ่งที่แจจินรอคอย โซฟาขาเหลาหยุดอาการลั่นเอี๊ยดอ๊าดเมื่อทั้งสองยุติการเคลื่อนไหว ความอบอุ่นที่เกิดขึ้นจากด้านนอกและด้านในสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับแจจินในชนิดที่เรียกว่า ดีเป็นบ้า



   "กลิ่นตัวนายหลังกลับมาจากโรงเรียนนี่มัน..." ซึงฮยอนลากปลายจมูกสูดผิวกายที่มีทั้งกลิ่นเหงื่อ โต๊ะเรียน และกลิ่นจาง ๆ ของชอล์คเขียนกระดานผสมอยู่รวมกัน "อยากนอนดมทั้งคืนเลย ทำไงดี"

   "คงไม่ได้หรอกฮะ คุณมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ" ถึงจะยิ้มอยู่แต่คำพูดที่ออกมานั้นก็ฟังดูเศร้าไม่ใช่น้อย "ถ้าผมฉลาดกว่านี้ ผมคงช่วยคุณได้"

   "นี่ไงล่ะ อีกเหตุผลที่นายจะลาออกจากโรงเรียนไม่ได้" แล้วเขาก็พาเข้าประเด็นเดิมที่ได้ถกเถียงกันก่อนหน้านั้น "ตอนนี้ก็คอยให้กำลังใจชั้น อนาคตพอเรียนจบ ชั้นแก่ตายไป นายจะได้มาสานต่อสิ่งที่ชั้นสร้างไว้ให้..."

   "คุณ คิดไปไกลถึงนู่นแล้วเหรอ"

   "ก็ใช่น่ะสิ
   ทั้งหมดที่ชั้นทำ...ชั้นทำเพื่อนายคนเดียวนะ แจจิน"



.

.

.



   'แล้วทำไมเราถึงได้โง่แบบนี้'



   ร่างผอมบางค่อย ๆ ก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำ อดไม่ได้ที่จะหันไปมองบางคนที่ตรงหน้าต่าง

   ไม่ได้เห็นซึงฮยอนสูบบุหรี่มานานเท่าไหร่แล้วนะ

   เขายังมีมันติดตัวไว้อยู่อีกเหรอ



   อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกไป แต่อีกคนนั้นไม่ได้มีท่าทีหรือรู้สึกตัวว่าเขาเดินเข้ามาแล้วเลยแม้แต่นิด เอาแต่เหม่อมองออกไปด้านนอกกับควันยาสูบที่ถูกอัดเข้าปอดไปครั้งแล้วครั้งเล่า

   เหมือนจะดีใจที่ได้อยู่ด้วยกัน... แต่ก็รู้สึกอึดอัดไปหมดที่ถูกเพิกเฉยแบบนี้



   'ไม่ เราจะไม่ร้องไห้ ไม่ใช่ตอนนี้นะแจจิน' น้ำตาเอ่อขึ้นมาคลอเบ้าอีกรอบ เขาทำทุกวิถีทางไม่ให้มันไหลออกมา



   สุดท้าย แจจินตัดสินใจเดินไปนอนที่เตียง พยายามข่มตาให้หลับทั้งชุดคลุมอาบน้ำที่ยังชื้นอยู่




   บุหรี่หมดไปอีกหนึ่งมวน
 
   ลึก ๆ ในใจก็รู้หรอกว่าสิ่งนี้ไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา



   ร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงบนที่นอน บุหรี่อีกมวนเกือบจะถูกหยิบออกมาจากซองแต่เจ้าของดันเปลี่ยนใจเสียก่อน

   ซึงฮยอนทอดสายตามองแจจินที่ แกล้ง หลับอยู่

   ใช่ เขารู้




   ...ตั้งแต่วันนั้น วันที่เครื่องบินลำใหญ่พาซึงฮยอนไปยังที่ใดไม่อาจรู้ เขาทิ้งทายเพียงแค่ว่า

   ให้รอ

   แล้ว งานต้องยุ่งขนาดไหนเหรอ

   ถึงได้ไม่มีเวลาติดต่อกลับมาหากันบ้างเลย




   1 เดือนผ่านไป...



   "คนที่รับอุปถัมภ์ อี แจจิน เขาไปต่างประเทศและยังไม่มีกำหนดกลับเลยค่ะ อืม แต่ล่าสุดเงินบริจาคก็ถูกโอนมาแล้วนะ ยอดล่วงหน้าไปถึงสิ้นปีเลย"

   "เหรอ นี่รู้มาว่าช่วงที่เศรษฐกิจพัง ธุรกิจของเขาก็เกือบไปไม่รอดนะนั่น"

   "ใช่ค่ะ แต่คนฉลาดอย่างเขา พอฟื้นตัวได้ รีบหาเครือข่ายข้ามทวีปก่อนแบบนี้ก็อาจเป็นการตัดสินใจที่ดีนะคะ"

   "ไม่ใช่ว่าจะอยู่ที่นู่นยาวเลยล่ะ แจจินรักเขาเหมือนเป็นพ่อคนนึง ถ้าหายไปนาน เจ้านั่นคงคิดถึงแย่"



   2 เดือนผ่านไป...



   ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา

   หรือว่า มันถึงเวลาที่จะต้องทำใจแล้ว



   3 เดือนผ่านไป...



   เขาคิดถึงอ้อมกอด คิดถึงความอบอุ่นที่ซึงฮยอนมอบให้

   แต่ ถ้าไม่ใช่ซึงฮยอน

   ถ้าแจจินแค่อยากได้ความรักจากคนที่อายุมากกว่าล่ะ




   'คงรู้คำตอบแล้วสินะ'



   หยดน้ำตาไหลออกมาตอกย้ำความผิดพลาดและความโง่เขลาของตน สิ่งที่แจจินทำลงไปไม่ใช่แค่เป็นการทำร้ายตัวเอง แต่ยังทำลายความไว้ใจที่ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้มีให้กับเขาอีกด้วย



   "คิดถึงชั้นมากเลยเหรอ"



   ...



   "ฮึ่ก..."



   ฝืนกลั้นเสียงสะอื้นต่อไปไม่ไหว ความเจ็บปวดที่ อี แจจิน ฝังเอาไว้ได้ระเบิดออกอีกครั้งหลังจบคำถามนั้น

   คำตอบถูกแสดงออกมาในรูปแบบของภาษากาย น้ำตาจำนวนมากหยดซึมลงบนปลอกหมอนสีขาว

   เป็นสิ่งที่ซึงฮยอนเห็นแล้วรู้สึกปวดร้าวไปทั้งหัวใจ



   ที่ผ่านมา อะไรทำให้เขาเป็นบ้าแบบนั้น

   แค่เวลาเพียงไม่กี่นาทีที่นั่น เขาจะให้มันกับแจจินไม่ได้เลยงั้นเหรอ



   "แจจิน..." ร่างสูงขยับกายเข้าไปใกล้ จับใบหน้าที่เอาแต่สะอึกสะอื้นให้หันมามองกัน



   ไม่รู้จะพูดขอโทษอย่างไร จะบอกกับอีกคนยังไงว่าเขาเองก็ทำตัวงี่เง่า



   "ชั้น..."



   คนที่กำลังรอฟังเห็นแววตารู้สึกผิดที่ซึงฮยอนส่งมา

   แจจินพูดกับชายตรงหน้าในใจว่าเขายกโทษให้หมดแล้ว



   "คุณ ผอมลงมาก อยู่ที่นั่นไม่ได้กินข้า--"




   สัมผัสแนบแน่นที่ทั้งคู่โหยหาได้กลับมาอีกคร้ั้ง

   จูบวิเศษ... ที่สามารถปลอบประโลมได้ทุกอย่าง

   จูบที่มีแต่ ซง ซึงฮยอน เท่านั้น ที่จะมอบให้ได้




   สองแขนโอบกอดคนรักไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต่อจากนี้ แจจินไม่อยากอยู่ห่างซึงฮยอนอีกแล้ว ทั้งคู่แลกเปลี่ยนความรักต่อกันอย่างดูดดื่ม น้ำตาเม็ดใหญ่ยังไหลออกมาอยู่เรื่อย ๆ แล้วคนตัวเล็กก็เริ่มร้องไห้หนักขึ้นเมื่อพวกเขาละริมฝีปากออก



   "หยุดร้องได้แล้ว ปะป๊าอยู่นี่แล้ว" คนพูดกดจมูกสูดดมกลิ่นกายที่เขาเฝ้าคิดถึงตลอดสามเดือนที่ผ่านมา

   "ผมรอคุณ... รอจนคิดว่าคุณคงไม่กลับมา" ปากอิ่มลากไล้ไปทุกส่วนบนใบหน้าสากเครา ยกมือขึ้นคลำลูบทุกสิ่งเพื่อย้ำเตือนกับตัวเองว่านี่ไม่ใช่ความฝัน "ผม คิดถึง... ฮึ่ก--"



   เป็นช่วงบ่ายที่แสงในห้องนอนค่อนข้างมืดสลัวด้วยสาเหตุที่ท้องฟ้าวันนี้ครึ้มมัวกว่าปกติ ซึงฮยอนคว้าเอวคนบนเตียงพาลุกขึ้นมายังบริเวณหน้าต่างตรงที่เขาเคยยืนสูบบุหรี่อยู่ก่อนหน้า ทั้งสองพินิจมองกันและกันโดยอาศัยตัวช่วยซึ่งก็คือความสว่างจากดวงอาทิตย์ที่ถูกบดบังด้วยเมฆฝนสีเทา

   ซึงฮยอนดูผอมและโทรมกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกันมาก ชักไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้วการไปสร้างพันธมิตรกับพวกต่างชาตินั้นทำให้เขาเป็นสุขหรือว่าทุกข์ลงกันแน่

   ร่างสูงเพ่งจ้องลึกเข้าไปในดวงตาใสรื้น เก็บรายละเอียดทุกความรู้สึกจากคนที่ไม่ได้เจอกันนาน มองดูมันอยู่อย่างนั้น ราวกับว่ามีบางอย่างที่คุ้มค่ารอให้เขาค้นพบ

   ลมหายใจเจือกลิ่นยาสูบไหม้ลอยคลุ้งไปทั่ว ซึ่งจริง ๆ แล้ว แจจินเองนั้นไม่ชอบกลิ่นบุหรี่เอาเสียเลย แต่หนนี้กลับเลือกที่จะสูดมันเข้าไปลึก ๆ ให้มากที่สุด เพราะนั่นหมายความว่าเขากำลังรับเอาสิ่งที่เคยอยู่ในร่างกายของซึงฮยอนมาก่อนเข้าไปในตัว

   ลมหายใจของซึงฮยอน



   "ทุกอย่างมันวุ่นวายมาก แม้แต่เวลานอนชั้นก็แทบจะไม่มี" นิ้วหัวแม่มือทำหน้าที่ปาดเช็ดคราบน้ำตาบนโหนกแก้มก่อนจะขยับมาหยุดที่ริมฝีปากล่าง "แถมบางครั้งชั้นยังต้องเอานายออกไปจากสมอง..."



   แจจินฟังแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย



   "...เพราะชั้นอยากโฟกัสแต่งาน ให้มันรีบ ๆ จบ เพื่อที่จะได้กลับมา"



   เขาก้มลงจูบแจจินอีกครั้ง ชุดคลุมอาบน้ำถูกเปลื้องออก สายตาสุขุมที่แฝงความรุ่มร้อนพยายามกวาดหาบางอย่างบนร่างกายของเด็กหนุ่ม



   "มันทำอะไรกับนายไว้ตรงไหนบ้าง" เขาถามพร้อมกับมุดหน้าเข้าไปไซ้ซอกคอเนียน

   "ผ...ผม จำ ไม่ได้" ร่างเล็กตอบเสียงอ่อน หลับตารับทุกสัมผัสจากอีกคนอย่างเต็มใจ "ไม่คิดจะจำ"



   คนแก่กว่าเคลื่อนลงต่ำไปหายอดอกสีเข้มที่เริ่มแข็งเป็นไต จูบมันแล้วเงยหน้ามองแจจินเหมือนจะถามอะไร



   "เขา ด-- อ๊ะ! ซึง..." เสียงร้องครางดังขึ้นทันทีที่เขาฟ้องว่าโดนกระทำอะไรมากับตรงนั้น



   ซึงฮยอนกำลังทำสิ่งเดียวกัน

   เพียงแต่ว่า แรงกว่า



   "งึ ผ...ผมเจ็บ!" เด็กหนุ่มพยายามดิ้นหนีฟันคมที่แทบจะพูดได้เลยว่า กำลังเคี้ยวมันอยู่

   "ชั้นอยากลบล้างสิ่งที่มันทำกับของของชั้น" ร่างสูงกล่าวพลางลดตัวลงมานั่งคุกเข่า สำรวจตั้งแต่กลางลำตัวไปจนถึงท่อนล่างแต่ก็ไม่พบร่องรอยผิดสังเกตอะไรอีก



   สายตาออดอ้อนถูกส่งมาจากแจจินเพราะขณะนี้ซึงฮยอนนั่งอยู่ตรงหน้าส่วนสำคัญของเขาแล้ว ร่างผอมบางถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่ออีกคนประทับปากลงไปบนสิ่งนั้น...ซ้ำ ๆ



   "คิดถึงมากเลยนะ" มือกำยำจับสองขาเรียวไว้แน่น ไล่จูบขึ้นมาถึงแผ่นหลังก่อนจะดันร่างบุตรอุปถัมภ์ของตนไปจนชิดบานหน้าต่าง



   เสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นสัญญาณในการมาถึงของพายุ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ซึงฮยอนเริ่มต้นลงโทษแจจิน และไถ่โทษให้กับตัวเขาเอง

   ใบหน้าหวานแนบชิดกับแผ่นกระจกบานใส หายใจหอบรัวรดจนขึ้นฝ้ามัว แก้มที่นาบอยู่ขยับขึ้นลงสัมผัสไอน้ำเย็นชื้นที่เกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิภายในและนอกบ้าน นิ้วมือทั้งสิบจับยึดวงกบหน้าต่างแถมใช้มันเป็นเครื่องระบายความทรมานไปในตัว



   "พูดหน่อยว่าคิดถึงปะป๊า" ซึงฮยอนออกคำสั่งพร้อมจังหวะการเคลื่อนไหวอันเนิบนาบ มือสากลูบไล้ไปทั่วร่าง อาจมีหยุดบ้างเพื่อย้ำเน้นในจุดที่คนรักของเขาตอบสนองกับมันมากกว่าที่อื่น ๆ

   "ค...คิดถึง อ๊ะ คิดถึงฮะ"

   "อืม คิดถึงใครล่ะ แจจินอ่า" เขาปล่อยแขนที่เกาะเอวเล็กไว้อยู่ออกแล้วเร่งความถี่ให้อีกคนร้องดังขึ้น

   "คิดถึงปะป๊าไง อื้อ... ซึงฮยอน กอดผมไว้สิ"



   ร่างสูงกลับมากอดแจจินตามเดิม จากนั้นก็โน้มตัวมอบจูบที่ดุเดือดยิ่งกว่าครั้งก่อน ๆ ความแรงที่การกระทำหลักถูกเพิ่มเล่นเอาบานหน้าต่างไม้ส่งเสียงลั่นแกร่ก ๆ ดังก้องไปทั่ว



   "อ่า เด็กดีของปะป๊า" เขาหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างก่อนจะอัดฉีดความสุขสมใส่เข้าไปในร่างกายอีกฝ่าย



   ของดีทะลักเยิ้มไหลลงมาตามท่อนขา ซึงฮยอนปล่อยวัยวะของเขาคาไว้อย่างนั้น แถมยังเฝ้าถามแจจินอยู่เรื่อย ๆ ว่ารู้สึกดีแค่ไหน ซึ่งรายนั้นเองก็แทบจะเก็บกลั้นน้ำตาแห่งความอิ่มเอมเอาไว้ไม่อยู่



   ร่างเปลือยเปล่าของหนุ่มน้อยวัยสิบเจ็ดถูกพากลับมาที่เตียงนอน แจจินถอดเสื้อผ้าของซึงฮยอนออก แรงปรารถนาในตัวของทั้งคู่ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลยแม้แต่น้อย



   "ยังไม่พออีกเหรอ" ร่างสูงถามเสียงแผ่วขณะกำลังจะถูกคร่อม



   แจจินส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบ ขย่มตัวรัว ๆ เร่งกระตุ้นอารมณ์ของพ่ออุปถัมภ์ให้ปะทุขึ้นมาอีกรอบ



   "ปะป๊าฮะ..." แต่ดูเหมือนว่าการปลุกครั้งนี้จะไม่ได้ผลแล้ว ร่างบางพยายามกระแทกบั้นท้ายของตัวเองให้ถี่ขึ้น และสุดท้ายก็ต้องถอดใจ

   "ให้ป๊าช่วยหนูดีกว่า" ซึงฮยอนจับแจจินพลิกตัวสลับตำแหน่งให้เขาขึ้นไปอยู่ด้านบนแทน



   คนตัวเล็กนึกถึงวันแรกที่เขามีอะไรกับผู้มีพระคุณของตนเอง

   วันที่พวกเขาสารภาพความในใจต่อกัน ว่าความรู้สึกที่แต่ละคนมีให้นั้นมันมากกว่าแค่ในฐานะที่เป็น ผู้ให้ กับ ผู้รับ



   และ จูบแรกที่ซง ซึงฮยอน วัยยี่สิบเก้า มอบให้กับอี แจจิน วัยสิบสอง ณ ห้องนอนแห่งนี้



.

.

.



   เสียงหัวใจเต้นรัวดังกลบความกลัวที่เด็กหนุ่มวัยประถมรู้สึกต่ออะไรหลายอย่างในที่ ๆ เขาคุ้นเคยแห่งนี้

   บ้านหลังใหญ่ของคุณซึงฮยอน



   "ทำไมวันนี้ดูเกร็งจังเลยล่ะ แจจิน" ชายหนุ่มที่ดูมีภูมิฐานกว่าคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกันเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "มีอะไรอยากเล่ารึเปล่า หนูก็รู้ว่าชั้นจะรับฟังและช่วยเหลือหนูทุกเรื่อง"



   'ก็เพราะว่าคุณดีกับผมแบบนี้ไง ผมเลยเริ่มไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณ มันเรียกว่าอะไร'



   "เอ่อ ไม่มีฮะ"

   "โกหกชัด ๆ เลย"

   "อ๊ะ" แจจินตกใจที่ซึงฮยอนเอามือมาวางบนตักของเขา

   "ชั้นรู้นะ ชั้นก็เคยเป็น"

   "จ...จริงเหรอฮะ"

   "อ่า แจจินของชั้น โตเป็นหนุ่มแล้ว"



   คนบนเตียงหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว ซึงฮยอนที่นั่งอยู่กับพื้นค่อย ๆ โน้มตัวเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้จนเขารู้สึกได้ถึงลมหายใจผสมกลิ่นมิ้นต์จากหมากฝรั่งที่เจ้าตัวเพิ่งคายทิ้งไป



   "มันรู้สึกดีใช่มั้ยล่ะ เวลาได้ปลดปล่อย"

   "เอ่อ ฮะ" เด็กหนุ่มแสดงอาการตื่นเต้นในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน



   ไม่รู้ทำไม... ทุกทีที่มีผู้ชายคนนี้อยู่ใกล้ ๆ แจจินถึงได้รู้สึกต้องการเขามากกว่าแค่การมาอยู่ใกล้ ๆ



   "แล้วตอนที่ทำอย่างนั้น หนู คิดถึงใครเป็นพิเศษด้วยรึเปล่า..." แววตาแห่งความคาดหวังถูกส่งออกมาพร้อมคำถามนั้น แจจินอาจยังเด็กเกินที่จะตีความมันออก แต่ก็มีหลายครั้งหลายหนที่ซึงฮยอนพยายามบอกใบ้ความรู้สึกบางอย่างแก่เขา "หนู เป็นเหมือนที่ชั้นเป็นรึเปล่า"

   "เอ่อ ผ...ผม" คนตัวเล็กมีท่าทีไม่ค่อยแน่ใจในสิ่งที่กำลังจะพูดออกไป "เมื่อคืน..."

   "หืม เมื่อคืนนี้เองเหรอ" คนแก่กว่าพึมพำอย่างทึ่ง ๆ พร้อมกับยื่นนิ้วไปปัดผมหน้าม้าที่ยาวจนจะแทงตาออกให้

   "ผม เรียกหาคุณครับ ซึงฮยอน" แจจินพูดลิ้นพัน ก้มหน้าหลับตาปี๋ "ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร ต...แต่ ผม คิดถึงคุณ ผมเรียกชื่อคุณตลอดเวลาที่--"

   "แม้แต่ตอนนี้ หนูก็กำลังอยากให้ชั้น ทำ แบบที่หนูทำกับตัวเองเมื่อคืนใช่มั้ย"



   ซึงฮยอนเอื้อมมือไปรูดซิปกางเกงนักเรียนตัวเล็กออกอย่างช้า ๆ วินาทีนี้ แจจินตัวสั่นยิ่งกว่าลูกนกที่เพิ่งฟักออกจากไข่ แต่ด้วยความเป็นเด็กช่างถาม เขาก็อดไม่ได้ที่จะขอให้คนที่มีประสบการณ์มากกว่าช่วยขยายความไอ้เจ้าความรู้สึกประเภทนี้ให้



   "ล...แล้ว สรุปว่ามันคืออะไรล่ะฮะ"



   ชายหนุ่มหยุดการกระทำของตัวเอง สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความต้องการจ้องนิ่งมายังเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา



   "ถ้าเป็นกับตัวหนู ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าเป็นกับชั้นที่ก็มีความรู้สึกแบบนี้..." ซึงฮยอนพาริมฝีปากของเขามาถูไถที่อวัยวะเดียวกันของอีกคน แจจินเผลอเอียงศีรษะรับโดยอัตโนมัติ "ชั้นเรียกมันว่า รัก"



   สิ้นประโยคบอกความในใจกลาย ๆ โพรงปากเล็กก็ถูกจู่โจมด้วยลิ้นร้อนขนาดใหญ่ เขี้ยวคมขบงับทุกอย่างที่ขวางทางเรียกเสียงอุทานอู้อี้จากคนที่เด็กกว่า



   มันดูจะเป็นจูบแรกที่รุนแรงยิ่งนักสำหรับเด็กวัยสิบสองขวบ ซึงฮยอนคิดเช่นนั้น

   ซึ่งผิดกับแจจิน เขากลับรู้สึกชอบเวลาที่ถูกอีกฝ่ายบดเบียดร่างกายเข้ามา เวลาที่ในปอดไม่เหลืออากาศให้หายใจ เวลาที่เขาเผลอร้องออกไปเพราะความทรมาน



   "ซึงฮยอนฮะ ได้โปรด..." ร่างเล็กที่นอนหงายอยู่บิดเร่าไปมาขณะมือหนากำลังขยุ้มขยำเป้ากางเกงชื้น

   "ไหน เมื่อวานทำอะไรบ้าง บอกชั้นหน่อยซิ" ปากถามพลางสร้างตราประทับสีหวานตามกกหูและท้ายทอยของเด็กชายไปด้วย "อยู่ในท่านี้เหมือนกันรึเปล่า"



   แจจินพยักหน้า เผยอปากอิ่มปล่อยเสียงหอบที่ซึงฮยอนได้ยินแล้วรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก



   "ผม... เอามือเล่นกับมัน"



   ไม่มีคำว่าอายหลงเหลืออยู่ในห้องนอนแห่งนี้ กางเกงนักเรียนสีเข้มถูกโยนทิ้งลงพื้น ซึ่งสิ่งที่ใกล้จะตามลงไปด้วยก็คือเจ้าชั้นในตัวจิ๋วในมือของคนที่คร่อมร่างเจ้าของมันอยู่



   "รู้มั้ยครับคนเก่ง เราไม่จำเป็นต้องใช้แค่ มือ กับมันนะ"



   ว่าแล้วซึงฮยอนก็จับเจ้าหนูน้อยของแจจินเข้า ปาก ของเขา



   "อ๊ะ!" เด็กหนุ่มกดเล็บจิกลงบนไหล่หนา หน้าท้องผอมบางแขม่วเกร็งไปหมดอย่างห้ามไม่ได้



   ความขรุขระภายในนั้นเล่นเอาแจจินเสียวจนแทบเป็นบ้า ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่ครั้งที่สอง แต่เขาก็ได้เรียนรู้ว่าวิธีนี้มันสร้างความรู้สึกที่ดียิ่งกว่าการใช้มือหลายเท่านัก



   "แจจินอ่า..." ชายวัยใกล้เข้าเลขสามผงกหัวขึ้นลงเป็นจังหวะตามความยาวที่ไม่ได้เยอะมากในช่องปากของตนเอง เขาเรียกชื่ออีกคนทั้ง ๆ ที่ยังอมมันไว้อยู่ "เล่าต่อสิ ว่าทำอะไรอีก"

   "ซึง...ซึงฮยอนฮะ" แจจินร้องเรียกหาเขาในระดับเสียงที่ไม่ได้ดังไปกว่าการกระซิบ ขยับสะโพกแรงและรัวสวนกับทิศทางของฝ่ายนั้น "อืม ซึงฮยอน... ช่วยผมนะ ซึง-- อะ อ๊า"




   "ผมรักคุณ ซึงฮยอน"



.

.

.



   "ซึงฮยอน ผมรัก... อ๊ะ"



   ภาพเหตุการณ์ในวันที่แจจินหยิบยกความบริสุทธิ์ของตัวเองให้กับชายซึ่งเป็นพ่ออุปถัมภ์ถูกฉายขึ้นอีกครั้ง



   ความรู้สึก ที่มาพร้อมกับการกระทำในรูปแบบเดียวกันนี้



   ความอบอุ่น จากคนที่ตนเองเฝ้าคิดถึง



   และความรัก ที่ซึงฮยอนเคยบอกไว้ว่าจะมีให้แค่กับเขาเพียงผู้เดียว



   หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น คนที่ปลายเตียงยังไม่ได้ขยับตัวออกไปจากตรงนั้น ความเงียบเข้ากลืนกินห้องนอนใหญ่ก่อนที่พายุฝนจะเทกระหน่ำในอีกไม่กี่นาทีต่อมา

   แจจินเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ความโหยหาที่เขามีต่อซึงฮยอนไม่ได้ลดหายไปแม้แต่น้อย ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะอยู่ที่นี่หรือที่ไหน...



   "ทำไม ผมยังรู้สึก...
   ยังคิดถึงคุณอยู่เลยล่ะฮะ"



   ...



   "ซึงฮยอน ฮึ่ก..." น้ำตาของเด็กหนุ่มเริ่มไหลออกมาอีกรอบ



   อี แจจิน กำลังร้องไห้

   อยู่คนเดียวในห้อง



   "ซง ซึงฮยอน ทำไม ทำไมคุณถึงไม่กลับมาหาผม!!!"












   "คุณคือ เอ่อ... อี แจจิน ใช่มั้ยครับ"

   "ใช่ครับ มีอะไรรึเปล่า" หนึ่งในสมาชิกของศูนย์เด็กกำพร้าหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ ชายแปลกหน้าที่ขับรถมาขอพบเขาแต่เช้าตรู่

   "ผมขออนุญาตแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อ คิม ซังอู เป็นทนายของซง ซึงฮยอน"

   "ทนายของคุณซึงฮยอนเหรอครับ อ๋อ คือว่า ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาไปทำงานเมืองนอกได้เกือบสามเดือนแล้--"

   "ครับ ใช่ อันนั้นผมรู้" นักกฎหมายสูงวัยแสดงสีหน้าลำบากใจออกมาเมื่อเห็นปฏิกิริยาของแจจินซึ่งผิดจากที่เขาคาดไว้ "แต่ เกรงว่าจะมีบางอย่างที่คุณแจจินยังไม่รู้..."

   "อะไรเหรอครับ"

   "ซง ซึงฮยอน ถูกฆาตกรรมเสียชีวิตเมื่อวานนี้ขณะกำลังเดินทางกลับที่พักของเขา"

   "..."

   "ตำรวจของที่นั่นคาดว่าน่าจะเป็นพวกติดยาที่ต้องการปล้นเอาทรัพย์สิน แล้วเขา...อาจแสดงอาการขัดขืน..."

   "ค...คุณ... ต้อง ล้อผมเล่น"

   "ผมเสียใจด้วยนะครับ คือ จริง ๆ แล้วที่ผมมาในวันนี้ก็เพื่อจะมาพูดเรื่องพินัยกรรม แต่ถ้าหากคุณแจจินยังไม่สะดวก--"

   "ทนายคิม! คุณเอาเรื่องบ้าอะไรมาพูด!!!"












   "...สรุปสั้น ๆ ก็คือ ทรัพย์สินทั้งหมดของซง ซึงฮยอน ไม่ว่าจะเป็น เงินในบัญชีธนาคาร สังหาริมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงหุ้นจำนวนสามสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทจะตกเป็นของอี แจจิน แต่เพียงผู้เดียว ส่วนเรื่องของการบริหารงานต่อนั้น ก็ขอให้ขึ้นอยู่กับ ความพร้อม ของคุณก็แล้วกันนะครับ"








   "ถ้าหากผมเลือกที่จะปฏิเสธของทุกอย่างนี้
   แล้วขอเป็น...
   ให้ใครสักคนพาพ่ออุปถัมภ์ของผมกลับมาแทน... จะได้ไหมครับ"












   "จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครให้คำตอบของคำถามนั้นกับผมได้เลยนะ" แจจินพูดขึ้นกับความว่างเปล่าตรงหน้า




   ไหนล่ะ คนที่บอกว่าให้รอ




   ถ้าคุณยังอยู่
 
   ถ้าคุณกลับมาที่นี่ในตอนเช้า

   ถ้าคุณไปเจอผมนอนอยู่กับคนอื่นแบบนั้น




   คุณก็คงจะทำแบบเดียวกันกับที่ ผมทำกับตัวเอง ในวันนี้ใช่ไหม...




   คุณคงจะอยากบีบคอผมให้ตาย
   ...
   เป็นผมก็คงทำ


   คุณจะขับรถพาผมกลับมาที่บ้านแล้วทำท่าทีเมินเฉยใส่ผม
   ...
   ท่าทีที่ผมกลัวที่สุดว่าวันหนึ่งคุณจะเป็นแบบนั้น


   คุณคงจะดุด่า คงจะพูดจาไม่ดีใส่ผม
   ...
   แต่หนนี้คุณจะไม่หันกลับมากอดปลอบผมเหมือนทุก ๆ ครั้ง


   คุณอาจจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบโดยไม่สนใจว่าผมจะไม่ชอบมัน
   ...
   ถึงแม้ว่ารสเฝื่อนบนริมฝีปากคู่นั้นจะยังคงเป็นสิ่งที่ผมโหยหา


   คุณจะลงโทษผม
   ...
   แล้วก็ได้รู้ว่าตัวคุณเองก็ผิดด้วยเหมือนกัน




   แต่สุดท้าย เราทั้งคู่ก็จะปรับความเข้าใจกันได้

   คุณจะโอบกอดผมเอาไว้








   คุณจะบอกรักผม










   "เมื่อก่อนชั้นไม่ค่อยอยากพูดประโยคนี้บ่อย ๆ หรอกนะ" ซึงฮยอนกล่าวพลางกระชับอ้อมแขนของตัวเองให้แน่นจนมั่นใจได้ว่าคนข้าง ๆ รู้สึกอุ่นพอแล้ว "แต่ถ้านายอยากให้ชั้นพูด..."

   "อะไรเหรอฮะ" แจจินเอียงศีรษะซบอกหนา หลับตารอฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะบอกกับเขา

   "...ชั้นก็จะพูดและยืนยันคำเดิม
   ว่าชั้นรักนาย"





-  จบ  -




♂♂


สาส์นจากไรท์เตอร์: ลองเอาเพลงของ Yiruma เพลงนี้ไปฟังประกอบดู (สำหรับการอ่านรอบที่ 2) หรือจะฟังหลังอ่านจบก็ได้ 




No comments:

Post a Comment