- - -
SF เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกันกับ Meeting ในเด็กดีนะคะ เราอยากรีไรท์เพราะรู้สึกไม่ค่อยโอเคกับภาษาและการเขียนของตัวเองในตอนนั้น(Meeting เป็นฟิคเรื่องแรกที่เราแต่ง)แต่ก็ไม่อยากลบของเก่า เลยเอามาลงบล็อกแทน 😊
- - -
Genre: A/U, Drama
Pairing: Seunghyun x Jaejin
Rating: PG
울지 말고 씩씩하게 살길 바래요...
เสียงนาฬิกาปลุกดิจิตอลดังขึ้นกลางความเงียบในห้องนอนมืดสลัว เครื่องปรับอากาศหยุดทำงานอัตโนมัติไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วตามความต้องการของเจ้าของห้องที่ไม่อยากตื่นมาพบกับความหนาวเย็นชวนให้หลับต่อ
และในตอนนี้ มือข้างหนึ่งกำลังเอื้อมไปกดปิดเสียงเจ้านาฬิกานั่น
แจจินตื่นแล้ว
ดวงตะวันโผล่ขึ้นมาอยู่ระดับเดียวกับสายตาที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง
ไม่รอช้า อี แจจิน รีบออกไปทำงานที่เขารัก
เหมือนทุกวัน...
ชื่อของเขาไปปรากฏอยู่ในอัลบั้มของศิลปินทั้งเดี่ยวและกลุ่มหลายต่อหลายราย นักแต่งเพลงหนุ่มหน้าตาดีวัยยี่สิบหกปีคนนี้ได้รับการขนามนามให้เป็นหนึ่งในคนเบื้องหลังที่มีค่าตัวแพงเว่อร์ แจจินมักจะพูดอยู่เสมอว่าถ้าเรามองโลกในแง่ดีเราก็จะผลิตสิ่งดีๆให้กับโลกได้ ซึ่่งเพลงที่เขาแต่งก็สามารถสร้างความสุขให้กับใครหลายคนได้จริงๆ
นับวันก็ยิ่งภูมิใจในตัวผู้ชายคนนี้
นอกจากแต่งเพลงแล้ว อี แจจิน ศิลปินอัจฉริยะยังมีงานเขียนของตัวเองอีกด้วย ตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงรวบรวมข้อมูลเพื่อเขียนหนังสือ Morning Coffee ที่เจ้าตัวอุบเงียบไม่บอกใครว่ากำลังทำมันอยู่ แถมฟังดูแล้วก็คงไม่น่าจะเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับกาแฟธรรมดาๆอย่างแน่นอน
คิดว่าพอเดาออกนะ
เช้าออกไปทำงาน พอตกเย็นอาจไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะก่อนกลับมานั่งทำอะไรที่บ้านต่อ กิจวัตรในทุกๆวันของเขาก็ประมาณนี้แหละ แจจินพยายามหาความสุขจากสิ่งรอบตัวตลอดเวลา ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะยิ้มน้อยลงไปบ้าง แต่การได้ออกไปแฮงเอาท์กับเพื่อนร่วมงานทุกคืนวันศุกร์ก็ทำให้เราได้ฟังเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของผู้ชายตัวเล็กคนนี้อยู่บ่อยๆ
ไม่ต้องสงสัยเลย มันเป็นเพราะเขาเมาเละยังไงล่ะ
แต่ทำไม...ทุกครั้งหลังปาร์ตี้จบ...เจ้านี่ต้องกลับมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวตลอดเลย
บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เข้มแข็ง
보낼 수없는 편지를써...
보낼 수없는 편지를써...
December 24th
"หาอันไหนอยู่จ๊ะ บอกได้เดี๋ยวป้าหาให้"
"อ๋อฮะ นี่ครับ เอาเท่านี้แหละครับ"
"อ้า พ่อหนุ่มคนนี้นี่เอง"
แล้วดอกสแตติสสีม่วงช่อเล็กๆสองช่อก็มาอยู่ในมือลูกค้าหน้าคุ้นคนนี้ เขารีบเก็บดอกไม้ไว้ในโค้ทก่อนยื่นมือไปรับเงินทอนจากแม่ค้าที่ดูเหมือนว่าจะจำกันได้...ซะด้วย
"รักกันนานๆนะลูก"
แจจินยิ้มเล็กน้อยพร้อมพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ จากนั้นก็รีบก้าวออกไปจากร้าน
ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น...
"ขออเมริกาโน่ร้อนครับ"
ในช่วงเที่ยงของคริสต์มาสอีฟที่หิมะตกค่อนข้างหนัก อี แจจินนั่งจ้องกาแฟถ้วยใหญ่ตรงหน้า เขาไม่ได้โปรดปรานเครื่องดื่มประเภทนี้เพราะรสชาติอันแสนขมของมัน แล้วยิ่งเป็นเมนูอเมริกาโน่ที่มีส่วนผสมแค่ กาแฟ กับ น้ำร้อน ก็ทำให้ยิ่งนึกภาพตอนตัวเองดื่มของเหลวเกือบดำแก้วนี้ไม่ออก
ไม่มีใครรู้เหตุผลว่าทำไมชายที่ไม่ชอบดื่มกาแฟถึงเข้ามาสั่งกาแฟร้อนในร้านนี้
"รักกันนานๆนะลูก"
แจจินยิ้มเล็กน้อยพร้อมพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ จากนั้นก็รีบก้าวออกไปจากร้าน
ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น...
"ขออเมริกาโน่ร้อนครับ"
ในช่วงเที่ยงของคริสต์มาสอีฟที่หิมะตกค่อนข้างหนัก อี แจจินนั่งจ้องกาแฟถ้วยใหญ่ตรงหน้า เขาไม่ได้โปรดปรานเครื่องดื่มประเภทนี้เพราะรสชาติอันแสนขมของมัน แล้วยิ่งเป็นเมนูอเมริกาโน่ที่มีส่วนผสมแค่ กาแฟ กับ น้ำร้อน ก็ทำให้ยิ่งนึกภาพตอนตัวเองดื่มของเหลวเกือบดำแก้วนี้ไม่ออก
ไม่มีใครรู้เหตุผลว่าทำไมชายที่ไม่ชอบดื่มกาแฟถึงเข้ามาสั่งกาแฟร้อนในร้านนี้
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ระหว่างนั้นแจจินขอแค่น้ำเปล่าจากพนักงานเพิ่ม แน่นอนว่าเขายังไม่ได้แตะกาแฟแก้วนั้นแม้แต่หยดเดียว นักแต่งเพลงค่าตัวแพงกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างอยู่ด้วยท่าทางจริงจัง ทุกๆสิบนาที เขาจะเงยหน้าขึ้นจากกระดาษ มองไปที่แก้ว มองไปข้างหน้า แล้วก็ก้มกลับลงไปเขียนต่อ ทำวนไปอยู่อย่างนั้น
อ่า ใช่สิ เขากำลังเขียน Morning Coffee อยู่นั่นเอง
ทุกอย่างเป็นไปตามความตั้งใจ แจจินเดินออกจากร้านกาแฟแล้วขึ้นรถประจำทางไปยังถนนเส้นหนึ่ง ตรงหัวมุมถนนมีร้านเช่าหนังขนาดไม่ใหญ่มากที่ยังไม่เจ๊งไปตามยุคสมัยตั้งอยู่
สองเท้าก้าวอย่างไม่รีบร้อนมาถึงชั้นวางสินค้าใกล้แคชเชียร์ที่ด้านบนมีป้ายติดว่า New Arrival ยืนมองอยู่ได้สักพักเจ้าของร้านรูปร่างสูงหน้าตาพอใช้ก็เดินเข้ามาหาเขาอย่างมีเป้าหมาย
"เรื่องนี้คะแนนวิจารณ์ไม่เลวเลยนะ" ชายในยูนิฟอร์มสีส้มพูดพลางหยิบดีวีดีแผ่นนั้นขึ้นมาชูให้คนตรงหน้า
SPIDER-MAN: HOMECOMING
"ไม่ต้องกลัวว่าจะเนื้อเรื่องจะซ้ำซาก ผมรับรองได้ว่าภาคนี้มันส์คนละแบบ ฮะฮ่า"
ชายร่างเล็กหัวเราะในความขายเก่งของพนักงาน จริงๆแล้วเขาก็สนใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
สุดท้ายก็ตัดสินใจเช่าแค่เรื่องเดียว แจจินใช้เวลาค้นหาบัตรสมาชิกร้านในกระเป๋าตังค์อยู่นานเกือบนาทีเพราะยังไม่ค่อยชินกับตำแหน่งที่เขาเก็บมัน
"อ่า เจอแล้ว โทษทีครับ แหะ" คนขี้ลืมยื่นบัตรให้
"ครับผม สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ อย่าลืมมาอุดหนุนร้านเราอีกนะครับ"
ในที่สุดก็มีหนังไว้ดูในคืนคริสต์มาสอีฟของปีนี้แล้ว... เอาล่ะ ต่อไปต้องทำอะไรต่อ
ซื้อดอกไม้
เสียงประตูเปิดออกช้าๆแต่ด้วยความลืมตัวของเจ้าของบ้านทำให้เผลอปิดมันกลับแรงไปหน่อย สุนัขตัวน้อยที่กำลังวิ่งมาหาถึงกับสะดุ้งโหยง แจจินขอโทษเจ้าหมาพร้อมกับเดินไปลูบหัว
หลังจากถอดเสื้อโค้ทเรียบร้อย ใบหน้าอันเรียบนิ่งของชายหนุ่มหันไปหาช่อดอกสแตติสสีม่วงในกระเป๋าเสื้อที่ยังเหลืออยู่อีกหนึ่งช่อ เขาหยิบมันออกมาแล้วเดินไปที่ห้องรับแขก แจกันว่างเปล่าขนาดเล็กใบหนึ่งวางตั้งอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟาตัวยาว เมื่อหกชั่วโมงที่แล้วยังมีดอกสแตติสสภาพแห้งกรอบอยู่ในนั้น แต่ตอนนี้สแตติสช่อใหม่กำลังจะมาปักแทนที่ ร่างเล็กในเสื้อไหมพรมสีแดงเข้มค่อยๆหย่อนก้นลงบนโซฟา และเสียบดอกไม้ลงในแจกัน
จากนั้นก็นั่งเหม่อลอย...
ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย มีแต่เขาคนเดียวที่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่
MARVEL STUDIOS
"ไม่คิดว่าจะสนุกขนาดนี้ น่าเสียดายเนอะที่ไม่ได้ไปดูในโรง" แจจินพูดขึ้นหลังจากจอทีวีดับมืดไปแล้ว
แต่รู้อะไรไหม
เขาไม่เคยชอบการดูหนังในโรงภาพยนตร์
อี แจจิน ไม่ได้เป็นคนชอบดูหนัง
และสำหรับเรื่องนี้
ตลอดสองชั่วโมงที่ผ่านมา...
เขาไม่ได้เปิดให้ตัวเองดู
"ไม่เหมือนภาคก่อนอย่างที่เจ้าของร้านบอกจริงด้วย
ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้เห็น โทนี่ สตาร์ค ในนี้อะ
แต่เอาจริงๆ...ชั้นก็ยังชอบภาคที่แล้วมากกว่านะ"เสียงวิจารณ์หนังของนักแต่งเพลงหยุดชะงักไป
ในตอนนี้ เสียงสะอื้นกลับดังขึ้นมาแทนที่
"เพราะภาคที่แล้ว...เรานั่งดูอยู่ด้วยกันไง ซึงฮยอน"
จบประโยคนั้น มือทั้งสองข้างของแจจินถูกยกขึ้นมาปิดใบหน้าของตัวเองไว้ เสียงสะอื้นทวีความดังขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่เป็นจังหวะ
แล้วใครบอกว่าเรื่องนี้เราไม่ได้นั่งดูด้วยกันล่ะ อี แจจิน
July 23rd
"นายกล้าทิ้งชั้นไปก่อนวันครบรอบแค่วันเดียวได้ยังไง"
มะเร็งคร่าชีวิตผู้ชายที่ชื่อ ซง ซึงฮยอน
แต่เขาเองก็เกือบจะฆ่าคนรัก อี แจจิน ให้แทบตายทั้งเป็นเช่นกัน
เพราะหลังจากที่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญกับอะไรอยู่ เขาก็เก็บความลับนี้ไว้
ไม่ยอมบอกใคร...
แม้แต่คนรักที่คบหากันมาเกือบเก้าปี
ผมรู้ว่าเขาเสียใจมาก แต่
แจจินของผมไม่ใช่คนอ่อนแอ
สักวันหนึ่งเขาจะต้องกลับมาเป็น อี แจจิน ผู้มองโลกในแง่ดีคนเดิม
นั่นป็นสิ่งที่ผมต้องการเห็นมากที่สุด
August 24th
"รู้อะไรมั้ย ซึงฮยอน นี่ก็เดือนนึงแล้ว แต่ชั้นยังทำใจไม่ได้เลยว่ะ" หลังจากวางช่อสแตติสลงบนพื้นเสร็จ แจจินยืนพูดอยู่หน้าหลุมศพของคนที่เมื่อเดือนที่แล้วยังไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่
จากนั้นก็หัวเราะออกมาทั้งๆที่ตาสองข้างยังแดงก่ำ
"ชั้นร้องไห้จนแทบไม่มีน้ำตาให้ไหลออกมาอีกแล้ว ทำไม...ทำไมถึงจากไปเร็วขนาดนี้ นาย ไม่ให้แม้แต่เวลาที่จะให้ชั้นทำใจ... นายมัน... โธ่เอ๊ย! ฮึ่ก--"
ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้ บางอย่างที่ชายคนนี้เก็บกลั้นต่อไปไม่ไหวกำลังล้นทะลักออกมาอีกครั้ง ทุกคืนหลังจากวันนั้นเขาต้องฝืนหลับไปพร้อมกับน้ำตาเพื่อตื่นมาเป็นแจจินคนปกติในเวลาทำงาน แล้วก็กลับไปอยู่กับความทุกข์นั้นอีกรอบ ประหนึ่งเป็นวงจรอุบาทว์
ถ้านายได้ยินเสียงชั้น นี่ก็คงเป็นคำขอโทษครั้งที่หนึ่งแสน
สำหรับแจจิน ซึงฮยอนที่มีเนื้อหนังจับต้องได้ไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่นั่นก็ยังไม่เลวร้ายเท่าความจริงที่ว่าวิญญาณของซึงฮยอนยังคงวนเวียนไม่เคยจากเขาไปไหนแม้แต่วินาทีเดียว ซึ่ง อีกคนจะไม่มีวันรับรู้ถึงสิ่งนี้
ถ้านายได้ยินเสียงชั้น ชั้นก็อยากให้นายรู้ว่า
ตอนนี้ ชั้นกำลังจูบนายอยู่
September 24th
ณ สุสานแห่งเดิม ดอกไม้สีม่วงถูกนำมาวางไว้อย่างบรรจงที่ด้านหน้าแท่นหลุมศพของคนรัก
"นายอยากดูหนังมั้ย" ผู้มาเยี่ยมเอ่ยขึ้นเสียงดังฟังชัด
อยากสิ!
"จากนี้ไปชั้นว่าจะดูหนังเผื่อนายเดือนละเรื่อง นี่...วันนี้ก็เช่ามาสองเรื่อง" คนตัวเล็กล้วงกล่องดีวีดีในถุงพลาสติกออกมาโชว์ "ชดเชยให้เดือนที่แล้วด้วย ต้องขอบคุณบัตรสมาชิกตลอดชีพของนายนะ คืนนี้จะดูให้ตาแฉะเลย"
ชั้นคิดถึงเวลาที่นายยอมให้นอนกอดตอนดูหนังจังเลยแจจิน
พอหนังจบ นายก็หลับปุ๋ยคาอกชั้นไปแล้ว
เอ๊ะ ทำไมเงียบไปล่ะ
"นายรู้มั้ยว่าชั้นเหงาขนาดไหน"
...
"มาหาชั้นในฝันได้มั้ยซึงฮยอน"
October 24th
ผมรู้สึกว่าแจจินที่น่ารักของผมเริ่มมีความสุขขึ้นบ้างแล้ว เมื่อช่วงสายเขาแวะไปคอฟฟี่ช็อปร้านโปรดของผมด้วย แต่เจ้าเบื๊อกนี่สั่งคาราเมลปั่นเฉย บอกเป็นหมื่นรอบแล้วว่ามันไร้ประโยชน์ก็ไม่ฟัง อีกอย่าง มาถึงที่นี่มันก็ต้องกินกาแฟอะ
"วันนี้ชั้นไปร้านประจำของนายมาแหละ" ทันทีที่วางดอกไม้เสร็จ คนตัวเล็กก็เริ่มจ้อ "ถ้านายรู้ว่าชั้นสั่งอะไรกิน นายต้องบ่นแน่เลย ฮิฮิ"
แหงล่ะ แล้วดูพูดจากวนโอ๊ยแบบนี้ มันน่าจับมาตีตูดนัก
"ตั้งแต่ที่มาหาครั้งก่อน กลับบ้านไปชั้นฝันถึงนายแทบทุกคืนเลยนะ บางวันฝันดี บางวันฝันร้าย แต่บางวันก็ฝัน..." คนพูดหัวเราะ ก้มหน้าเขิน แล้วก็หยุดประโยคไว้แค่นั้น
อะไรเหรอครับ พูดสิ ฮะฮ่าๆ
"ไปดีกว่า แหะ"
ผมไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมวันนี้แจจินดูอารมณ์ดีซะเหลือเกิน
เพราะว่าไอ้ความฝันที่พูดค้างไว้เนี่ย
มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนใช่มั้ยล่ะ ฮิฮิ
November 24th
- - -
- - -
"ชั้นจะเขียนหนังสือเล่มใหม่ ชื่อว่ามอร์นิ่งคอฟฟี่
อืม...ตอนนี้ก็พอมีประเด็นคร่าวๆในหัวแล้วล่ะ
ยังไงก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ"
คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกที่ชื่อหนังสือของแจจินดันไปตรงกับผลงานเพลงชิ้นหนึ่งที่เราสองคนทำด้วยกัน
Morning Coffee
ถึงแม้ว่าพวกเราจะพอใจในงานชิ้นนี้กันมาก แต่ผมก็ไม่ต้องการให้มีวันใดวันหนึ่งที่ความรักของเราทั้งคู่ต้องเป็นเหมือนเพลงนี้
ซึ่ง...มันก็เป็นไปแล้ว
"ซึงฮยอน" หลังจากเงียบไปนานเกือบนาที แจจินเรียกหาซึงฮยอนเหมือนกับว่าเขาคนนั้นกำลังฟังอยู่
ครับ
"เราไม่ได้อยู่ด้วยกันมาสี่เดือนเต็มแล้วนะ
ชั้นยังรักนายเท่าเดิมเลย"
...
"นายอยู่ที่ไหนเหรอตอนนี้ แล้ว...ยังรักชั้นอยู่มั้ย"
แจจิน... อย่าคิดอะไรแบบนั้น
"ชั้นยังคงคิดถึงแต่นาย" เสียงของคนที่ยังมีลมหายใจอยู่ค่อยๆแผ่วลง
ในขณะที่อีกฝ่ายในสถานภาพไม่ถูกนับเป็นสสารค่อยๆเข้ามาสวมกอดร่างนั้นไว้
อี แจจินไม่ได้รู้สึกถึงอ้อมกอดนั้นแม้แต่นิด...
"ชั้นอยากให้นายมาอยู่ที่นี่... นายควรมารับรู้ ซึงฮยอน ว่า... ฮึ่ก ว่าชั้นทรมานมาก--"
แจจินปล่อยให้น้ำตาทำหน้าที่ระบายความรู้สึกแทนคำพูดที่เหลือ จากที่ยืนอยู่กลับทรุดฮวบลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น แรงสะอื้นทำให้บ่าของเขาแทบจะรับน้ำหนักศีรษะตัวเองไม่ไหว
ซึงฮยอนทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ร่างที่กอดอยู่ร่วงทะลุผ่านตัวลงไป...
แม้ว่าจะพยายามประคองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมา
แม้ว่าสองมือที่มองไม่เห็นจะตั้งใจปาดหยดน้ำใสๆเหล่านั้นขนาดไหน
ไม่ได้ผล
ชายหนุ่มนั่งร้องไห้เหมือนคนขาดสติอยู่ที่หลุมศพของ ซง ซึงฮยอน ตลอดทั้งเย็นวันนั้น
แจจิน อย่าร้องไห้
นายต้องเข้มแข็งสิ
นายต้องมีความสุข
ชีวิตของนายยังต้องดำเนินต่อไปอีกยาวไกล
ได้โปรด...
ชั้นรักนาย อี แจจิน
รักเสมอ
แต่ต่อจากนี้ นายต้องเลิกรักชั้น
และจงไปพบคนที่ดีกว่า
อย่ามาจมทุกข์อยู่กับคนที่ตายไปแล้วอยู่แบบนี้เลย
좋은 사람 만나요 행복하길 바래요...
เช้าวันคริสต์มาสที่หิมะยังคงตกหนัก แจจินลืมตาตื่นหลังสิ้นเสียงพูด ประโยคนั้น ในความฝัน
ร่างเล็กในชุดซาตินสีกรมท่าเดินออกจากห้องนอนลงมายังชั้นล่างก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆบ้านอันเงียบสงบ
'คริสต์มาสปีนี้จะเป็นปีที่แย่ที่สุดในชีวิตของชั้นเลยล่ะ
แต่ชั้นก็ยังอยากได้ของขวัญอยู่นะ
นายรู้มั้ยชั้นขออะไรจากซานต้า
ชั้นขอให้ผู้ชายที่ชื่อ ซง ซึงฮยอน กลับมาหาชั้นอีกครั้ง'
"เหอะ บ้าสิ้นดี" เจ้าของคำพูดทั้งหมดนั่นจากเมื่อวานหัวเราะออกมาอย่างสมเพชตัวเอง "คงอัล มาหม่ำข้าวมาเร็ว" แจจินเดินไปที่ห้องครัวพร้อมตะโกนเรียกสุนัขตัวจ้อยให้มากินอาหาร
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่แทบจะตรอมใจกับการสูญเสียครั้งนั้น เพราะกว่าเจ้าคงอัลเพื่อนซี้ของซึงฮยอนจะหายจากอาการหงอยซึมได้ก็ต้องรอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปนานเกือบสัปดาห์
"แกยังเข้มแข็งกว่าชั้นซะอีก" ชายหนุ่มพูดกับหมาน้อยที่กำลังเคี้ยวอาหารเม็ดเสียงดังกรุบๆ
"จากนี้ไปชั้นคงต้องเอาแกเป็นแบบอย่างบ้างแล้วละ คงอัลลี่"
6 เดือนผ่านไป...
อาคาร FNC ENTERTAINMENT
"ทางเรารู้สึกยินดีมากที่จะได้ร่วมงานกับคุณนะครับ คุณแจจิน" ชายวัยกลางคนหน้าตาเป็นมิตรกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น
"เช่นกันครับ ถึงผมจะเคยร่วมงานกับ FNC มาหลายครั้ง แต่กับวงนี้นี่เป็นครั้งแรกของผมเลย แถมยังเป็นมิวสิคแบนด์ซะด้วย"
บทสนทนาของโปรดิวเซอร์กับนักแต่งเพลงหนุ่มเต็มไปด้วยความสนุกสนานระหว่างทางที่เขาพาแจจินไปทำความรู้จักกับสมาชิกวงที่จะได้ร่วมทำงานด้วยกันตลอดสี่เดือนนี้ ในฐานะที่ปรึกษาด้านการแต่งเพลง
บางอย่างที่นี่ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
กว่าการประชุมจะจบลงได้ก็กินเวลาไปเกือบเจ็ดชั่วโมง แขกของบริษัทไม่ปฏิเสธว่าตัวเองรู้สึกอ่อนเพลียกับการทำงานที่ยาวนาน เป็นไปได้เขาอยากหามุมพักผ่อนสักแปบนึงแล้วค่อยกลับบ้าน
และระหว่างที่กำลังเดินสำรวจจุดเหมาะๆสำหรับการงีบ เสียงกีต้าร์ไฟฟ้าตัวหนึ่งก็ดังขึ้น
แจจินได้ยินมันเต็มสองหู
ท่อนโซโล่ของเพลง Morning Coffee!
"มาจากห้องนั้น..." เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินอยู่เป็นเรื่องจริง แต่ทันทีที่ก้าวมาถึงหน้าห้องซ้อมซึ่งเป็นที่มาของเสียง ทุกอย่างก็กลับมาเงียบสงบเหมือนแต่เดิม
"ไม่ ชั้นได้ยิน มัน จริงๆนะ" ร่างเล็กกวาดตามองไปทั่วห้องอยู่หลายรอบ ทว่าไม่มีใครอยู่ในนี้ด้วยซ้ำ
ยังคงมั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเอง แจจินหันไปยังกีต้าร์ไฟฟ้าตัวหนึ่งทางซ้ายมือสุดของบรรดาเครื่องดนตรีทั้งหมด สองเท้าเร่งขยับเข้าไปใกล้เพื่อที่จะให้ตัวเองเอื้อมหยิบมันได้
แต่จู่ๆร่างกายก็หยุดชะงักในตอนที่กีต้าร์ตัวนั้นอยู่ห่างเขาไปไม่ถึงสองก้าว ชายหนุ่มตัดสินใจเบือนหน้าไปอีกทางและให้ความสนใจกับกีต้าร์เบสลายขาวดำตรงกลางห้องแทน
...อย่างไม่มีเหตุผล
สายตาคู่สวยทอดมองลวดลายขี้เล่นบนเครื่องดนตรีชิ้นนั้น มือข้างหนึ่งค่อยๆลูบไปมาบนสายทั้งสี่เส้นจนมีเสียงดึ่มๆดังขึ้นมาสองสามที
"อะแฮ่ม! อยากเล่นเหรอครับ"
แจจินหันขวับด้วยความตกใจ ชายร่างผอมตัวสูง(ชะลูด)ที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของเบสตัวนี้กำลังส่งรอยยิ้มมาให้...รอยยิ้มแปลกๆ
"ว่าไง อยากได้ครูสอนเบสสักคนมั้ย คอร์สแรกไม่คิดตังค์นะ อี แจจิน"
คนที่ได้ยินถึงกับหน้าเปลี่ยนสี แบบนี้มันเต๊าะกันชัดๆ
แต่ทำไมเขาต้องรู้สึกเขินกับคำพูดของไอ้โย่งนี่ด้วยนะ
"พูดอะไรหน่อยสิคร้าบ ยืนนิ่งจนจะกลายเป็นเครื่องดนตรีไปอีกเครื่องแล้วน้า"
"บ้าเหรอ" นี่ไม่ใช่คำด่า แต่คนตัวเล็กกว่าแค่ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำๆไหนมาตอบมนุษย์ยีราฟคนนี้แล้ว แถมพอพูดจบ แจจินก็ไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มของตัวเองไว้ได้อีก
"ฮึ... เปล่าครับ ผมไม่ได้ชื่อบ้า
ผมชื่อ อี จองชิน"
"ท่อนนี้เป็นพาร์ทที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเพลงแล้วล่ะ ซึงฮยอน"
นาทีที่ 3:15 ถึงนาทีที่ 3:45 ของ Morning Coffee เพิ่งถูกบรรเลงจบไปโดยซง ซึงฮยอน ในห้องซ้อมดนตรีห้องหนึ่งของบริษัท FNC คู่รักนักแต่งเพลงกำลังปรึกษากันว่าท่อนโซโล่กีต้าร์อันไหนควรได้ไปอยู่ในอัลบั้มเวอร์ชั่นของเพลงนี้
"แจจิน มีอะไรจะบอก"
"หืม"
"โซโล่เมื่อกี๊ที่นายเพิ่งฟังไป ชั้นเรียบเรียงโน้ตขึ้นใหม่
ชั้น...แต่งให้นายโดยเฉพาะเลยนะ"
ทั้งคู่มองหน้ากันและกัน
ซึงฮยอนรักดนตรีเท่ากับที่เขารักแจจิน และแจจินเองก็รักการแต่งเพลงเท่ากับที่เขารักซึงฮยอน ทั้งสองไม่จำเป็นต้องพูดคำว่ารักให้กันบ่อยๆเหมือนคู่รักคู่อื่น เพราะต่างคนต่างถ่ายทอดความรู้สึกที่มีผ่านทางผลงานเพลงของพวกเขาไปหมดแล้ว
เจ้าของเนื้อเพลงรีบเข้าไปหาคนรัก ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ถามอะไร แจจินจับตัวซึงฮยอนให้หันหน้ามาพร้อมกับที่ตนโน้มตัวลงมอบจุมพิตแสนนุ่มนวลให้ ร่างสูงเองก็ไม่ยอมปล่อยให้แฟนต้องเมื่อย โดยยังไม่ถอนจูบ ลำแขนแกร่งโอบเอวคนที่ยืนอยู่แล้วดึงร่างอ้อนแอ้นลงมานั่งบนตัก
ไม่ต้องรีบร้อน...
ไม่ต้องวู่วาม...
แค่อยู่ใกล้กันแบบนี้ให้นานที่สุด
ใครคนหนึ่งแสดงอาการขาดอากาศหายใจ ซึงฮยอนละริมฝีปากของตัวเองออกอย่างเสียดาย แต่แจจินไม่ยอม หลังจากใช้เวลารับอากาศเข้าไปใหม่เพียงเสี้ยววินาที ปากอิ่มกดจูบคนตรงหน้าอีกครั้ง
หนักหน่วงขึ้นกว่าเดิม...
เพื่อไม่ให้เป็นการทำลายความรู้สึกของอีกคน ชายหนุ่มยกมือทั้งสองขึ้นมาประคองใบหน้าเรียวก่อนจะค่อยๆถอนจูบออก เห็นได้ชัดว่าแจจินกำลังต้องการเขา เพียงแต่ว่ามันไม่ถูกที่ไม่ถูกเวลา
ซึงฮยอนประทับจุมพิตอีกสองครั้งที่ข้างจมูกกับหน้าผากของชายในอ้อมกอด
และนั่นคือทั้งหมดที่ทำได้ในตอนนี้
"มัน จะเป็นความลับที่รู้กันแค่เรา"
"..."
"พาร์ทโซโล่ที่ชั้นแต่งให้นาย มันจะไม่มีในอัลบั้มและหาฟังที่ไหนไม่ได้อีก นอกเสียจาก...ชั้นจะเป็นคนเล่นให้นายฟังเอง"
ชั้นรู้ว่านั่นคือนาย...
ซง ซึงฮยอน
- จบ -
No comments:
Post a Comment