June 20, 2018

[FANFIC] FTISLAND 'SWEET PEPPER' (SEUNGJAE) 2/3

read SWEET PEPPECHAPTER ONE. click here



หลายเดือนผ่านไป…







JJღ♥: ออกไปทำงานแล้วเหรอ
JJღ♥: ขับรถดี ๆ นะ



ดีใจที่รู้ว่าวันนี้แจจินตื่นเช้ากว่าปกติ ผมที่กำลังนั่งหงุดหงิดอยู่หน้าพวงมาลัยจะได้มีเพื่อนคุยแก้เบื่อในช่วงเวลาแสนทรมานท่ามกลางรถที่โคตรติด




SHღ♥: ไม่ได้ขับหรอกรถอะ แยกเวรนี่มันนิ่งมาเกือบยี่สิบนาทีแล้ว เซ็งชิบหาย
JJღ♥: ใจเย็น 😶
SHღ♥: ถ้ามีใครมานั่งข้าง ๆ ให้จับมือก็คงดี



แล้วผมก็ได้เห็นแจจินเขินในเวอร์ชั่นตัวอักษรบ้าง อ่า ถ้าไปต่อไม่ถูกก็อย่ารัวสติ๊กเกอร์มาแบบนี้สิ


SHღ♥: แต่คงยากอะ แค่ตืื่นก่อนชั้นออกจากบ้านยังทำไม่ได้เลย 🙄
JJღ♥: เออ ก็คนมันง่วง


เปลี่ยนเรื่องดีกว่า


SHღ♥: กินน้ำบ่อย ๆ นะแจจิน
SHღ♥: ปากนายแห้งมากเลยเมื่อเช้า
JJღ♥: อะไร รู้ได้ไง
SHღ♥: เป็นขุย ๆ เลย
SHღ♥: ก็มันขูดปากชั้นน่ะสิ



โอเคครับ พอใจละ แค่แจจินพิมพ์คำว่า ‘บ้า’ ส่งมาให้เกือบสิบแชทวันนี้ผมก็แฮปปี้ยันเลิกงานแล้ว...













SWEET PEPPER
 #ฟิคพริกหวาน 

CHAPTER TWO.







Seunghyun   x   Jaejin






Genre: A/U, Yaoi, Drama, Fantasy
Rating: PG-13






แต่แล้วก็กลับมาเซ็งอีกรอบ วันนี้ผมจะไม่ได้เข้าออฟฟิศเลยเพราะต้องไปคุยงานกับลูกค้า เห็นว่าคนนี้เหมือนจะเป็นดาราที่เพิ่งผันตัวมาทำธุรกิจซะด้วยสิ อธิบายหลายเรื่องก็เท่ากับว่าอาจได้กลับบ้านช้า เฮ้อ แล้วพ่อบ้านของผมเขาจะงอนเอามั้ยเนี่ย


“ทางนี้ครับคุณซึงฮยอน”


ชายสูทเทายืนรอต้อนรับผมอยู่บริเวณด้านหน้าจุดนัดพบ ปกติผมเห็นแต่พวกลูกค้าต่างชาติที่จะเลือกใช้เลานจ์ของโรมแรมหรูแบบนี้เป็นสถานที่คุยงาน

แต่นี่ เขา เป็นคนเกาหลี


“สวัสดีค่ะ คุณซึงฮยอน”


ไม่ใช่สิ ผมต้องใช้คำว่า เธอ


“ยินดีที่ได้รู้จักครับ
คุณจีน่า”


ก็ รู้สึกคุ้น ๆ กับชื่อนี้อยู่นะ แต่ขอบอกตามตรง ผมไม่เคยตามข่าวเซเลบริตี้คนดังอะไรเลย เธอจะเสียเซลฟ์มั้ยล่ะเนี่ยถ้าผมไม่แสดงอาการตื่นเต้นใด ๆ กับการพบหน้าเธอตัวต่อตัวแบบนี้


“นี่ เอ่อ คุณถูกส่งมาอีกทีสินะ”


ผมส่ายหน้าให้กับประโยคเชิงดูแคลนเพราะผิดหวังประโยคนั้น


“ผม ส่งตัวเองมาต่างหากครับ” พูดจบผมเห็นจีน่าทำตาโตเล็กน้อย “พอดีว่าผมเป็นเจ้าของบริษัทนี้”

“อ๋อ ค่อยยังชั่วหน่อย” เธอยิ้ม… ดูเป็นรอยยิ้มที่ไม่จริงใจเอาซะเลย


ผมรีบพาเราทั้งคู่เข้าประเด็นเรื่องงาน อี จินอา ดาราสาวมากความสามารถที่ใคร ๆ ก็ตกหลุมรัก (ข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตที่ผมแอบเสิร์ชเมื่อกี๊บอกผมมาแบบนี้) เธอเพิ่งลงทุนทำแบรนด์เครื่องสำอางค์ของตัวเอง และกำลังมองหาพาร์ทเนอร์ที่จะช่วยจัดการในส่วนของงานเปิดตัวตรายี่ห้อ รวมถึงผลิตภัณฑ์ลิปสติกซีรีส์แรกของเธอ


ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงผมก็รู้ว่าจีน่าเป็นคนเปิดเผยและคุยง่ายกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่กับชุดเดรสสีทับทิบที่ผ่ากลางอกอวบของเธอลงไปเกือบคืืบ แต่ความฉลาด มีไหวพริบ บวกกับน้ำเสียงขี้เล่นหน่อย ๆ นั่นก็ทำให้อคติที่ก่อตัวในหัวผมตอนแรกค่อย ๆ สลายออกไปทีละนิด


ผมไม่ควรมองหน้าอกเธอรึเปล่า

หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่จีน่าขอให้บริษัทส่งพนักงานผู้ชายมา


“ผู้ชายวางแผนเก่งกว่าผู้หญิงค่ะ แล้วก็...” เธอตอบคำถามที่ผมแกล้งถามออกไป “เชื่อฟังกว่า”

“ใช้คำได้น่ากลัวดีนะครับ” อะไรบางอย่างสั่งให้ผมตอบโต้แววตาร้อยเล่ห์ที่ลูกค้าสาวสวยคนนั้นส่งมา

“หมายถึง บอกให้ทำอะไรก็ทำน่ะ”



นั่นก็ยังฟังดูน่ากลัวเหมือนเดิม


SHღ♥: วันนี้ชั้นกลับช้าหน่อย ไม่ต้องรอก็ได้นะ


เสร็จสิ้นขั้นตอนปรึกษาหารือที่มีขึ้นอย่างยาวนานจนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็น หลังจากนี้ ผมต้องทำหน้าที่รับผิดชอบในส่วนของกระบวนการกระชับสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างกันต่อ


“คุณดื่มรึเปล่า ซึงฮยอน” จีน่าลุกขึ้นยืนแล้วโบกมือเรียกผู้ติดตามของเธอ “คืนนี้พวกเราทั้งหมดอยากพบกับคุณ เราจองร้านไว้เรียบร้อยแล้ว”

“เอ่อ ครับ”


ดักหมดทุกทางซะแบบนั้นก็คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ชายสูทเทาคนเดิมก้าวเท้าเข้ามาหาผมพร้อมนัดแนะเวลาและสถานที่นัดพบแห่งที่สอง


เดิมทีผมไม่ใช่พวกเที่ยวกลางคืนจึงไม่ค่อยสันทัดกับการนั่งบาร์อะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ การตกแต่งภายในอันหรูหราที่ทำให้รู้ทันทีว่านี่คือสถานที่สำหรับพวกไฮโซยิ่งเรียกความกระอักกระอวนในตัวออกมาเรื่อย ๆ

ไม่หรอก ที่จริงแล้วผมไม่ได้รู้สึกเกร็งเพราะบรรยากาศ

แต่เป็นเพราะของเหลวแก้วแล้วแก้วเล่าที่เธอรินให้ผมต่างหาก


“อย่าทำหน้าเหมือนไม่ไว้ใจชั้นแบบนั้นสิ” จีน่าดูตื่นตัวกว่าปกติเนื่องจากเธอก็ดื่มไม่น้อยไปกว่าผม ทุกคนที่โต๊ะใช้ระดับคำพูดคำจาเหมือนคนที่สนิทสนมกันมานาน ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากฤทธิ์เหล้าล้วน ๆ “จะว่าอะไรมั้ยถ้า...”


เธอกระเถิบเข้ามานั่งชิดกันกับผม กลิ่นน้ำหอมที่จีน่าใช้นั้นเปลี่ยนไปจากเมื่อตอนกลางวันแล้ว มันให้อารมณ์ที่เย้ายวนยิ่งกว่าเดิม และผมไม่ชอบที่เธอยื่นมือข้างหนึ่งมาจับที่หน้าตักผมแบบนี้


“จีน่า ผมว่าคุณ--”

“ทำไมเกร็งจังล่ะ” จีน่าไม่ใส่ใจเพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่น ๆ อีก สายตาเลื่อนลอยของเธอจ้องเหม่อมาที่ผม

“เราต้องคุยงานกันไม่ใช่เหรอ”

“ไม่หนิ...” ไม่มีใครสนใจเราสองคนเหมือนกัน ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ไปมากกว่าแค่ต้นขา “ชั้นพูดแค่ว่า พวกเราอยากพบคุณ”


ผมจับข้อมือของเธอดันออกไปห่าง ๆ พยายามคิดในแง่ดีว่าจีน่าคงจะแค่เริ่มคุมสติตัวเองไม่อยู่


“คุณเมาแล้ว และผมคิดว่าผมไม่ควรอยู่ที่นี่จนดึกไปกว่านี้”

“ทำไม ลูกเมียรออยู่งั้นเหรอ”


ผมพยักหน้าส่ง ๆ ลุกขึ้นยืน บอกลาหุ้นส่วนแต่ละคนของเธอแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยท่าทางที่ปกติที่สุด ทีแรกดูเหมือนผมจะรอดพ้นจากสถานการณ์สุดทะแม่งนั่นแล้ว


“เดี๋ยวก่อน ซีงฮยอน”


แต่ จีน่า… เธอตามผมออกมา


“อะไรครับ” บางอย่างที่มากไปมันก็สร้างความน่ารำคาญได้ ผมเจตนาถอนหายใจแรง ๆ ให้เธอได้ยิน อย่างน้อยก็เป็นการแสดงออกว่า ผมไม่เล่นด้วย

“ให้คนของชั้นไปส่งคุณเถอะ”


เวลาเกือบตีสอง ผมกลับมาถึงบ้านในสภาพสร่างเมาแล้ว แจจินนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง โทรศัพท์มือถือใต้หมอนตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตีสามซึ่งผมค่อนข้างแน่ใจว่าเขาคงจะอยากตื่นมาดูว่าผมกลับบ้านแล้วหรือยัง


“ขอโทษนะ” ผมลดตัวนั่งยอง ๆ ที่ข้างเตียง เสียงหายใจเข้าออกที่ดังอย่างสม่ำเสมอสร้างความโล่งใจให้ผมไปหนึ่งเปราะ แต่ก็น่าเสียดาย “ถ้ากลับเร็วกว่านี้คงได้นายเช็ดตัวให้”


ถึงแม้ว่ามันเป็นการรบกวนเวลานอนแต่ผมก็จะไม่กดยกเลิกนาฬิกาปลุกของเขา หลังจัดการกับตัวเองเสร็จผมค่อย ๆ ทิ้งร่างกายอันแสนเมื่อยล้าลงบนเตียงและไม่ลืมที่จะหันไปกอดแจจิน กระซิบบอกข้างหูว่าผมรักเขามากแค่ไหน จากนั้นก็รอให้เจ้าตัวตื่นขึ้นมาพบว่าคนที่ตนเองรอตอนนี้ได้กลับมานอนอยู่ข้าง ๆ กันแล้ว


และ ผมจะได้จูบเขาอีกรอบ












...


“แล้วเจ้าแน่ใจอย่างนั้นหรือ...”

“ผมจะพยายามทุกวิถีทาง”

“บางสิ่งที่มนุษย์ตนนั้นมีติดตัว
มันคือเหตุอันนำมาซึ่งการสูญเสีย”

“ผมจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก
ไม่อีกแล้ว”


...












ผมลงบันไดมาถึงชั้นล่างพร้อมที่จะออกไปทำงาน วันนี้แจจินตื่นเช้าอีกแล้ว การทักทายที่ไม่ได้รับการตอบกลับทำให้ผมเอะใจเล็กน้อย แต่คงเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งใจอ่านอะไรบางอย่างในหน้าจอโน้ตบุ๊กอยู่

งั้นเอาเป็นว่า ผมไม่กวนก็ได้

แค่หอมแก้มสักฟอดก็พอ


บรรยากาศเช้านี้ที่ออฟฟิศไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากเดิม เว้นเสียแต่เพื่อนร่วมงานของผมคนหนึ่งที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาพร้อมกับแท็บเล็ตในมือ


“ซึงฮยอน จริงไม่จริง”

“หืม อะไร” ผมมองหน้าหมอนั่นงง ๆ ก่อนจะหยิบของที่เขายื่นให้มาดู


เขาคือใคร? หวานใจคนใหม่ของนางเอกสาว
พาขึ้นรถกอดซบนัวเนีย



“เห็นหน้านายชัดมากเลยนะ แม้ว่าจะไม่ได้ช็อตที่พาดหัวมันเขียนก็เถอะ” น้ำเสียงที่ดูเป็นกังวลมากขึ้นของเขามันทำให้ผมเริ่มมีอารมณ์โมโห

“แน่ใจรึเปล่า เช็คเนื้อข่าวรึยัง”

“ห้ะ หรือว่านายกับจีน่--”

“ไม่ใช่อย่างนั้นเว้ย” ผมรีบบอกปัด “เมื่อคืนทุกคนเมามาก พวกนั้นแม่งเทเหล้าให้ชั้นไม่หยุด”



ยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ว่าถ้าตัวเองมีสติครบถ้วนผมจะไม่มีวันทำอะไรแบนนั้นเด็ดขาด แต่ในเมื่อมันมีภาพหลุดออกไปแล้ว และถ้าหากว่า…

ถ้าหากว่าแจจินเห็นข่าวนี้ล่ะ!


ครืด...ครืด…


“แจจิน!”


ผมล้วงหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงอย่างเร่งรีบ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะต้องถูกเคลียร์ให้จบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมจะอธิบายทุกอย่างให้เขาเข้าใจและไม่คิดมากเกินไปกว่านี้ ไม่เช่นนั้น...


[ 2 ข้อความใหม่จาก GinA ]



ฮึ ไม่ใช่แจจินหรอกเหรอ


GinA: คุณเห็นข่าวนั่นแล้วใช่ไหม ไม่ต้องกังวลนะ ชั้นส่งคนไปจัดการเรียบร้อยแล้ว
GinA: เดี๋ยวพวกเขาก็ลืม


ผมใช้เวลางานที่เหลือของวันนี้ไปกับการนั่งนับถอยหลังรอเวลากลับบ้าน เอกสารกองยักษ์บนโต๊ะถูกหอบไปทำต่อตอนกลางคืนเนื่องจากสมาธิที่อยู่ไม่สุขตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทันทีที่รถจอดผมรีบดับเครื่องและวิ่งเข้าบ้าน แจจินกำลังทำกับข้าวอยู่ในห้องครัว เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับผมเพียงครู่เดียวจากนั้นก็หันกลับไปสนใจซุปในหม้อต่อ


เท่านี้ผมก็รู้แล้ว ว่าแจจินรู้


ตลอดช่วงที่ทานมื้อค่ำด้วยกันผมพยายามหาจังหวะที่จะเปิดประเด็น ท่ามกลางความเงียบ ในวินาทีที่ผมกำลังจะอ้าปาก แจจินลุกขึ้นยืน หยิบเก็บถ้วยชามที่เราเพิ่งกินเสร็จเพื่อที่จะเอาไปล้าง ท่าทีเพิกเฉยเหมือนกับว่าผมไม่ได้มีตัวตนอยู่ ณ ตรงนี้ทำให้ผมยิ่งรู้สึกแย่ ผมเดินตามเขาเข้าไปอีกห้อง รวบรวมความตั้งใจที่สั่งสมมาทั้งวันและพูดออกไปว่า


“นายก็รู้ว่าชั้นมีนายแค่คนเดียว...”


แจจินยังคงล้างจานต่อไป ผมจะไม่มีทางให้อภัยตัวเองถ้าหากสุดท้ายแล้วเราสองคนคุยกันไม่รู้เรื่อง


“เมื่อคืนชั้นเมามาก ชั้นขอโทษ” ผมก้าวเท้าเข้าไปใกล้ แผ่นหลังของคนรักอยู่ห่างเพียงแค่เอื้อมมือ “แต่อะไรก็ตามที่นายเห็นในเว็บนั่น มัน...ไม่ใช่ชั้นคนนี้ที่มีสติครบถ้วน”


เขานิ่งไป จานชามที่ล้างเสร็จแล้วยังคงวางนอนอยู่ในซิงค์ แจจินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาพิมพ์ข้อความอยู่สักพักแล้วก็กดส่ง


ครืด...ครืด…


JJღ♥: ก็ถ้าอยู่บ้านมันน่าเบื่อ นายอยากจะออกไปเที่ยวกับใครชั้นก็ว่าอะไรไม่ได้อยู่แล้ว


“มันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย นั่นชั้นไปทำงานนะ” ผมรู้สึกไม่โอเคเลยที่ถูกเขาประชดใส่แบบนี้ “นี่เราคุยกันคนละประเด็นแล้วรึเปล่า”


ครืด...ครืด…


JJღ♥: ชั้นไม่ได้สนใจเรื่องดาราคนนั้น ไม่สนใจว่านั่นจะเป็นงานหรือแค่กิจกรรมสนุก ๆ แต่สิ่งที่นายทำมันทำให้ชั้นต้องกลับมาถามตัวเอง


ครืด...ครืด...


JJღ♥: ไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว คืนนี้ชั้นไม่อยากคุยกับนายแล้ว


เลวร้ายยิ่งกว่าการเคลียร์กันไม่ได้ก็คือมีใครคนใดคนหนึ่งตัดจบแบบดื้อ ๆ ผมมองตามแจจินที่กำลังวิ่งขึ้นห้องนอนไป เขาไม่ร้องไห้ให้ผมเห็น ซึ่งนั่น...เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด


แต่สิ่งที่นายทำมันทำให้ชั้นต้องกลับมาถามตัวเอง’ ผมอ่านข้อความประโยคนั้นซ้ำไปมา ความกังวลก่อตัวขึ้นอีกครั้งและมากกว่าครั้งไหน ๆ






ในเมื่อต้องพยายามทุกวิถีทาง ผมควรทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้แจจินคิดไกลเกินไปกว่านี้


ทำอะไรสักอย่าง...ให้เขา






ครืด...ครืด…


เวลาประมาณบ่ายโมงของวันเสาร์ ผมที่เพิ่งตื่นรีบคว้าโทรศัพท์มือถือจากข้างหัวเตียงมาเช็คข้อความเข้าตามนิสัย



[ ไม่มีข้อความใหม่จาก JJღ♥ ]



นี่มันผ่านมาสามวันแล้วนะแจจิน เราจะเงียบใส่กันแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่


SHღ♥: วันนี้แจจินของชั้นหยิบอะไรมาอ่านน่ะ


ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเห็นแจจินขึ้นมานอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงในวันหยุด อากาศยามบ่ายที่ผมรู้สึกว่ามันอุ่นกว่าวันอื่น ๆ ทำให้เขาเลือกที่จะใส่แค่กางเกงตัวเดียวอยู่บ้าน หน้ากระดาษของนิยายปกสีฟ้าชื่อเรื่องไม่คุ้นตาเท่าไหร่นักถูกเปิดไปเรื่อย ๆ ก่อนที่เขาจะหยิบมือถือขึ้นมาอ่านข้อความของผม

แล้วก็วางมันกลับลงไปที่เดิม


“ปรัชญาอีกแล้วเหรอ นายดูจะชอบแนวนี้มากนะ” ผมพยายามพูดคุยกับเขาถึงแม้ว่ามันอาจเป็นอะไรที่ไม่เข้าท่าเอาซะเลย


ผมกระเถิบตัวเข้าไปใกล้แจจิน กลิ่นสบู่ขวดใหม่ที่เราเพิ่งเปลี่ยนมาใช้ด้วยกันนั้นติดทนกว่าที่คิด ผมอยากสูดดมมันให้ใกล้กว่านี้แต่รู้ตัวอีกทีแก้มของผมก็แนบอยู่กับไหล่เขาเสียแล้ว


แจจินไม่ต่อว่าและไม่สนใจ


“ตัวเอกชื่ออีธานเหรอ” ผมทำตัวสอดรู้สอดเห็น “เขาเป็นคนยังไงน่ะ หยิ่งเหมือนแจจินของชั้นมั้ย”


รอบนี้ผมเงยหน้าขึ้นมองปฏิกิริยาของแจจิน คิ้วที่กระตุกเล็กน้อยของเขาทำให้ผมรู้ว่าประโยคแหย่เมื่อครู่ของตัวเองไม่ได้ถูกละเลย


เป็นไปตามแผน


“แล้วเขา ลึกลับ...” นอกจากสอดรู้สอดเห็นแล้ว มือของผมยังค่อย ๆ สอดเข้าไปข้างในขอบยางยืดกางเกงสีเบจตัวนั้น “...น่าค้นหาเหมือนแจจินของชั้นมั้ย”


ไม่เป็นไปตามแผน แจจินพลิกตัวหนีผมไปอย่างดื้อ ๆ ผมนอนมองแผ่นหลังของเขาอย่างเจ็บใจและผิดหวัง หนังสือนั่นมันน่าสนใจกว่าผมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


ยังไงซะ ผมจะยอมแพ้ไม่ได้ ท่าทางแบบนี้อาจเอื้อเฟื้อให้ผมทำอะไรสะดวกขึ้น ขอเพียงแค่ต้องวางแผนให้ดี


“นายเห็นอีธานสำคัญกว่าซง ซึงฮยอน อย่างงั้นเหรอ” ผมยังคงวอแวอยู่แถว ๆ กลางลำตัวของเขา ส่วนแจจินนั้นก็ไม่ได้ปฎิเสธ เขางอนผม เขาแค่ต้องการให้ผมง้อ “ขนาดซง ซึงฮยอน ยังไม่เห็นว่าจะมีใครสำคัญไปกว่าอี แจจิน เลย”


มันได้ผล ถึงเวลาที่อีธานจะต้องยกธงขาวและบอกลาแฟนของผมไปสักพัก ร่างกายเขาเริ่มตอบสนองต่อสัมผัสต่าง ๆ ที่ผมมอบให้ ผมจูบ จูบ และจูบผิวกายกลิ่นดอกไม้ป่าแสนเลี่ยนนั้นอย่างยากที่จะหยุด แจจินยังไม่หันกลับมาแต่สองขาที่อ้าออกช้า ๆ นั่นก็หมายถึงประตูแห่งโอกาสได้เปิดต้อนรับผมแล้ว


เราไม่ควรจะรีบร้อนใช่ไหม


เสียงอึกอักในลำคอชวนให้ผมคลั่งผู้ชายตรงหน้ามากขึ้นไปอีก ปากที่ประกบอยู่ไม่สามารถละออกจากกันได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แจจินยอมให้ผมทำทุกอย่าง เราคอยเตือนกันอยู่เรื่อย ๆ ว่าอย่าเร่ง


“ชั้นไม่เคยเบื่อนายเลยนะแจจิน
มีแต่จะหลงนายมากขึ้น...”


แขนข้างหนึ่งที่โอบบ่าผมรั้งดึงมันไว้เพื่อยกตัวเองขึ้นมา เขาทำให้ผมเกิดความรู้สึกอย่างที่เพิ่งจะพูดไป

หลง…


เหมือนได้เยาะเย้ยศัตรูหัวใจของตนเองอีกครั้ง หนังสือนิยายเล่มเดิมถูกเปิดออกทว่าไม่ได้มีใครอ่านมัน อุปกรณ์ปิดตาแบบลวก ๆ ช่วยปลุกอารมณ์ให้คนรักของผมระหว่างที่กำลังรับเอาความเสียวซ่านจากร่างกายเบื้องล่าง ผมปรนเปรอเขาภายใต้ผ้าห่มผืนบางที่คลุมเราไว้อยู่

เนื้อตัวของแจจินร้อนรุ่มยิ่งกว่าอากาศด้านนอก ความต้องการเพิ่มพุ่งจนการกระทำแค่นี้อาจไม่เพียงพอ ผมออกมาจากสถานที่แสนอบอ้าวเพื่อพาแจจินไปหาอะไรที่ดีกว่า อีธานหมดประโยชน์โดยสมบูรณ์เมื่อการมองหน้ากันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำ ข้อเท้าเล็กเกี่ยวกันแน่นบนเอวของผม เสียงหายใจถี่รัวไม่เป็นจังหวะคือสิ่งเร้าชั้นดีสำหรับพวกเราทั้งคู่

เล็บมือกดเกร็งกับบ่าพร้อมด้วยริมฝีปากชื้นที่ยื่นมาดูดดุนกันและกัน ผมกับแจจินปลดปล่อยในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา เขาน้ำตาซึมแต่เดาว่าไม่น่าจะเป็นเพราะเรื่องเข้าใจผิดเมื่อหลายวันก่อน เหงื่อที่ผุดตามผิวถูกลูบไล้ให้ระเหยแล้วก็ปิดท้ายด้วยการนอนกอดกัน เหมือนทุกที


“เย็นนี้ทำอะไรอร่อย ๆ ให้กินหน่อยสิ” ผมยิ้มหลังจากเห็นแจจินยิ้ม


แหม จะไม่ให้ดีใจได้ยังไง นี่เป็นรอยยิ้มแรกในรอบสามวันของเขาเลยนะ


“คิดเมนูไม่ออกเหรอครับเชฟ” เห็นสีหน้าคิดไม่ตกแบบนั้นแล้วระทวยจริง ๆ


งอนกันมาสามวันผมก็ได้กินแต่ของจืด ๆ ทั้งสามวัน มันน่าเศร้ามากนะครับถ้าได้ลองมาเป็นคนบ้านนี้ ผมนอนเขี่ยไรหนวดแจจินเล่นพลางนึกหาอาหารที่อยากกิน จากนั้นก็อ๋อขึ้นมาได้อย่างนึง


“งั้นเอาอันนี้ละกันนะ
พริกหวานยัดไส้”






━   TBC   ━



No comments:

Post a Comment