June 11, 2018

[FANFIC/Chapter 12: โย่ง ค้ายา] FTISLAND&N.Flying 'Cloudy' (SEUNGJAEhyun)

CHAPTER 12     โย่ง ค้ายา
(ตอนพิเศษ)












     สิบนิ้วเท้าขยับเขี่ยทรายเล่นในขณะที่สมาธิทั้งหมดกำลังจดจ่ออยู่กับรายละเอียดการแบ่งหน้าที่ทำงานกลุ่มในกรุ๊ปแชท อี แจจิน นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาฯ ใกล้จะถูกสิ่งที่เรียกว่า วิชาการ กลืนกินชีวิตเข้าไปอย่างเต็มตัว


     จุดไฟสีเขียวของเรือตกหมึกสว่างขึ้นเป็นแนวยาวตามเส้นขอบฟ้าครามยามพลบค่ำ หาดส่วนตัวบริเวณด้านหน้าบ้านพักตากอากาศในช่วงเวลาราวหนึ่งทุ่มกลายเป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศอยู่กึ่งกลางระหว่างคำว่า โรแมนติก กับ น่าขนลุก ใครคนหนึ่งเดินเท้าเปล่าย่ำผ่านเนินทรายเม็ดหยาบที่ถูกสายลมคลุกเคล้ามันเข้ากับใบและลูกสนแห้ง เสียงอุทานดังขึ้นมาเป็นระยะในทุกจังหวะที่เขาผู้นั้นถูกเศษไม้ตำตีน


     แต่ถึงอย่างไรอุบัติเหตุเหล่านั้นก็ไม่สามารถดึงความสนใจจากคนที่เอาแต่นั่งจิ้มหน้าจอโทรศัพท์มือถือได้เลยแแม้แต่น้อย



     “ทำอะไรอยู่ครับ!”



     จากรอบข้างที่เคยว่างเปล่า ร่างของแจจินถูกสวมกอดโดยคนที่เพิ่งจะทิ้งตัวลงมานั่งบนพื้นหาด สองแขนรัดลำตัวเขาแน่นแต่ก็ไม่ทำให้ใจเต้นแรงเท่าแผ่นหลังและแผงอกที่ซ้อนทาบกันอยู่ในตอนนี้


     แจจินไม่ตอบ ตาคู่สวยยังตั้งใจอ่านข้อความบรีฟงานยาวยืดในแชทนั้น นั่นเลยทำให้แฟนหนุ่มพลอยอยากรู้อยากเห็นกับธุระของเขาไปด้วย



     “นี่เรามาเที่ยวกันอยู่นะ” รุ่นน้องเริ่มคลอเคลียริมฝีปากกับเนื้อตัวอุ่นนอกร่มผ้า “พักเรื่องเรียนไว้ก่อนไม่ได้เหรอครับ”
     “ไม่ได้หรอกซึงฮยอน โปรเจควิจัยชิ้นนี้มันงานยักษ์ของเด็กปีสามเลยนะ” คนพูดยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมสีเข้มและใบหน้าที่กำลังซุกเข้ามาตามซอกคอ “อืม… แต่ชั้นก็แบ่งเวลาอยู่แล้วว่าตอนไหนจะพักผ่อนหรือทำงาน”
     “แล้วอย่างคืนนี้ล่ะแจจิน
     พี่จะทำงาน หรือ…”



     ค่ำคืนแรกของทริปสุดสัปดาห์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น แผนทำลายช่วงเวลาวิชาการประสบความสำเร็จไปได้อีกขั้นด้วยจูบอันเร่าร้อน โทรศัพท์มือถือหล่นร่วงไปตั้งแต่ปากของทั้งคู่ประกบกัน แจจินหันกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าตัวแสบที่จ้องแต่จะกีดกันเขาออกจากกองหนังสือและการบ้าน ความมันเขี้ยวทั้งหมดถูกผสมรวมไปกับแรงบดขยี้ ซึงฮยอนหมดโอกาสรุกแล้ว ร่างหนาล้มหงายไปตามสองมือที่ดันเขา เสียงครางเบาๆเล็ดลอดออกมาจากคนตัวใหญ่ทั้งที่มันควรจะมาจากอีกฝ่าย



     “อย่าคิดจะร้ายกับชั้นนะ เด็กดื้อ”



     ประโยคเมื่อครู่เล่นเอาคนได้ยินอยากจะทำเป็นลืมๆจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาหาแจจินที่ชายหาดแล้วอุ้มรุ่นพี่คนนี้เข้าห้องนอนไปด้วยกันซะเลย 



     “ผมไม่ได้ร้ายนะครับ” ซึงฮยอนรีบลุกขึ้นนั่ง สะบัดหัวไล่ทรายที่ติดผมออก “แม่แค่ให้ผมมาเรียกพี่ไปทานมื้อเย็นน่ะ”






     กลิ่นปิ้งย่างซีฟู้ดลอยโชยมาเตะจมูกทันทีที่ทั้งสองคนผ่านพ้นเขตรั้วบ้านเข้ามา วันหยุดสุขสันต์ของครอบครัวซงในครั้งนี้มีแจจินเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษ


     นี่ไม่ใช่แค่ทริปเที่ยวทะเลธรรมดาๆเพราะว่ามันคือทริปฉลองที่ลูกชายคนโตของบ้านสอบติดคณะเภสัชฯ ซึ่งก็เพิ่งจะได้ฤกษ์ยามที่ทุกคนว่างตรงกันก็ตอนที่มหาวิทยาลัยเปิดเทอมมาแล้วหนึ่งสัปดาห์



     “อ้าว แจจิน ไปอยู่ไหนมาลูก” เสียงแม่ของซึงฮยอนทักทายมาจากแถวๆเตาย่างอาหาร “มาเร็วๆ เจ้าเซฮยอนแย่งกุ้งไปกินหมดแล้วเนี่ย”



     อีกหนึ่งคนที่เดินมาพร้อมเขาวิ่งไปหย่อนก้นนั่งตรงหน้ากุ้งเผาถาดเบ้อเร่อ สองพี่น้องยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัยก่อนจะเริ่มจัดการอาหารแต่ละอย่างบนโต๊ะ



     “พอดีผม คุยงานกับเพื่อนอยู่น่ะครับ” แจจินกล่าวยิ้มๆ รีบเข้าไปช่วยเธอเสิร์ฟนู่นนี่อย่างรู้สึกผิด “ขอโทษครับออมม่า”



     เก้าอี้ข้างๆซึงฮยอนถูกเว้นให้สมาชิกหนึ่งเดียวที่เป็นคนนอกครอบครัว ไม่มีใครไม่รู้ว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนในบ้านก็ต่างรักแจจินด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้คือมนุษย์โลกคนเดียวที่สามารถกำราบลูกชายสุดแสบได้แบบอยู่หมัด…
     งั้นเหรอ



     “กินเยอะๆนะ”



     ร่างเล็กทำตาลุกวาวใส่กองกุ้งเผาที่แกะเปลือกออกแล้ว ที่เห็นซึงฮยอนรีบมานั่งที่โต๊ะนี่คือมาแกะกุ้งให้เขาหรอกเหรอเนี่ย
     จะน่ารักเกินไปแล้ว



     “ขอบคุณนะ” แจจินอยากป้อนกุ้งให้อีกคนใจแทบขาดแต่ก็เขินสายตาคนอื่น สุดท้ายจึงทำได้แค่ยกหนึ่งตัวที่อ้วนที่สุดคืนให้กับแฟน “อะ เอาไปตัวนึง”



     ดินเนอร์สุดใหญ่โตของค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน วีรกรรมในวัยเด็กของซึงฮยอนถูกแต่ละคนหยิบมาแฉให้แจจินฟังอย่างละเอียดยิบจนเจ้าของเรื่องถึงกับอยากจะกระโดดลงทะเลตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด



     “...แต่ก็นะ จากเด็กบ๊องที่เคยชวนน้องหนีออกจากบ้านไปตามหาตุ๊กตาที่แม่เขาแอบเอาทิ้งถังขยะ” พ่อของซึงฮยอนแซวขำๆ ส่วนเซฮยอนน้องชายก็ยังหัวเราะไม่หยุด “ในอนาคตเจ้าเด็กคนนั้นก็กำลังจะได้เป็นเภสัชกรแล้ว”
     “อย่าจ่ายยาบ้าให้ชั้นเชียวล่ะ” แจจินหันมากระซิบ แต่แล้วก็ต้องกลั้นยิ้มอย่างทรมานเพราะลูกแกล้งลูกแหย่บางอย่างจากสองเท้าใต้โต๊ะกินข้าว






     “เซฮยอนพี่ยืมบ็อกเซอร์หน่อยดิ ลืมเอามาว่ะ”
     “ฮยองพูดจริงพูดเล่นเนี่ย”
     “จริงดิ”



     น้องตัวโย่งหรี่ตามองพี่ชายอย่างไม่ไว้ใจ ตอนนี้ทั้งสองเข้ามาเก็บของในห้องนอน ซึงฮยอนที่กำลังเตรียมตัวจะไปอาบน้ำเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมหยิบกางเกงนอนใส่กระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วย



     “ไม่ให้อะ”
     “เอ้า ทำไมวะ”
     “ฮยองลืมเพราะลืม หรือลืมเพราะตั้งใจลืมกันแน่” ปกติสองพี่น้องแชร์ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่าง(แม้แต่กางเกงใน)ด้วยกันอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมหนนี้เซฮยอนถึงไม่ยอม
     “นี่ เดี๋ยว...”
     “เนี่ย ใช่มั้ยล่ะ”
     “ทะลึ่งแล้ว”



     น้องชายผู้หัวไวดุจปรอทแถมยังใจบาปไม่ต่างกับพี่ยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับอะไรก็ตามที่แว้บขึ้นมาในหัวของทั้งคู่ ซึงฮยอนเองก็เริ่มไปต่อไม่ถูก



     “ไม่ได้นอนห้องนี้อยู่แล้ว จะใส่ทำไมชุดนอนอะ” เซฮยอนเดินหน้าแซวเขาไปเรื่อยๆ “อุ๊ย แต่ไปห้องนู้นก็ไม่รู้จะได้นอนมั้ย”
     “พอเลยไอ้น้องเวร”
     “เดิมพันด้วยบ็อกเซอร์ทุกตัวของผมเลยว่าพรุ่งนี้ตื่นมาจะไม่มีใครเจอฮยองที่นี่ ฮี่ๆ เย้ยยย!” พูดไม่ทันเสร็จเขาก็ต้องกระโดดหนีบาทาของอีกคน
     “เออๆ ไม่ให้ก็ไม่เอาวะ” ทำเป็นเสียงแข็งไปงั้นแหละเพราะขณะนี้ทั้งใบหน้าและใบหูของซึงฮยอนขึ้นสีแดงแปร๊ดแล้ว






     ไม่เคยรู้มาก่อนว่าละครรอบดึกมันสนุกขนาดนี้


     คู่หูแม่-ลูก(สะใภ้ ///_///)สลับกันสบถด่าใส่นางร้ายในหน้าจอโทรทัศน์ ซีรีส์น้ำเน่าตบจูบที่ออกอากาศช่วงหลังสี่ทุ่มนั้นเป็นอะไรที่แม่ของซึงฮยอนติดชนิดงอมแงม 
     แล้วยิ่งคืนนี้เธอมีแจจินนั่งอินอยู่เป็นเพื่อนด้วยนั่นก็ยิ่งเพิ่มอรรถรสในการดูมากขึ้นไปอีก



     “แม่ว่าตอนจบนังนี่ต้องเป็นบ้า ดูสิ ออกมาแต่ละฉากก็แหกปากกรี๊ดได้ทุกฉาก”
     “นั่นสิฮะ จะมีก็แต่ฉากอ่อยพระเอกนี่แหละที่ไม่กรี๊--”



เอี๊ยด…


     เสียงประตูห้องนอนของลูกชายเปิดออกทำให้ผู้เป็นแม่รวมทั้งแจจินหันขวับไปมองพร้อมกัน



     “อ้าว ซึงฮยอน ออกมาทำอะไรดึกๆดื่นๆ”
     !!!



     ไม่ใช่แค่ซึงฮยอนที่ช็อคเมื่อรู้ว่าแม่ของเขายังดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นทางผ่านไปห้องนอนของแจจิน แต่แขกของบ้านคนนี้ก็แทบจะอ้าปากค้างให้กับท่อนบนอันเปลือยเปล่าและกางเกงวอร์มที่ถูกใส่อย่างหลวมๆจนขอบยางยืดเกือบจะอยู่ในระดับเดียวกันกับ…



     “แล้วดูแต่งตัวเข้า นั่นไม่ใช่กางเกงนอนลูกหนิ”



     แจจินรีบเบือนหน้าหนี หัวใจของเขาตอนนี้เต้นรัวแรงยิ่งกว่ากลองชุดแล้ว



     “ง่า ออมม่า ผมลืมเอาบ็อกเซอร์มาฮะ” เด็กหนุ่มแกล้งทำเป็นเดินไปที่ตู้เย็น พยายามจะเปลี่ยนเรื่องคุย “ก็เลยหยิบตัวนึงในตู้มาใส่แทน ในตู้เย็นมีนมมั้ยฮะ ผมหิวจัง”
     “เอ้า ตายล่ะ แล้วทำไมตอนค่ำไม่กินให้มันอิ่มๆล่ะลูก”



     ละครน้ำเน่าที่กำลังเล่นมาถึงจุดเข้าด้ายเข้าเข็มหมดความสำคัญไปทันทีหลังซึงฮยอนออกจากห้องนอนของเขามา



     “กินของชั้นไปก่อนก็ได้” แจจินอาศัยจังหวะที่ทุกคนยังให้ความสนใจอยู่กับของกินในตู้เย็นลุกจากโซฟาแล้วตรงไปที่ห้องนอน “อ...เอ่อ หมายถึง นมกล้วยของชั้น ชั้นซื้อมาแช่ไว้กล่องนึง”
     “หูว ขอบคุณครับพี่แจจิน” คนกระเพาะรั่วยิ้มร่า ตอนแม่เผลอเขาแอบขยิบตาให้คนรักอย่างเจ้าเล่ห์ “จะนอนแล้วเหรอครับ!”



     ระดับเสียงของคำถามที่ดังเกินเบอร์ทำให้อีกคนในห้องนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเปิดทีวีค้างไว้อยู่



     “อ...อือๆ ออมม่า ผมเริ่มง่วงแล้วอะครับ ขอตัวก่อนนะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ”
     “กู๊ดไนท์ครับพี่แจจิน”



     ซึงฮยอนหัวเราะหึหึในลำคอ จากนั้นก็เปลี่ยนมาดมาเล่นบทคนหิวมื้อดึกกับแม่เขาต่อ



     “แล้วนี่ ออมม่า ยังไม่ง่วงเหรอฮะ”
     “อ่า เดี๋ยวเที่ยงคืนละครจบแม่ก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”



     ลูกชายคนโตพยักหน้าหงึกๆก่อนจะเดินดูดนมกล้วยกลับเข้าห้องไป






ปัง!



     “อ้าวฮยอง ไหงได้นมกล่องกลับมาซะงั้น” เซฮยอนเงยหน้าจากเกมในโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกับพี่ชายอีกครั้ง พวกเขาเพิ่งบอกลากันไปเมื่อราวสิบห้านาทีที่แล้ว
     “ลืมไปว่าออมม่าดูละครถึงเที่ยงคืน” ซึงฮยอนทำหน้าบูดยิ่งกว่าตูดลิง “พี่แจจินก็อยู่ด้วย”
     “จังหวะซิทคอมชะมัด”






     หนึ่งร่างบนเตียงพลิกตัวไม่หยุดตลอดสองชั่วโมงแห่งการรอคอย ทันทีที่นาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งเป๊ะ เขาค่อยๆย่องออกมาจากห้อง รอบนี้ซึงฮยอนไม่ยอมให้มีเสียงประตูลั่นเอี๊ยดอ๊าดแบบเมื่อตอนห้าทุ่มอีกแล้ว



     ‘โคตรตื่นเต้นเลยว่ะ’



///
///


     หน้ากระดาษหนังสือเรียนถูกพลิกไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า



     ‘อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เขาหัว’



     โจทย์เคมีที่เหมือนจะกระเตื้องแต่จริงๆคือแจจินยังแก้ได้ไม่ถึงครึ่งทำให้เขาเริ่มต้องการที่จะยอมแพ้แล้วปิดไฟนอนเสีย


     ถ้ารู้ว่ามันยากแบบนี้จะไม่เลือกเคมีเป็นวิชาโทเลย ที่เขาทำไปก็เพราะคิดว่าอนาคตอาจจะได้เอาความรู้จากที่เรียนมาช่วยติวซึงฮยอน ซึ่ง นี่คงเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุด
     แจจินหวังดีกับซึงฮยอนขนาดไหนแต่หมอนั่นดันให้เขากลับมาเพียงแค่การใส่กางเกงตัวเดียวเดินว่อนไปทั่วบ้าน หรือเรียกอีกอย่างว่า ออกมายั่วให้อยาก...แล้วก็จากไป


     ทันใดนั้น ประตูห้องนออนเปิดออก ร่างเล็กที่นอนคว่ำหน้าอ่านหนังสืออยู่ฟุบศีรษะลงกับเตียงไปหัวเราะ



     “ฮ่ะ กว่าจะมานะ อ๊ะ!”



     ผู้เข้ามาใหม่กระโจนขึ้นเตียงมาคว้าตัวแจจินไว้ ขายาวพาดรัดลำตัวของรุ่นพี่อย่างออดอ้อน ใบหน้าที่มุดซุกอยู่แถวๆไหล่ส่งเสียงงอแงในแบบที่คนอื่นอาจฟังแล้วรำคาญ แต่กับแฟนกันนั้นมันช่าง…
     น่าจับมาฟัด



     “งือ แจจิน… ผมไม่ไหวแล้วครับ” ซึงฮยอนกอดแจจินแน่นแต่แล้วก็ถูกคนพี่กลิ้งตัวไปเบียดให้เขากลายมาเป็นฝ่ายที่อยู่ด้านล่าง ผ้านวมบนเตียงพันทั้งคู่เข้ากับหมอนข้างจนมีลักษณะคล้ายกับคิมบับม้วนยักษ์



     สองปากเริ่มจูบกันด้วยความโหยหา มือหนาสอดเข้ามาใต้เสื้อแขนยาวลายไดโนเสาร์ที่แจจินใส่แล้วทำให้เขาดูน่ารักยิ่งกว่าปกติหลายเท่า แย่นิดนึงที่นั่นคือเครื่องนุ่งห่มชิ้นเดียวที่อีกคนสวมใส่ ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกับกางเกงวอร์มเอวต่ำของซึงฮยอน


     แต่ ปัญหามันอยู่ที่แค่ว่า
     คนตัวเล็กไม่ได้อยากเป็นฝ่ายที่โป๊ก่อน



     “ไม่ขี้โกงดิ” เสื้อที่ถูกเลิกขึ้นมาเผยทรวดทรงแท้จริงภายในห่อผ้านวม ถึงเด็กหนุ่มจะยังไม่ได้เห็นแต่สองมือสุดลามปามก็เข้าครอบครองแก้มก้นของแจจินเป็นที่เรียบร้อย
     “งั้นก็ให้ผมไปอยู่ข้างบนสิ” ไม่พูดเปล่า ตำแหน่งประจัญหน้าถูกสับเปลี่ยนอีกครั้งด้วยแรงกำยำของคนตัวใหญ่ เกิดความไม่ยุติธรรมรอบที่สองเมื่อคนแก่กว่าค้นพบว่ามีแค่เขาคนเดียวที่ แข็ง แล้ว
     “ถ้านายยังเป็นแบบนี้ ชั้นจะงอนแล้วนะ”
     “ฮึ…”



     ซึงฮยอนที่เพิ่งจะตามอารมณ์คนรักทันหลุดขำออกมา การแกล้งแจจินเป็นสิ่งที่เขาถนัดมากที่สุด ร่างสูงเริ่มขยับกายท่อนล่างถี่ๆจนเตียงเขย่า ปากเรียกชื่อแฟนเสียงกระเส่า



     “อ่าห์ พ...แจจินครับ แจจิน...”
     “นาย...ทำอะไรซึงฮยอน หง-- พอเลย” รายนั้นอาจจะแสร้งทำ แต่แจจินเนี่ยเสียวจริง
     “ของผมก็ แข็งจนใกล้แตกอยู่แล้วนะ” จังหวะล้อแหย่ยังเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ “สงสัยมันคงจะเล็ก...ไปมั้ง พี่ก็เลยไม่รู้”
     “โอ๊ย ไอ้บ้า! ทุเร-- โอ๊ะ!!!”



พึ่บ!


     ต่างคนต่างไม่ได้สังเกตเลยว่าขณะนั้นพวกเขาหยอกเล่นกันมาถึงขอบที่นอนแล้ว คำพูดแสนอุบาทว์จากปากเด็กกะล่อนทำให้แจจินใช้พลังในการดิ้นหนีซึงฮยอนเยอะไปหน่อย คิมบับผ้านวมเลยไหลร่วงลงจากเตียงพาเอาทั้งสองมากองอยู่กับพื้น


     ด้วยเหตุที่สมาชิกในบ้านเข้านอนกันแล้ว แต่ละคนพยายามบังคับตัวเองให้หัวเราะออกมาอย่างเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้เครื่องนอนทั้งหมดบนเตียงเหมือนเพิ่งถูกใครจับเทกระจาดลงมา ร่างบางรีบหยิบหมอนใบใหญ่มาปิดบังของสงวนของเขาไว้เพราะไม่อย่างนั้นมีหวังโดนรุ่นน้องลวนลามอีกแน่



     “อยู่บนเตียงดีๆไม่ชอบอะเรา” ซึงฮยอนเขยิบมานั่งข้างแจจิน รอยยิ้มแบบเด็กๆผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ
     “ที่พื้นก็ดีนะ” นิ้วเรียวเอื้อมไปเขี่ยปลายเชือกกางเกงวอร์มที่หลุดลุ่ยหน่อยๆ



     ชักไม่แน่ใจแล้วว่าใครกันแน่ที่ลวนลามใคร



     “ไม่อ่านหนังสือแล้วเหรอครับ” คนตัวโตแซว ปล่อยให้อีกฝ่ายแกะเกาชุดนอนของเขาต่อไปเรื่อยๆ
     “อยากให้ชั้นกลับไปอ่านเหรอ”



     ยางยืดที่ใกล้หมดอายุขัยช่วยให้แจจินจัดการอะไรได้ง่ายขึ้น ซึงฮยอนโดนสั่งให้กระเถิบก้นเล็กน้อยเพื่อที่อีกคนจะได้ดึงเอากางเกงลงมา ของลับที่ซ่อนอยู่และยังไม่ตื่นดีถูกโลมเลียด้วยลิ้น ริมฝีปากอิ่มอ้าอมอยู่ในท่าทางที่คนถูกปรนเปรออยากจะนั่งมองไปนานๆ



     “ผมรักพี่นะ แจจิน”



     อวัยวะสำคัญเปียกโชกน้ำลายเหนียวอีกทั้งยังแข็งตัวเต็มที่แล้ว ซึงฮยอนนั้นแทบไม่ต้องลงแรงกับสิ่งใดยกเว้นประคองรับร่างกายของแจจินที่เคลื่อนย้ายมานั่งบนตักเขา ชุดนอนไดโนเสาร์เลิกชายขึ้นมาถึงหน้าท้องเนียน บั้นท้ายงอนกดตัวลงดันส่วนปลายให้เข้ามารับความสุขภายในช่องทางร้อน เสียงออดอ้อนแผ่วเบามีขึ้นตามจังหวะการโยกของสะโพกและเอว 


     ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นมันดีเสียจนฝ่ายที่อยู่นิ่งๆต้องออกปากให้กำลังใจคู่ขา



     “พี่ครับ… อืม นั่นแหละ
     สุดยอดเลยแจจิน”
     “พูดกับชั้นเยอะๆสิ”



     สองแขนโอบบ่าแฟนหนุ่มหลวมๆ ผมเผ้าถูกขยำ ลำคอเอียงรับการตีตราจองผ่านรอยดูดกัด ถ้อยคำอนาจารต่างๆช่วยกระตุ้นอารมณ์รักของทั้งคู่ให้รุนแรงนำหน้าการกระทำหลัก


     น้ำสีขาวทะลักล้นปากทางแต่ถ้ามองอีกอย่างมันก็เป็นเหมือนเครื่องลดแรงเสียดทานชั้นดี แจจินยอมรับกว่าเขาช้ากว่าและต้องการความช่วยเหลือจากซึงฮยอน ซึ่งรายนั้นก็เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง



     “ให้ผมช่วยนะ จนกว่าพี่จะเสร็จ…”



     ร่างเล็กถูกอุ้มขึ้นเตียง เสียงครางหวานดังบ่อยครั้งขึ้นเมื่อฝ่ายที่ทำให้คือชายที่เขารัก บทบาทการควบคุมที่ไม่อ่อนโยนอีกแล้วมันทั้งสร้างความสุข เสียวซ่าน และทรมานไปพร้อมๆกัน ปากบางไล่จูบตามท่อนขายาวถึงหัวเข่าจวบจนข้อเท้า การทำงานควบคู่กันระหว่างมือและเอวเร่งก่อร่างลู่ทางที่จะนำพาคนสองคนไปสู่จุดสุดยอด



     “อ๊า ซึงฮยอน...”



     สิบนิ้วสอดประสานบนผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ ความใคร่ที่ใกล้แตกเตลิดส่งผลให้ทั้งซึงฮยอนและแจจินสูญเสียการรับรู้ไปชั่วขณะ ประโยคสารภาพรักที่ทั้งผู้พูดพูดไม่รู้เรื่องและผู้ฟังก็ฟังไม่รู้ความกลายเป็นเสน่ห์ของกิจกรรมครั้งนี้ พวกเขายิ้มให้กันหลังเริ่มปลดปล่อย ความทรงจำจากคราวก่อนๆผุดขึ้นมาตอกย้ำว่าหนนี้มันเยี่ยมกว่าเก่าแค่ไหน จากนั้นใครบางคนก็นึกขึ้นได้ว่าทำไมน้องชายถึงไม่ให้เขายืมบ็อกเซอร์ใส่นอน



     “รอบนี้เลอะเทอะมากเลยอะ” สายตาซุกซนจ้องมองสภาพของแฟนหนุ่มรุ่นพี่ที่นอนแหกแข้งขาทำหน้าใสซื่ออยู่ในชุดนอนสุดแบ๊ว “ทีเร็กซ์ตัวนี้เลี้ยงลูกด้วยนมเหรอเนี่ย”
     “ฮึ…” แจจินยกหัวขึ้นมาดูแล้วก็ต้องง้างตีนถีบซึงฮยอนไปหนึ่งป้าบโทษฐานพูดจาทะลึ่งกับเสื้อตัวเก่งของเขา “ไอบ้า ใครจะไปเหมือนนายล่ะ ชุดนอนตัวเองก็ไม่มีใส่”
     “อ่า อย่าจี้ใจดำสิ” เด็กปีหนึ่งทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้ “ผมเครียดนะ ยังต้องนอนที่นี่ไปอีกตั้งคืนนึง”



     ก็ไม่เข้าใจว่าจะเล่นใหญ่ทำไม กับไอ้แค่การเอาชุดเดิมที่ใส่เมื่อวานไปซักตากแล้วเอามาเป็นชุดนอนของคืนต่อไป
     มันยากตรงไหนวะซึงฮยอน


     เด็กโง่เอ้ย



     “ถ้านอนห้องนู้นแล้วมันลำบากเพราะไม่มีเสื้อใส่ก็มาโทงเทงอยู่ห้องชั้นนี่ หมดเรื่อง”
     “ฮะฮ่า” คนได้ยินหัวเราะสะใจพร้อมกับเอนกายลงมานอนข้างๆ “ผมรอให้พี่พูดแบบนี้ตั้งแต่เข้าห้องมาแล้ว”
     “แต่มีข้อแม้อย่างนึงนะ”
     “หืม...”
     “อย่าปล่อยให้มันเที่ยวมาโด่ชี้หน้าเจ้าของห้องเด็ดขาด!”






     เสียงเอะอะข้างนอกปลุกให้สองคนบนเตียงตื่นจากหลับใหล เช้าวันอาทิตย์กับอีกไม่กี่ชั่วโมงสุดท้ายก่อนเดินทางกลับบ้านเรียกความกระปรี้กระเปร่ามาสู่สองหนุ่มนักศึกษาที่ได้ใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ตลอดสุดสัปดาห์ แจจินในสภาพเปลือยเปล่าลุกขึ้นนั่งสำรวจร่องรอยของความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืน...


     คาบเรียนพิเศษวิชาเคมีที่ไม่ได้มีแค่การถามตอบหรือนั่งฟังนั่งสอน ไม่ได้ติวกันแค่บนที่นอนหรือบนพื้นเหมือนอย่างคืนก่อน ทั้งหมดมันเริ่มที่ชายหาดแล้วมาปิดคอร์สกันในอ่างอาบน้ำ ชุดนอนลายวินนี่ เดอะ พูห์ ที่ควรจะอยู่บนตัวของเขาก็กลับถูกสวมใส่โดยคนที่นอนอยู่ข้างๆ


     และที่บ้าบอยิ่งกว่านั้น...



     ‘หมีพูห์เปลี่ยนมากินนมแทนน้ำผึ้งตั้งแต่เมื่อไหร่’



     ก่อนจะได้โวยวายอะไรแจจินก็โดนซึงฮยอนที่รู้สึกตัวช้ากว่านิดนึงดึงลงไปจูบ
     ที่ทุกอย่างสลับสับเปลี่ยนไปหมดแบบนี้ก็เพราะเขาที่ตั้งกฎไม่ให้ผู้ร่วมอาศัยเอาอะไรมาชี้หน้าไม่ใช่เหรอ



     ...ผมก็เลยต้องเอาเสื้อพี่มาใส่ไง พี่จะได้ไม่เห็นว่าไอ้นั่นของผมมันชี้หน้าพี่อยู่



     แต่ก็ตลกร้ายที่สุดท้ายแล้วดันกลายเป็นซึงฮยอนเองที่ถูกชี้หน้า












     ณ มหาวิทยาลัย



     “วันหยุดเป็นไงบ้างจ๊ะแจจิน สองวันที่ผ่านมานายหายหน้าหายตาไปจากไลน์กรุ๊ปวิจัยเลยนะ” ยองเอทักทายเพื่อนชายด้วยน้ำเสียงดัดจริตสุดฤทธิ์
     “ก็สนุกดี” สตรอว์เบอร์รี่ปั่นในแก้วลดลงพรวดๆเนื่องด้วยคนที่สั่งไม่อยากให้เพื่อนล้อเขาเรื่องสีเครื่องดื่มอีก
     “ห้ะ! แค่ ก็สนุกดี เอง!” คราวนี้เป็นซอลฮยอนที่โวยวายกับคำตอบสั้นๆของแจจิน “พวกเราอยากได้รีแอ็คชั่นที่มันสาแก่กว่านี้อะ นายไม่เข้าใจเหรอ”



     ...ภายนอกร้านกาแฟที่ทั้งสามคนนั่งเม้าท์มอยกันอยู่ ชายหนุ่มมองเห็นใครคนหนึ่งกำลังเดินตามทางเท้ามุ่งตรงมายังสถานที่แห่งนี้...



     “อ๋อรู้แล้ว คนสวยของแก๊งเราเขาชอบให้คะแนนมากกว่าไม่ใช่เหรอ”
     “อ่า ฮะ…” ยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าหวาน สายตายังคงจดจ้องไปที่นักศึกษาในเครื่องแบบ



     ป้ายชื่อกระดาษแข็งเขียนข้อความ ‘โย่ง ค้ายา’ ที่แขวนอยู่ที่คอบ่งบอกให้รุ่นพี่ทุกคนรู้ทันทีว่านั่นคือเฟรชแมนตัวน้อยแห่งคณะเภสัชศาสตร์



     “โอเค อี แจจิน ทริปแฮปปี้แฟมิลี่สามวันสองคืนกับน้องซึงฮยอน เต็มสิบ คุณให้กี่คะแนนคะ” สามสาวพร้อมใจกันกดดันคนมีแฟน



     ไม่กี่วินาทีที่เขาเงียบไปก็คือช่วงเวลาเดียวกับที่ โย่ง ค้ายา เปิดประตูร้านเข้ามา กลุ่มบาริสต้าแถวเคาน์เตอร์รีบกล่าวต้อนรับทักทาย(ผู้ชายของ)ลูกค้าประจำด้วยความเอ็นดู และนั่นทำให้แจจินยิ้มกว้างขึ้นไปอีกเมื่อทั้งคู่สบตากัน



     “อะ เร็วค่ะ” ซอลฮยอนที่มองเห็นช่องทางชงคู่ชิปถามคำถามนั้นย้ำอีกรอบแต่ย่นประโยคลง “...สองคืนกับน้องซึงฮยอน เต็มสิบ คุณให้…”



     หลังจากแน่ใจว่าผู้เข้ามาใหม่ได้ยินคำถามของสามสาวอย่างชัดเจนด้วยการสังเกตที่สีหน้าแสนคาดหวังและปฏิกิริยาลุ้นกับคำตอบจนตัวโก่งของนักศึกษาคณะเภสัชฯ อี แจจินก็พร้อมที่จะตัดสินว่า สำหรับค่ำคืนอันเร้าร่อนเหล่านั้น จากคะแนนเต็มสิบ เขาให้



     “ให้ หนึ่งร้อย เลยครับ”












-  The end  -

 สาส์นจากไรท์เตอร์: จบจริง ๆ แล้วค่ะ

No comments:

Post a Comment