ϟ ✏ ϟ
A/U: High school feat. Mafia
Rating: PG-13
Pairing: Seunghyun x Jaejin
Supporting chars: Ilhun(BTOB), Park Jibin, Woojin(WANNAONE) and others
ϟ ✏ ϟ
Good Boy Bad Boy
เสียงกริ่งบอกเวลาเข้าเรียนคาบแรกปลุกใครบางคนให้ตื่นจากความฝัน ครูประจำชั้นสาวสวยเดินถือกองสมุดการบ้านเข้ามาวางบนโต๊ะหน้าห้อง
"ครูยูบินปล่อยผมแบบนี้โคตรเซ็กซี่เลยว่ะ" เสียงพูดที่ฟังไม่ค่อยถนัดเพราะอมยิ้มที่เจ้าตัวกินอยู่ดังมาจากเพื่อนร่วมชั้นคนสนิท
ซึงฮยอนเช็ดคราบน้ำลายที่ขอบปากก่อนจะหันไปพิสูจน์คำบอกเล่าของอิลฮุนว่าจริงอย่างที่มันพูดไหม
'ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย'
ยอมรับได้สักพักแล้วว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิง ไม่ว่าครูยูบินจะแต่งตัวแต่งหน้าสไตล์ไหนมาก็ดูเหมือนจะมีแต่เพื่อนของเขาเนี่ยแหละที่ใส่ใจ
รอยปากกาแดงเถือกขีดแก้คำตอบวิชาคณิตศาสตร์ชนิดที่ไม่มีบรรทัดไหนถูกเว้นว่าง เด็กหนุ่มปิดสมุดกลับไปอย่างเซ็ง ๆ อันที่จริงนักเลงหัวไม้อย่างซึงฮยอนไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องมาเครียดกับอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
แต่ว่าก็แค่อยากเอาผลการเรียนสวย ๆ ไปให้พ่อกับแม่ดูบ้าง
ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งที่เขาเพิ่งได้มาเมื่อต้นปีจากการโหวตของสมาชิกรวมถึงรุ่นพี่จงฮุนและรุ่นพี่ฮงกีผู้ก่อตั้งทำให้การชีวิตในรั้วโรงเรียนของซึงฮยอนต้องตกเป็นที่จับตามองตลอดเวลา นอกรั้วก็เช่นกัน
เพราะถ้าเขากับเพื่อนเผลอพลาดท่าให้คู่อริเพียงนิดเดียว นั่นหมายถึงชื่อเสียงและศักดิ์ศรีที่สมาชิกรุ่นก่อน ๆ ช่วยกันสั่งสมมาจะถูกทำลายจนไม่เหลือซาก
ไม่แปลกที่พอเป็นคนดังแล้วก็จะมีรุ่นน้องผู้หญิงมารุมกรี๊ด โต๊ะกินข้าวประจำของซึงฮยอนที่โรงอาหารมักจะเต็มไปด้วยจดหมายและดอกกุหลาบ แต่ถึงจะฮ็อตขนาดไหน มีด้านร้ายแล้วก็ต้องมีด้านดี
พัค จีบิน หนุ่มในอุดมคติของใครหลายคนจากห้องข้าง ๆ ที่จริงคนนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับซึงฮยอนหรอกแต่ถ้าจะไม่ให้พูดถึงก็คงไม่ได้ เขาคือผู้ที่เป็นเจ้าของเกรดเฉลี่ย 4.00 มาตั้งแต่ปีหนึ่ง ตัวเต็งประธานนักเรียน พ่วงด้วยธุรกิจค้าขายของตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของจังหวัด
จากที่กล่าวมาทั้งหมดก็ล้วนมีแต่เรื่องดี ๆ แต่ก็นั่นแหละ
จีบีนถึงได้เป็นตัวแทนหนุ่มฮ็อตจากฝ่ายดียังไงล่ะ
"เอาล่ะค่ะนักเรียน วันนี้พวกเราจะมีเพื่อนร่วมห้องเพิ่มมาใหม่อีกหนึ่งคนนะ"
ครูยูบินทำให้เด็กในห้องหูผึ่งกันเป็นแถบ รวมทั้งพวกที่นั่งแถวหลังอย่างซึงฮยอนกับอิลฮุนด้วยเช่นกัน
"เฮ้ย เตรียมคิดแผนรับน้องใหม่กันเลยดีกว่าว่ะ"
"ขอดูหน้าก่อน เผื่อเป็นพวกขาใหญ่"
ที่นั่งข้าง ๆ ซึงฮยอนยังว่างอยู่และแน่นอนว่ามันจะต้องกลายเป็นโต๊ะของเด็กใหม่
"มาแนะนำตัวกับเพื่อน ๆ นะจ๊ะ แจจิน"
เป็นผู้ชายที่หน้าสวยที่สุดตั้งแต่เขาเคยพบเจอมา
เพื่อนใหม่คนนี้มีชื่อว่า อี แจจิน ไม่ได้เป็นพวกขาใหญ่อย่างที่ซึงฮยอนคาดคะเนไว้ แล้วก็ดูไม่ใช่คนอ่อนแอพอที่จะเป็นเป้าหมายให้อิลฮุนกลั่นแกล้งได้ด้วย
"เอาไงดีวะ ไถเงินดีมั้ย" เพื่อนรักหันมาสะกิดสีข้างเขารัว ๆ หลังจากเห็นแจจินกำลังเดินมาที่โต๊ะ
"คนนี้ชั้นขอ" ซึงฮยอนกระซิบ "ไม่ต้องมีรับน้อง"
บารมีของหัวหน้าแก๊งทำให้อิลฮุนเชื่อฟังและไม่ตั้งคำถามอะไรต่อ รอยยิ้มตามมารยาทถูกส่งออกไปให้บุคคลที่สามเพื่อกลบเกลื่อนเจตนาชั่วร้ายเมื่อครู่
หมดคาบเช้า นักเรียนแต่ละคนรีบเก็บของเตรียมตัวไปกินข้าวเที่ยง ระหว่างรออิลฮุนหารองเท้าข้างหนึ่งที่ถูกเตะหายไปตอนเขาหลับ ซึงฮยอนกำลังชั่งใจว่าจะชวนแจจินไปกินข้าวด้วยกันดีไหม
'เราควรสร้างความประทับใจแรกในโรงเรียนใหม่ให้เขาสิ'
"ครูยูบินปล่อยผมแบบนี้โคตรเซ็กซี่เลยว่ะ" เสียงพูดที่ฟังไม่ค่อยถนัดเพราะอมยิ้มที่เจ้าตัวกินอยู่ดังมาจากเพื่อนร่วมชั้นคนสนิท
ซึงฮยอนเช็ดคราบน้ำลายที่ขอบปากก่อนจะหันไปพิสูจน์คำบอกเล่าของอิลฮุนว่าจริงอย่างที่มันพูดไหม
'ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย'
ยอมรับได้สักพักแล้วว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิง ไม่ว่าครูยูบินจะแต่งตัวแต่งหน้าสไตล์ไหนมาก็ดูเหมือนจะมีแต่เพื่อนของเขาเนี่ยแหละที่ใส่ใจ
รอยปากกาแดงเถือกขีดแก้คำตอบวิชาคณิตศาสตร์ชนิดที่ไม่มีบรรทัดไหนถูกเว้นว่าง เด็กหนุ่มปิดสมุดกลับไปอย่างเซ็ง ๆ อันที่จริงนักเลงหัวไม้อย่างซึงฮยอนไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องมาเครียดกับอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
แต่ว่าก็แค่อยากเอาผลการเรียนสวย ๆ ไปให้พ่อกับแม่ดูบ้าง
ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งที่เขาเพิ่งได้มาเมื่อต้นปีจากการโหวตของสมาชิกรวมถึงรุ่นพี่จงฮุนและรุ่นพี่ฮงกีผู้ก่อตั้งทำให้การชีวิตในรั้วโรงเรียนของซึงฮยอนต้องตกเป็นที่จับตามองตลอดเวลา นอกรั้วก็เช่นกัน
เพราะถ้าเขากับเพื่อนเผลอพลาดท่าให้คู่อริเพียงนิดเดียว นั่นหมายถึงชื่อเสียงและศักดิ์ศรีที่สมาชิกรุ่นก่อน ๆ ช่วยกันสั่งสมมาจะถูกทำลายจนไม่เหลือซาก
ไม่แปลกที่พอเป็นคนดังแล้วก็จะมีรุ่นน้องผู้หญิงมารุมกรี๊ด โต๊ะกินข้าวประจำของซึงฮยอนที่โรงอาหารมักจะเต็มไปด้วยจดหมายและดอกกุหลาบ แต่ถึงจะฮ็อตขนาดไหน มีด้านร้ายแล้วก็ต้องมีด้านดี
พัค จีบิน หนุ่มในอุดมคติของใครหลายคนจากห้องข้าง ๆ ที่จริงคนนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับซึงฮยอนหรอกแต่ถ้าจะไม่ให้พูดถึงก็คงไม่ได้ เขาคือผู้ที่เป็นเจ้าของเกรดเฉลี่ย 4.00 มาตั้งแต่ปีหนึ่ง ตัวเต็งประธานนักเรียน พ่วงด้วยธุรกิจค้าขายของตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของจังหวัด
จากที่กล่าวมาทั้งหมดก็ล้วนมีแต่เรื่องดี ๆ แต่ก็นั่นแหละ
จีบีนถึงได้เป็นตัวแทนหนุ่มฮ็อตจากฝ่ายดียังไงล่ะ
"เอาล่ะค่ะนักเรียน วันนี้พวกเราจะมีเพื่อนร่วมห้องเพิ่มมาใหม่อีกหนึ่งคนนะ"
ครูยูบินทำให้เด็กในห้องหูผึ่งกันเป็นแถบ รวมทั้งพวกที่นั่งแถวหลังอย่างซึงฮยอนกับอิลฮุนด้วยเช่นกัน
"เฮ้ย เตรียมคิดแผนรับน้องใหม่กันเลยดีกว่าว่ะ"
"ขอดูหน้าก่อน เผื่อเป็นพวกขาใหญ่"
ที่นั่งข้าง ๆ ซึงฮยอนยังว่างอยู่และแน่นอนว่ามันจะต้องกลายเป็นโต๊ะของเด็กใหม่
"มาแนะนำตัวกับเพื่อน ๆ นะจ๊ะ แจจิน"
เป็นผู้ชายที่หน้าสวยที่สุดตั้งแต่เขาเคยพบเจอมา
เพื่อนใหม่คนนี้มีชื่อว่า อี แจจิน ไม่ได้เป็นพวกขาใหญ่อย่างที่ซึงฮยอนคาดคะเนไว้ แล้วก็ดูไม่ใช่คนอ่อนแอพอที่จะเป็นเป้าหมายให้อิลฮุนกลั่นแกล้งได้ด้วย
"เอาไงดีวะ ไถเงินดีมั้ย" เพื่อนรักหันมาสะกิดสีข้างเขารัว ๆ หลังจากเห็นแจจินกำลังเดินมาที่โต๊ะ
"คนนี้ชั้นขอ" ซึงฮยอนกระซิบ "ไม่ต้องมีรับน้อง"
บารมีของหัวหน้าแก๊งทำให้อิลฮุนเชื่อฟังและไม่ตั้งคำถามอะไรต่อ รอยยิ้มตามมารยาทถูกส่งออกไปให้บุคคลที่สามเพื่อกลบเกลื่อนเจตนาชั่วร้ายเมื่อครู่
หมดคาบเช้า นักเรียนแต่ละคนรีบเก็บของเตรียมตัวไปกินข้าวเที่ยง ระหว่างรออิลฮุนหารองเท้าข้างหนึ่งที่ถูกเตะหายไปตอนเขาหลับ ซึงฮยอนกำลังชั่งใจว่าจะชวนแจจินไปกินข้าวด้วยกันดีไหม
'เราควรสร้างความประทับใจแรกในโรงเรียนใหม่ให้เขาสิ'
'เฮ้ย แต่ มันใช่เรื่องที่กูจะต้องแคร์เหรอวะ'
'แจจินคงเหงาแย่ถ้าต้องนั่งกินข้าวคนเดียว แล้วถ้ามีพวกเด็กเกเรมารังแกล่ะ'
'เอ่อ... ที่นี่เกเรสุดก็พวกกูไม่ใช่เหรอ'
เถียงกับตัวเองอยู่เกือบนาที ร่างสูงรีบก้าวเท้าพร้อมกับเอื้อมแขนไปจะแตะไหล่เพื่อนตัวเล็ก
"แจจิน โทษทีห้องเราครูปล่อยเลท" ใบหน้าหล่อติ๋ม ๆ โผล่มาจากกรอบประตู
"อ้อ ไม่เป็นไร เราก็เพิ่งเก็บกระเป๋าเสร็จพอดี"
พัค จีบิน คนดีศรีโรงเรียนยิ้มให้แจจินอย่างกับเป็นแฟนกัน พวกเขาเดินหัวเราะคิกคักลงบันไดตึกไป ปล่อยให้ซึงฮยอนยืนงงเป็นไก่ตาแตก
"อะไรวะ..."
"ชอบหรอ" อิลฮุนเข้ามากอดไหล่สหายอย่างเห็นใจ
พัค จีบิน คนดีศรีโรงเรียนยิ้มให้แจจินอย่างกับเป็นแฟนกัน พวกเขาเดินหัวเราะคิกคักลงบันไดตึกไป ปล่อยให้ซึงฮยอนยืนงงเป็นไก่ตาแตก
"อะไรวะ..."
"ชอบหรอ" อิลฮุนเข้ามากอดไหล่สหายอย่างเห็นใจ
"อือ คิดว่านะ" สายตาละห้อยก้มลงมองพื้นด้วยความที่ยังงงกับเหตุการณ์เมื่อกี้
ยังไม่ทันได้ทำความรู้จักกันเลย นี่เขาจะต้องกินแห้วแล้วเหรอ
"หมายถึงชอบไอ้จีบินอะนะ ฮ่า ๆ"
"ไม่ใช่โว่ยยย!"
ขึ้นสัปดาห์ใหม่ แจจินเข้ากันกับคนในห้องได้มากขึ้น จะมีก็แต่กับซึงฮยอนแล้วก็อิลฮุนเนี่ยแหละที่เจ้าตัวยังไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์ด้วยเท่าที่ควร
"ชั้นแอบได้ยินไอ้อึนกวังเด็กเนิร์ดมันบอกแจจินว่าเราสองคนเป็นพวกนักเลง ไม่น่าคบหา" อิลฮุนพยายามทำตัวเป็นนักสืบให้เพื่อนสนิท "แจจินคงกลัวนายแล้วแหละตอนนี้"
"ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะ" เขาประชด
ตาที่แทบไม่มองจานข้าวเพ่งไปที่โต๊ะไกล ๆ ฝั่งตรงข้ามด้วยความอยากรู้อยากเห็น แจจินกับจีบินคงไม่ได้เป็นถึงขั้นคนรักกันหรอกเพราะพวกเขาก็นั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อนคนอื่นอีกเกือบสิบคน กลุ่มแคนดิเดทกรรมการนักเรียนที่มีเพื่อนห้องซึงฮยอนรวมอยู่ด้วยรีบตีสนิทกับแจจินโดยหวังว่าอาจจะได้เขามาเข้าร่วมทีม
แหงล่ะ ใครกันจะไม่อยากได้คนเรียนดีมาเป็นสมาชิกพรรค
สถานการณ์ที่โต๊ะของคนฝ่ายดียังไม่มีอะไรมากไปกว่าการอึ้งและทึ่งกับคะแนนเก็บสอบย่อยวิชาคณิตครั้งล่าสุดของนักเรียนใหม่
20 เต็ม 20 คนเดียวของห้อง
แม้แต่จีบินเองก็ได้ทำพลาดไปตั้ง 2 คะแนน
"นายเข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าจีบินชัด ๆ" นักเรียนหญิงคนหนึ่งกล่าวขึ้นขำ ๆ
แจจินที่เคยชินกับความเก่งของตัวเองแล้วเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเขี่ยถั่วลันเตาในจานข้าวผัดของตัวเอง เพื่อนชายที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กเห็นท่าทางแปลก ๆ แบบนั้นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้
"มีอะไรรึเปล่า" จีบินถาม
"นายรู้จักผู้ชายที่นั่งเรียนข้าง ๆ เรามั้ย" ร่างเล็กห่อไหล่ลู่ลงกว่าเดิม ยังคงไม่เงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา "ที่ชื่อ ซึงฮยอนน่ะ"
"อ่า รู้สิ ไม่มีใครในโรงเรียนนี้ไม่รู้จักหมอนั่นหรอก" งงยิ่งกว่าเดิมว่าทำไมจู่ ๆ แจจินก็พูดถึงนักเลงหัวโจกประจำรุ่น แอบปิ๊งเขางั้นเหรอ
"เขาเป็นคนยังไงอะ นิสัยไม่ดีอย่างที่คนอื่นว่าจริงรึเปล่า"
จีบินส่ายหัว ถามมาอย่างนี้แจจินคงแอบชอบเจ้านั่นชัวร์
"ถ้าคนอื่นที่นายพูดถึงคือพวกคนนอกโรงเรียน คำตอบคือ ใช่"
"หมายความว่าอะไร"
"แต่ถ้าคนอื่นที่นายพูดถึง คือคนในโรงเรียน คำตอบคือไม่"
นักเรียนหน้าสวยทำตาโต คำตอบของจีบินไม่ได้ช่วยให้เขาเข้าใจอะไรขึ้นเลยแม้แต่นิด
"แล้ว..."
"แก๊งของซึงฮยอนเที่ยวตีกับโรงเรียนอื่นไปทั่ว แบบว่า ทำตามปณิธานที่พวกรุ่นพี่ตั้งไว้น่ะ" วิกิพีเดียของแจจินหยุดดื่มน้ำครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายให้เขาฟังต่อ "แต่ถ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยอะไรกับใครหรอก เงียบ ๆ ขี้เก๊ก ง่วนอยู่กับการบอกปฏิเสธความรักจากรุ่นน้อง จะมีที่เฮี้ยว ๆ หน่อยก็อิลฮุนที่ตัวติดเขาทั้งวัน ไอ้นั่นน่ะโคตรบ้า ถ้าซึงฮยอนไม่ห้ามไว้มันก็เกือบได้ต่อยกับเราแล้ว"
นึกถึงวันนั้นแล้วอยากขำ จีบินเห็นอิลฮุนยืนไถเงินเด็กประถมอยู่ข้างรั้วโรงเรียนก็เลยรีบวิ่งเข้าไปห้าม สมุนหมายเลขหนึ่งของซึงฮยอนขู่เขาใหญ่ว่าจะเรียกลูกพี่มาจัดการ แต่สุดท้ายแล้วกลายเป็นว่าหัวหน้าแก๊งต้องมาลากคอลูกน้องกลับบ้านแทนซะงั้น
"งั้นเขาก็ไม่ได้เลวร้ายน่ะสิ"
"ก็อืม" นึกว่าจะได้เห็นสีหน้าหมดห่วงของเพื่อนแต่แจจินกลับทำหน้ามุ่ยยิ่งกว่าเดิม "ทำไม ซึงฮยอนจีบนายอยู่เหรอ"
"เปล่า... ยัง..."
"ฮึ อ้าว แล้วทำไมถึงถามเราล่ะเนี่ย" จีบินเลิกคิ้ว งงกับอีกคนไปหมดแล้ว "หรือว่าตอนอยู่ในห้องซึงฮยอนแกล้งอะไรนาย"
แจจินถอนหายใจเฮือกใหญ่
"คือว่า ตั้งแต่เราซื้อข้าวมานั่งกินตรงนี้
ซึงฮยอนเขายังไม่หยุดมองเราจากโต๊ะนู้นเลยจีบิน"
สมการยาวยืดในชีทเรียนเล่มใหม่ที่อาจารย์เพิ่งแจกให้เล่นเอาซึงฮยอนมืดแปดด้านกับทุกสิ่งที่ตัวเองกำลังเขียน นักเรียนในห้องโดนสั่งให้ทำโจทย์กันเงียบ ๆ แล้วครูจะเฉลยให้ท้ายคาบ
ด้านอิลฮุนนั้นปิดชีทนั่งเล่นเกมไปตั้งแต่ต้นชั่วโมง ถามอะไรก็คงตอบไม่ได้เพราะไอ้เจ้านี่กับคณิตศาสตร์ก็เป็นเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกัน เจออีกทีก็คงเป็นตอนส่งงานที่มันจะฉกเอาชีทของเขาไปลอกทีเดียวเลย
"เฮ้อ..."
"นายลองเริ่มจากดึงตัวร่วมก่อนสิ"
ซึงฮยอนหันขวับไปหาต้นทางของเสียง
นี่ แจจินคุยกับเขาเหรอเนี่ย
"อ...อ่าฮะ" ทำอะไรไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม หัวใจของซึงฮยอนเต้นแรงมากจนเขากลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะได้ยิน
"แบบนี้อะ"
คนตัวเล็กกระเถิบเก้าอี้มาใกล้ แจจินที่แก้โจทย์ทั้งสิบข้อในชีทของตัวเองเสร็จหมดแล้วแค่ไม่รู้จะทำอะไรต่อเลยอยากช่วยสอนเพื่อน
แต่อันที่จริงคือ เขามีจุดประสงค์อย่างอื่นรวมอยู่ด้วย
"ส่วนข้ออื่นก็ ทำแพทเทิร์นเดียวกันเนี่ยแหละ แปบเดียวก็เสร็จ"
คนตัวสูงยิ้มให้ลายมือที่ปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษ ไหนอิลฮุนบอกว่าแจจินกลัวเขาไง ไม่เห็นจะจริง นี่มันพระเอกขี่ม้าขาวชัด ๆ
แล้วถ้าลองใช้เรื่องเรียนเป็นข้ออ้างในการเข้าหาแจจินล่ะ
คงจะเข้าแก๊ป ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เลยนะเนี่ย
"ขอบใจนะ"
"เมื่อตอนพักเที่ยงนายมองเราทำไม"
ฉิบหาย
"ห้ะ ป...เปล่ามองซะหน่อย" งานเข้าแล้วซึงฮยอนเอ้ย
"โกหก" คนเก่งเลขหันมาขมวดคิ้วใส่อย่างไม่พอใจ "นายเอาแต่จ้องมาที่เรา ตอนตักข้าวเข้าปากนายไม่ได้มองจานข้าวเลยด้วยซ้ำ"
"เก็บรายละเอียดดีขนาดนี้ แสดงว่านายเองก็มองเราเหมือนกันล่ะสิ"
"..."
เสียงไชโยโห่ร้องดังก้องในสมองของซึงฮยอน เขาทำให้แจจินหน้าแดงได้โดยที่ไม่ต้องเต๊าะไม่ต้องจีบ จะสรุปเอาง่าย ๆ ว่านี่คือความสำเร็จในขั้นต้นก็แล้วกันนะ
"ไม่เป็นไร เราถูกมองจนชินแล้วล่ะ" คนพูดยักไหล่กวน ๆ ก่อนจะกลับไปโฟกัสกับการแก้สมการของเขาต่อ
"นายตอบไม่ตรงคำถามเลยอะ"
"หืม..."
"เราถามว่านายมองเราทำไม" คราวนี้เจ้าของคำถามเปลี่ยนมานั่งกอดอกแล้ว
จะมีใครหาว่าบ้ามั้ยถ้าซึงฮยอนจะรีบฟันธงว่า คนนี้แหละ สเป็คเขาเลย ทั้งเรียนเก่ง น่ารัก แถมยังมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้รู้สึกได้ว่าแจจินจะต้องเป็นพวกจู้จี้นิด ๆ ขี้เขินหน่อย ๆ อีกด้วย
'อยากได้เป็นแฟนแล้วอะ'
เสียงปากกาเคาะกระดานตัดจบบทสนทนาของทั้งคู่ไปอย่างน่าเสียดาย สุดท้ายแล้วคนอยากเก่งเลขก็ต้องมานั่งลอกวิธีทำตามเฉลยเพราะว่าทำไม่ทัน อิลฮุนที่เพิ่งจะออกมาจากวังวนของ ROV ก็ควานหาเครื่องเขียนมาลอกกับเขาด้วยเหมือนกัน
ใกล้เวลาเลิกเรียน สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เข็มยาวบนนาฬิกาแขวนหน้าห้องรอให้มันเคลื่อนตัวไปถึงเลขสิบสอง
"เอางี้มั้ยแจจิน ถ้านายอยากรู้เหตุผลที่เรามองนาย" ซึงฮยอนหันไปคุยกับเพื่อนใหม่คนนั้น "กลับบ้านด้วยกันสิ แล้วเราจะบอกระหว่างทาง"
อิลฮุนผู้ได้ยินทุกอย่างถึงกับอ้าปากค้าง นั่นหัวหน้าแก๊งของเขากำลังชวนอี แจจิน กลับบ้านด้วย แถมยังใช้สรรพนามแบบที่พวกเด็กเรียบร้อยใช้กันอีกอย่างงั้นเหรอ
"เอ่อ ขอโทษทีนะ" แววตารู้สึกผิดมองมาทางเขา "วันนี้เราต้องกลับกับจีบิน"
"อ...อ่าว เหรอ" ซึงฮยอนยิ้มรับประสบการณ์หน้าแตกยับของตัวเอง "เออ ไม่เป็นไรหรอก งั้น--"
"ไว้พรุ่งนี้มั้ยล่ะเดี๋ยวพรุ่งนี้เรากลับกับนาย" แจจินรีบเสนอทางเลือกใหม่
มันก็เกือบจะดีใจแล้วนะแต่ว่า
"ฮ่ะฮ่า แต่พรุ่งนี้มันวันเสาร์นะ"
เสียงหัวเราะกับแก้มแดงแปร้ดค่อย ๆ จากเขาไปเนื่องด้วยตัวต้นเหตุที่ทำให้ซึงฮยอนต้องกินแห้วเดินมาเรียกแจจินอยู่ข้างนอกห้องแล้ว จีบินแอบงงว่าทำไมเพื่อนของตัวเองต้องปิดหน้าเขินขนาดนั้น แต่แล้วทั้งคู่ก็ออกจากโรงเรียนไปพร้อมกับทอปิคเด็ดประจำวัน
"ฮื่อ เมื่อกี้เขาเพิ่งชวนเรากลับบ้านด้วยอะจีบิน
เราว่าเราต้องชอบซึงฮยอนแล้วแน่ ๆ เลย"
จุดนัดพบร้อนระอุเมื่อสายตากระหายชัยชนะของสองผู้นำปะทะกัน กลุ่มแก๊งในชุดยูนิฟอร์มต่างสถาบันต่างไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ฝ่ายตรงข้าม ข้อตกลงเรื่องสิทธิในการครอบครองพื้นที่บริเวณนั้นทั้งหมดจะถูกตัดสินภายนี้วันนี้ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
ใครถอยก่อน คนนั้นคือผู้แพ้
"มึงถึงกับต้องเล่นไม้หน้าสามเลยเหรอวะ ไอ้ยงฮวา" ลูกน้องคนหนึ่งของซึงฮยอนตะโกนออกไป นักเรียนโรงเรียนคู่อริแบกอาวุธกันมาคนละท่อนสองท่อน แบบนี้มันเอาเปรียบกันชัด ๆ
"เก็บปากมึงไว้ให้พวกกูฟาดเถอะ" คนพูดถ่มน้ำลายลงพื้นคอนกรีต "ว่าแต่หัวหน้าพวกมึง ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเลยรึไง"
ซึงฮยอนไม่คิดที่จะต่อปากต่อคำให้เสียเวลา มือหนาไขว้หลังไปคว้าอะไรบางอย่างที่พรรคพวกของเขาทั้งหมดซ่อนมันไว้อยู่
แล้วทำไมจะต้องยอมปล่อยให้พวกนั้นเล่นตุกติกได้อยู่ฝ่ายเดียวกันล่ะ
"ถ้ามึงมีไม้
กูก็มีมีดแหละวะ ย้ากกก!!!"
'เจ็บชะมัด...'
สองหนุ่มหลังห้องเข้าเรียนมาด้วยสภาพไม่สู้คนสักเท่าไหร่ ซึงฮยอนนั่งเงียบไม่พูดกับใคร มุมปากที่ทั้งเขียวและปูดบวมด้วยฤทธิ์ของไม้หน้าสามยังคงสร้างความเจ็บปวดให้เขายาวนานล่วงเข้าวันที่สามไปแล้ว
"แม่งเอ้ย ชั้นลืมตาซ้ายไม่ได้เลย" อิลฮุนน่าสงสารยิ่งกว่า ทั้งรอบ ๆ ดวงตาที่ม่วงช้ำจนดูสยองและแขนข้างหนึ่งที่ต้องใส่เฝือก "นายทำบุญด้วยอะไรวะทำไมถึงยังหล่ออยู่"
จะขำยังขำไม่ได้ ดีนะที่ปากมันบวมตรงด้านที่ไม่ได้หันไปทางแจจิน ไม่งั้นล่ะน่าอายแย่
ส่วนรายนั้นพอมาถึงโต๊ะก็กล่าวทักทายคนข้าง ๆ อย่างเคอะเขิน รอบนี้ไม่มีองครักษ์ พัค จีบิน เดินมาส่งเหมือนอย่างเคยแล้ว แจจินอยากคุยกับซึงฮยอนแต่ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร
บางทีการถามไถ่เกี่ยวกับการบ้านอาจเป็นตัวเลือกที่ดี
"ซึงฮยอน นายส่งรายงานวิชาประวัติศ-- โอ๊ะ! นั่น หน้านายไปโดนอะไรมาน่ะ!"
อีกคนก็ตื่นเต้นกับการทักทายเมื่อกี้จนลืมไปว่าตัวเองมีแผลฟกช้ำเต็มใบหน้า ซึงฮยอนรีบหันมายิ้มให้คนตัวเล็ก เจ็บปากมากแต่ก็คุ้มค่าอยู่เพราะว่าตอนนี้แจจินกำลังแสดงท่าทางเป็นห่วงเขาสุดขีด
"โดนไม้ฟาดมาเอง ไม่มีอะไรมากหรอก" เพื่อนผู้หวังดีตอบคำถามให้แทน
"ปกติโดนหนักกันอย่างนี้อยู่แล้วรึเปล่า"
สองโจ๋ส่ายหน้ารัว ๆ พร้อมกัน แจจินหัวเราะให้กับสภาพอันดูไม่ได้ของพวกเขา แต่ดูเหมือนซึงฮยอนจะเป็นที่สนใจมากกว่านิดหน่อย เจ้าของรอยเขียวที่มุมปากทำได้แค่ยิ้มเบี้ยว ๆ กลับไปให้
"ได้ทายาบ้างมั้ย ที่ปากน่ะ" นิ้วเรียวจิ้มเบา ๆ แถวมุมปากของตัวเอง
ร่างสูงส่ายหัวอีกรอบ รอยบุ๋มบนแก้มนุ่มตรงที่นิ้วมือกดลงไปทำให้เขามีความสุขเวลาได้มองมัน ตกอยู่ในภวังค์ได้ไม่นานนักซึงฮยอนก็เห็นแจจินหยิบกระปุกขี้ผึ้งแก้ปวดบวมออกมาจากกระเป๋า
มือที่บรรจงทายาหม่องให้ซึงฮยอนอย่างอ่อนโยนแทบจะหยุดโลกทั้งใบเอาไว้ในวินาทีนั้น แจจินเผยอริมฝีปากโดยไม่รู้ตัวระหว่างที่เขากำลังตั้งใจทำหน้าที่เป็นพยายาลชั่วคราวให้เพื่อนร่วมห้องทำเอาคนที่มองอยู่ละสายตาไปจากอวัยวะนั้นไม่ได้เลย
และอิลฮุน...ที่ได้แต่นั่งกระพริบตาปริบ ๆ อย่างคาดไม่ถึง
"เย็นนี้กลับบ้านด้วยกันนะ"
"โอเค"
"เดี๋ยวนี้ลูกพี่เขาไม่ค่อยมาที่นี่เลยว่ามั้ย"
"ถ้าบอกว่าซึงฮยอนกำลังติดเด็กคนนึงอยู่ เอ็งจะเชื่อปะวะ"
"ว่าไงนะ จริงเหรอ"
"เนี่ย อิลฮุนมาโน่นละ ลองถามมันดูสิ"
ณ โกดังร้างที่สุมหัวหลักของแก๊งยังคงไร้วี่แววหัวหน้าที่ช่วงนี้มีข่าวลือไปทั่วว่าเขากำลังอินเลิฟ สองเดือนที่ผ่านมา อาณาเขตของหลาย ๆ โรงเรียนในย่านนี้ได้กลายเป็นพื้นที่ภายใต้การดูแลของพวกเขา
ไม่ได้แปลว่าถูกครอบครอง
แต่หมายถึงว่าจะไม่มีใครกล้าลองดีกับซึงฮยอนอีก
"เห้ย อิลฮุน ที่หัวหน้าเราไม่ค่อยเรียกประชุมนี่เป็นเพราะเขาอยู่กับเด็กเหรอวะ"
"อืม" อิลฮุนพยักหน้า ช่วงนี้มันไม่ได้มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง จะให้ซึงฮยอนไปทำอะไรอย่างอื่นบ้างก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียหายอยู่แล้ว
"แบบนั้นมันจะไม่เสี่ยงไปเหรอ" พัค อูจิน รองหัวหน้าแก๊งพูดขึ้น "พวกไอ้ยงฮวามันจ้องจะเอาคืนเราอยู่ตลอด อีกอย่าง ชั้นรู้มาว่าแพ้ครั้งก่อนลูกน้องมันหายหน้าหายตาไปพักฟื้นกันตั้งเกือบสิบคน"
"นั่นสิ มันรอล้างแค้นเราแน่" หลายคนในนั้นเริ่มเห็นด้วย
สีหน้าเป็นกังวลของสมาชิกคนอื่น ๆ และคำพูดของอูจินทำให้เขาต้องหันมาให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ดูบ้าง เพื่อนรักของอิลฮุนอาจกำลังพยายามสลัดคราบแบดบอยของตัวเองเพื่อเอาใจแจจิน แต่สิ่งที่ซึงฮยอนทำมันขัดกันกับธรรมเนียมปฏิบัติของแก๊ง
"ไว้ชั้นจะคุยกับเขาให้ละกัน"
"หรืออาจต้องเป็นชั้นเอง" มีดสั้นในมืออูจินถูกเขวี้ยงไปปักที่กลางศีรษะของดาราชายคนหนึ่งบนโปสเตอร์เก่าข้างกำแพง "ถ้าหากซึงฮยอนมันไม่ฟังนาย จอง อิลฮุน"
ประตูกระจกถูกผลักเปิดออกพร้อมเสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่บนด้ามจับเขย่าดังกรุ๊งกริ๊ง นักเรียนชายสองคนจูงมือกันกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังตรอกข้าง ๆ คาเฟ่ขนมหวานสถานที่เดทสุดโปรดประจำวันศุกร์ หัวใจของทั้งคู่เต้นแรงแข่งกับพายุที่กำลังโถมกระหน่ำ
ไม่รู้จะรีบออกจากมาร้านทำไม แต่หลบฝนอยู่ใต้หลังคาตึกด้วยกันแบบนี้ก็โรแมนติกไปอีกแบบ
"เมื่อไหร่จะเลิกสั่งน้ำเสาวรสกินสักทีนะ" คนตัวสูงใช้แขนเสื้อซับน้ำฝนตามหน้าผากให้คนตัวเล็ก
"ก็เราชอบอะ" คนพูดยืนตัวสั่นเพราะอากาศเย็น ใบหน้าของอีกฝ่ายเคลื่อนเข้ามาประทับริมฝีปากมอบสัมผัสอุ่นที่ไม่ยาวนานเท่าไหร่
"กลิ่นมันเลี่ยนเหมือนน้ำหอมของปู่"
"นายก็พูดแบบนี้ทุกที"
จูบนุ่มลึกท่ามกลางเสียงเม็ดฝนกระทบสังกะสีที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในคอนเสิร์ตที่มีแค่กลองชุด ความสัมพันธ์ที่ไม่เคยมีใครสารภาพความในใจแต่ทั้งซึงฮยอนและแจจินก็รับรู้ได้ถึงความชอบพอในตัวกันและกันเดินทางมาถึงจุดที่เต็มไปด้วยความหอมหวาน
"วันนี้เราขอไปค้างที่บ้านได้มั้ย"
"ไม่ได้" ปากอิ่มสวนคำตอบออกไปทันควัน
"แล้วเมื่อไหร่จะได้"
"ไม่รู้" แจจินซุกหน้ากับเสื้อนักเรียนตัวชื้น ลอนผมยุ่งกระเพื่อมตามแรงหัวเราะจากการถูกอีกคนจักจี้ "ฮิ ๆ ซึงฮยอน พอเลย คนบ้า"
สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของซึงฮยอนโผล่มาขัดจังหวะทุกอย่างได้พอดิบพอดี ฝนที่เริ่มซาทำให้เขาไม่ต้องตะโกนคุยกับคนในสาย นอกจากนั้น เสียงพูดของซึงฮยอนก็ยังดังพอให้แจจินจับใจความได้ว่าประเด็นเคร่งเครียดครั้งนี้คืออะไร
[...แยกเรื่องสำคัญทั้งสองอย่างให้ออกนะซึงฮยอน ชั้นไม่รู้ว่าอูจินรู้อะไรมาบ้าง แต่ที่มันพูดก็ฟังดูมีน้ำหนัก]
"อืม ชั้นเข้าใจละ"
ยังไม่ทันได้ทำความรู้จักกันเลย นี่เขาจะต้องกินแห้วแล้วเหรอ
"หมายถึงชอบไอ้จีบินอะนะ ฮ่า ๆ"
"ไม่ใช่โว่ยยย!"
ขึ้นสัปดาห์ใหม่ แจจินเข้ากันกับคนในห้องได้มากขึ้น จะมีก็แต่กับซึงฮยอนแล้วก็อิลฮุนเนี่ยแหละที่เจ้าตัวยังไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์ด้วยเท่าที่ควร
"ชั้นแอบได้ยินไอ้อึนกวังเด็กเนิร์ดมันบอกแจจินว่าเราสองคนเป็นพวกนักเลง ไม่น่าคบหา" อิลฮุนพยายามทำตัวเป็นนักสืบให้เพื่อนสนิท "แจจินคงกลัวนายแล้วแหละตอนนี้"
"ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะ" เขาประชด
ตาที่แทบไม่มองจานข้าวเพ่งไปที่โต๊ะไกล ๆ ฝั่งตรงข้ามด้วยความอยากรู้อยากเห็น แจจินกับจีบินคงไม่ได้เป็นถึงขั้นคนรักกันหรอกเพราะพวกเขาก็นั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อนคนอื่นอีกเกือบสิบคน กลุ่มแคนดิเดทกรรมการนักเรียนที่มีเพื่อนห้องซึงฮยอนรวมอยู่ด้วยรีบตีสนิทกับแจจินโดยหวังว่าอาจจะได้เขามาเข้าร่วมทีม
แหงล่ะ ใครกันจะไม่อยากได้คนเรียนดีมาเป็นสมาชิกพรรค
สถานการณ์ที่โต๊ะของคนฝ่ายดียังไม่มีอะไรมากไปกว่าการอึ้งและทึ่งกับคะแนนเก็บสอบย่อยวิชาคณิตครั้งล่าสุดของนักเรียนใหม่
20 เต็ม 20 คนเดียวของห้อง
แม้แต่จีบินเองก็ได้ทำพลาดไปตั้ง 2 คะแนน
"นายเข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าจีบินชัด ๆ" นักเรียนหญิงคนหนึ่งกล่าวขึ้นขำ ๆ
แจจินที่เคยชินกับความเก่งของตัวเองแล้วเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเขี่ยถั่วลันเตาในจานข้าวผัดของตัวเอง เพื่อนชายที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กเห็นท่าทางแปลก ๆ แบบนั้นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้
"มีอะไรรึเปล่า" จีบินถาม
"นายรู้จักผู้ชายที่นั่งเรียนข้าง ๆ เรามั้ย" ร่างเล็กห่อไหล่ลู่ลงกว่าเดิม ยังคงไม่เงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา "ที่ชื่อ ซึงฮยอนน่ะ"
"อ่า รู้สิ ไม่มีใครในโรงเรียนนี้ไม่รู้จักหมอนั่นหรอก" งงยิ่งกว่าเดิมว่าทำไมจู่ ๆ แจจินก็พูดถึงนักเลงหัวโจกประจำรุ่น แอบปิ๊งเขางั้นเหรอ
"เขาเป็นคนยังไงอะ นิสัยไม่ดีอย่างที่คนอื่นว่าจริงรึเปล่า"
จีบินส่ายหัว ถามมาอย่างนี้แจจินคงแอบชอบเจ้านั่นชัวร์
"ถ้าคนอื่นที่นายพูดถึงคือพวกคนนอกโรงเรียน คำตอบคือ ใช่"
"หมายความว่าอะไร"
"แต่ถ้าคนอื่นที่นายพูดถึง คือคนในโรงเรียน คำตอบคือไม่"
นักเรียนหน้าสวยทำตาโต คำตอบของจีบินไม่ได้ช่วยให้เขาเข้าใจอะไรขึ้นเลยแม้แต่นิด
"แล้ว..."
"แก๊งของซึงฮยอนเที่ยวตีกับโรงเรียนอื่นไปทั่ว แบบว่า ทำตามปณิธานที่พวกรุ่นพี่ตั้งไว้น่ะ" วิกิพีเดียของแจจินหยุดดื่มน้ำครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายให้เขาฟังต่อ "แต่ถ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยอะไรกับใครหรอก เงียบ ๆ ขี้เก๊ก ง่วนอยู่กับการบอกปฏิเสธความรักจากรุ่นน้อง จะมีที่เฮี้ยว ๆ หน่อยก็อิลฮุนที่ตัวติดเขาทั้งวัน ไอ้นั่นน่ะโคตรบ้า ถ้าซึงฮยอนไม่ห้ามไว้มันก็เกือบได้ต่อยกับเราแล้ว"
นึกถึงวันนั้นแล้วอยากขำ จีบินเห็นอิลฮุนยืนไถเงินเด็กประถมอยู่ข้างรั้วโรงเรียนก็เลยรีบวิ่งเข้าไปห้าม สมุนหมายเลขหนึ่งของซึงฮยอนขู่เขาใหญ่ว่าจะเรียกลูกพี่มาจัดการ แต่สุดท้ายแล้วกลายเป็นว่าหัวหน้าแก๊งต้องมาลากคอลูกน้องกลับบ้านแทนซะงั้น
"งั้นเขาก็ไม่ได้เลวร้ายน่ะสิ"
"ก็อืม" นึกว่าจะได้เห็นสีหน้าหมดห่วงของเพื่อนแต่แจจินกลับทำหน้ามุ่ยยิ่งกว่าเดิม "ทำไม ซึงฮยอนจีบนายอยู่เหรอ"
"เปล่า... ยัง..."
"ฮึ อ้าว แล้วทำไมถึงถามเราล่ะเนี่ย" จีบินเลิกคิ้ว งงกับอีกคนไปหมดแล้ว "หรือว่าตอนอยู่ในห้องซึงฮยอนแกล้งอะไรนาย"
แจจินถอนหายใจเฮือกใหญ่
"คือว่า ตั้งแต่เราซื้อข้าวมานั่งกินตรงนี้
ซึงฮยอนเขายังไม่หยุดมองเราจากโต๊ะนู้นเลยจีบิน"
สมการยาวยืดในชีทเรียนเล่มใหม่ที่อาจารย์เพิ่งแจกให้เล่นเอาซึงฮยอนมืดแปดด้านกับทุกสิ่งที่ตัวเองกำลังเขียน นักเรียนในห้องโดนสั่งให้ทำโจทย์กันเงียบ ๆ แล้วครูจะเฉลยให้ท้ายคาบ
ด้านอิลฮุนนั้นปิดชีทนั่งเล่นเกมไปตั้งแต่ต้นชั่วโมง ถามอะไรก็คงตอบไม่ได้เพราะไอ้เจ้านี่กับคณิตศาสตร์ก็เป็นเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกัน เจออีกทีก็คงเป็นตอนส่งงานที่มันจะฉกเอาชีทของเขาไปลอกทีเดียวเลย
"เฮ้อ..."
"นายลองเริ่มจากดึงตัวร่วมก่อนสิ"
ซึงฮยอนหันขวับไปหาต้นทางของเสียง
นี่ แจจินคุยกับเขาเหรอเนี่ย
"อ...อ่าฮะ" ทำอะไรไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม หัวใจของซึงฮยอนเต้นแรงมากจนเขากลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะได้ยิน
"แบบนี้อะ"
คนตัวเล็กกระเถิบเก้าอี้มาใกล้ แจจินที่แก้โจทย์ทั้งสิบข้อในชีทของตัวเองเสร็จหมดแล้วแค่ไม่รู้จะทำอะไรต่อเลยอยากช่วยสอนเพื่อน
แต่อันที่จริงคือ เขามีจุดประสงค์อย่างอื่นรวมอยู่ด้วย
"ส่วนข้ออื่นก็ ทำแพทเทิร์นเดียวกันเนี่ยแหละ แปบเดียวก็เสร็จ"
คนตัวสูงยิ้มให้ลายมือที่ปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษ ไหนอิลฮุนบอกว่าแจจินกลัวเขาไง ไม่เห็นจะจริง นี่มันพระเอกขี่ม้าขาวชัด ๆ
แล้วถ้าลองใช้เรื่องเรียนเป็นข้ออ้างในการเข้าหาแจจินล่ะ
คงจะเข้าแก๊ป ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เลยนะเนี่ย
"ขอบใจนะ"
"เมื่อตอนพักเที่ยงนายมองเราทำไม"
ฉิบหาย
"ห้ะ ป...เปล่ามองซะหน่อย" งานเข้าแล้วซึงฮยอนเอ้ย
"โกหก" คนเก่งเลขหันมาขมวดคิ้วใส่อย่างไม่พอใจ "นายเอาแต่จ้องมาที่เรา ตอนตักข้าวเข้าปากนายไม่ได้มองจานข้าวเลยด้วยซ้ำ"
"เก็บรายละเอียดดีขนาดนี้ แสดงว่านายเองก็มองเราเหมือนกันล่ะสิ"
"..."
เสียงไชโยโห่ร้องดังก้องในสมองของซึงฮยอน เขาทำให้แจจินหน้าแดงได้โดยที่ไม่ต้องเต๊าะไม่ต้องจีบ จะสรุปเอาง่าย ๆ ว่านี่คือความสำเร็จในขั้นต้นก็แล้วกันนะ
"ไม่เป็นไร เราถูกมองจนชินแล้วล่ะ" คนพูดยักไหล่กวน ๆ ก่อนจะกลับไปโฟกัสกับการแก้สมการของเขาต่อ
"นายตอบไม่ตรงคำถามเลยอะ"
"หืม..."
"เราถามว่านายมองเราทำไม" คราวนี้เจ้าของคำถามเปลี่ยนมานั่งกอดอกแล้ว
จะมีใครหาว่าบ้ามั้ยถ้าซึงฮยอนจะรีบฟันธงว่า คนนี้แหละ สเป็คเขาเลย ทั้งเรียนเก่ง น่ารัก แถมยังมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้รู้สึกได้ว่าแจจินจะต้องเป็นพวกจู้จี้นิด ๆ ขี้เขินหน่อย ๆ อีกด้วย
'อยากได้เป็นแฟนแล้วอะ'
เสียงปากกาเคาะกระดานตัดจบบทสนทนาของทั้งคู่ไปอย่างน่าเสียดาย สุดท้ายแล้วคนอยากเก่งเลขก็ต้องมานั่งลอกวิธีทำตามเฉลยเพราะว่าทำไม่ทัน อิลฮุนที่เพิ่งจะออกมาจากวังวนของ ROV ก็ควานหาเครื่องเขียนมาลอกกับเขาด้วยเหมือนกัน
ใกล้เวลาเลิกเรียน สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เข็มยาวบนนาฬิกาแขวนหน้าห้องรอให้มันเคลื่อนตัวไปถึงเลขสิบสอง
"เอางี้มั้ยแจจิน ถ้านายอยากรู้เหตุผลที่เรามองนาย" ซึงฮยอนหันไปคุยกับเพื่อนใหม่คนนั้น "กลับบ้านด้วยกันสิ แล้วเราจะบอกระหว่างทาง"
อิลฮุนผู้ได้ยินทุกอย่างถึงกับอ้าปากค้าง นั่นหัวหน้าแก๊งของเขากำลังชวนอี แจจิน กลับบ้านด้วย แถมยังใช้สรรพนามแบบที่พวกเด็กเรียบร้อยใช้กันอีกอย่างงั้นเหรอ
"เอ่อ ขอโทษทีนะ" แววตารู้สึกผิดมองมาทางเขา "วันนี้เราต้องกลับกับจีบิน"
"อ...อ่าว เหรอ" ซึงฮยอนยิ้มรับประสบการณ์หน้าแตกยับของตัวเอง "เออ ไม่เป็นไรหรอก งั้น--"
"ไว้พรุ่งนี้มั้ยล่ะเดี๋ยวพรุ่งนี้เรากลับกับนาย" แจจินรีบเสนอทางเลือกใหม่
มันก็เกือบจะดีใจแล้วนะแต่ว่า
"ฮ่ะฮ่า แต่พรุ่งนี้มันวันเสาร์นะ"
เสียงหัวเราะกับแก้มแดงแปร้ดค่อย ๆ จากเขาไปเนื่องด้วยตัวต้นเหตุที่ทำให้ซึงฮยอนต้องกินแห้วเดินมาเรียกแจจินอยู่ข้างนอกห้องแล้ว จีบินแอบงงว่าทำไมเพื่อนของตัวเองต้องปิดหน้าเขินขนาดนั้น แต่แล้วทั้งคู่ก็ออกจากโรงเรียนไปพร้อมกับทอปิคเด็ดประจำวัน
"ฮื่อ เมื่อกี้เขาเพิ่งชวนเรากลับบ้านด้วยอะจีบิน
เราว่าเราต้องชอบซึงฮยอนแล้วแน่ ๆ เลย"
จุดนัดพบร้อนระอุเมื่อสายตากระหายชัยชนะของสองผู้นำปะทะกัน กลุ่มแก๊งในชุดยูนิฟอร์มต่างสถาบันต่างไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ฝ่ายตรงข้าม ข้อตกลงเรื่องสิทธิในการครอบครองพื้นที่บริเวณนั้นทั้งหมดจะถูกตัดสินภายนี้วันนี้ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
ใครถอยก่อน คนนั้นคือผู้แพ้
"มึงถึงกับต้องเล่นไม้หน้าสามเลยเหรอวะ ไอ้ยงฮวา" ลูกน้องคนหนึ่งของซึงฮยอนตะโกนออกไป นักเรียนโรงเรียนคู่อริแบกอาวุธกันมาคนละท่อนสองท่อน แบบนี้มันเอาเปรียบกันชัด ๆ
"เก็บปากมึงไว้ให้พวกกูฟาดเถอะ" คนพูดถ่มน้ำลายลงพื้นคอนกรีต "ว่าแต่หัวหน้าพวกมึง ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเลยรึไง"
ซึงฮยอนไม่คิดที่จะต่อปากต่อคำให้เสียเวลา มือหนาไขว้หลังไปคว้าอะไรบางอย่างที่พรรคพวกของเขาทั้งหมดซ่อนมันไว้อยู่
แล้วทำไมจะต้องยอมปล่อยให้พวกนั้นเล่นตุกติกได้อยู่ฝ่ายเดียวกันล่ะ
"ถ้ามึงมีไม้
กูก็มีมีดแหละวะ ย้ากกก!!!"
'เจ็บชะมัด...'
สองหนุ่มหลังห้องเข้าเรียนมาด้วยสภาพไม่สู้คนสักเท่าไหร่ ซึงฮยอนนั่งเงียบไม่พูดกับใคร มุมปากที่ทั้งเขียวและปูดบวมด้วยฤทธิ์ของไม้หน้าสามยังคงสร้างความเจ็บปวดให้เขายาวนานล่วงเข้าวันที่สามไปแล้ว
"แม่งเอ้ย ชั้นลืมตาซ้ายไม่ได้เลย" อิลฮุนน่าสงสารยิ่งกว่า ทั้งรอบ ๆ ดวงตาที่ม่วงช้ำจนดูสยองและแขนข้างหนึ่งที่ต้องใส่เฝือก "นายทำบุญด้วยอะไรวะทำไมถึงยังหล่ออยู่"
จะขำยังขำไม่ได้ ดีนะที่ปากมันบวมตรงด้านที่ไม่ได้หันไปทางแจจิน ไม่งั้นล่ะน่าอายแย่
ส่วนรายนั้นพอมาถึงโต๊ะก็กล่าวทักทายคนข้าง ๆ อย่างเคอะเขิน รอบนี้ไม่มีองครักษ์ พัค จีบิน เดินมาส่งเหมือนอย่างเคยแล้ว แจจินอยากคุยกับซึงฮยอนแต่ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร
บางทีการถามไถ่เกี่ยวกับการบ้านอาจเป็นตัวเลือกที่ดี
"ซึงฮยอน นายส่งรายงานวิชาประวัติศ-- โอ๊ะ! นั่น หน้านายไปโดนอะไรมาน่ะ!"
อีกคนก็ตื่นเต้นกับการทักทายเมื่อกี้จนลืมไปว่าตัวเองมีแผลฟกช้ำเต็มใบหน้า ซึงฮยอนรีบหันมายิ้มให้คนตัวเล็ก เจ็บปากมากแต่ก็คุ้มค่าอยู่เพราะว่าตอนนี้แจจินกำลังแสดงท่าทางเป็นห่วงเขาสุดขีด
"โดนไม้ฟาดมาเอง ไม่มีอะไรมากหรอก" เพื่อนผู้หวังดีตอบคำถามให้แทน
"ปกติโดนหนักกันอย่างนี้อยู่แล้วรึเปล่า"
สองโจ๋ส่ายหน้ารัว ๆ พร้อมกัน แจจินหัวเราะให้กับสภาพอันดูไม่ได้ของพวกเขา แต่ดูเหมือนซึงฮยอนจะเป็นที่สนใจมากกว่านิดหน่อย เจ้าของรอยเขียวที่มุมปากทำได้แค่ยิ้มเบี้ยว ๆ กลับไปให้
"ได้ทายาบ้างมั้ย ที่ปากน่ะ" นิ้วเรียวจิ้มเบา ๆ แถวมุมปากของตัวเอง
ร่างสูงส่ายหัวอีกรอบ รอยบุ๋มบนแก้มนุ่มตรงที่นิ้วมือกดลงไปทำให้เขามีความสุขเวลาได้มองมัน ตกอยู่ในภวังค์ได้ไม่นานนักซึงฮยอนก็เห็นแจจินหยิบกระปุกขี้ผึ้งแก้ปวดบวมออกมาจากกระเป๋า
มือที่บรรจงทายาหม่องให้ซึงฮยอนอย่างอ่อนโยนแทบจะหยุดโลกทั้งใบเอาไว้ในวินาทีนั้น แจจินเผยอริมฝีปากโดยไม่รู้ตัวระหว่างที่เขากำลังตั้งใจทำหน้าที่เป็นพยายาลชั่วคราวให้เพื่อนร่วมห้องทำเอาคนที่มองอยู่ละสายตาไปจากอวัยวะนั้นไม่ได้เลย
และอิลฮุน...ที่ได้แต่นั่งกระพริบตาปริบ ๆ อย่างคาดไม่ถึง
"เย็นนี้กลับบ้านด้วยกันนะ"
"โอเค"
"เดี๋ยวนี้ลูกพี่เขาไม่ค่อยมาที่นี่เลยว่ามั้ย"
"ถ้าบอกว่าซึงฮยอนกำลังติดเด็กคนนึงอยู่ เอ็งจะเชื่อปะวะ"
"ว่าไงนะ จริงเหรอ"
"เนี่ย อิลฮุนมาโน่นละ ลองถามมันดูสิ"
ณ โกดังร้างที่สุมหัวหลักของแก๊งยังคงไร้วี่แววหัวหน้าที่ช่วงนี้มีข่าวลือไปทั่วว่าเขากำลังอินเลิฟ สองเดือนที่ผ่านมา อาณาเขตของหลาย ๆ โรงเรียนในย่านนี้ได้กลายเป็นพื้นที่ภายใต้การดูแลของพวกเขา
ไม่ได้แปลว่าถูกครอบครอง
แต่หมายถึงว่าจะไม่มีใครกล้าลองดีกับซึงฮยอนอีก
"เห้ย อิลฮุน ที่หัวหน้าเราไม่ค่อยเรียกประชุมนี่เป็นเพราะเขาอยู่กับเด็กเหรอวะ"
"อืม" อิลฮุนพยักหน้า ช่วงนี้มันไม่ได้มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง จะให้ซึงฮยอนไปทำอะไรอย่างอื่นบ้างก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียหายอยู่แล้ว
"แบบนั้นมันจะไม่เสี่ยงไปเหรอ" พัค อูจิน รองหัวหน้าแก๊งพูดขึ้น "พวกไอ้ยงฮวามันจ้องจะเอาคืนเราอยู่ตลอด อีกอย่าง ชั้นรู้มาว่าแพ้ครั้งก่อนลูกน้องมันหายหน้าหายตาไปพักฟื้นกันตั้งเกือบสิบคน"
"นั่นสิ มันรอล้างแค้นเราแน่" หลายคนในนั้นเริ่มเห็นด้วย
สีหน้าเป็นกังวลของสมาชิกคนอื่น ๆ และคำพูดของอูจินทำให้เขาต้องหันมาให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ดูบ้าง เพื่อนรักของอิลฮุนอาจกำลังพยายามสลัดคราบแบดบอยของตัวเองเพื่อเอาใจแจจิน แต่สิ่งที่ซึงฮยอนทำมันขัดกันกับธรรมเนียมปฏิบัติของแก๊ง
"ไว้ชั้นจะคุยกับเขาให้ละกัน"
"หรืออาจต้องเป็นชั้นเอง" มีดสั้นในมืออูจินถูกเขวี้ยงไปปักที่กลางศีรษะของดาราชายคนหนึ่งบนโปสเตอร์เก่าข้างกำแพง "ถ้าหากซึงฮยอนมันไม่ฟังนาย จอง อิลฮุน"
ประตูกระจกถูกผลักเปิดออกพร้อมเสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่บนด้ามจับเขย่าดังกรุ๊งกริ๊ง นักเรียนชายสองคนจูงมือกันกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังตรอกข้าง ๆ คาเฟ่ขนมหวานสถานที่เดทสุดโปรดประจำวันศุกร์ หัวใจของทั้งคู่เต้นแรงแข่งกับพายุที่กำลังโถมกระหน่ำ
ไม่รู้จะรีบออกจากมาร้านทำไม แต่หลบฝนอยู่ใต้หลังคาตึกด้วยกันแบบนี้ก็โรแมนติกไปอีกแบบ
"เมื่อไหร่จะเลิกสั่งน้ำเสาวรสกินสักทีนะ" คนตัวสูงใช้แขนเสื้อซับน้ำฝนตามหน้าผากให้คนตัวเล็ก
"ก็เราชอบอะ" คนพูดยืนตัวสั่นเพราะอากาศเย็น ใบหน้าของอีกฝ่ายเคลื่อนเข้ามาประทับริมฝีปากมอบสัมผัสอุ่นที่ไม่ยาวนานเท่าไหร่
"กลิ่นมันเลี่ยนเหมือนน้ำหอมของปู่"
"นายก็พูดแบบนี้ทุกที"
จูบนุ่มลึกท่ามกลางเสียงเม็ดฝนกระทบสังกะสีที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในคอนเสิร์ตที่มีแค่กลองชุด ความสัมพันธ์ที่ไม่เคยมีใครสารภาพความในใจแต่ทั้งซึงฮยอนและแจจินก็รับรู้ได้ถึงความชอบพอในตัวกันและกันเดินทางมาถึงจุดที่เต็มไปด้วยความหอมหวาน
"วันนี้เราขอไปค้างที่บ้านได้มั้ย"
"ไม่ได้" ปากอิ่มสวนคำตอบออกไปทันควัน
"แล้วเมื่อไหร่จะได้"
"ไม่รู้" แจจินซุกหน้ากับเสื้อนักเรียนตัวชื้น ลอนผมยุ่งกระเพื่อมตามแรงหัวเราะจากการถูกอีกคนจักจี้ "ฮิ ๆ ซึงฮยอน พอเลย คนบ้า"
สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของซึงฮยอนโผล่มาขัดจังหวะทุกอย่างได้พอดิบพอดี ฝนที่เริ่มซาทำให้เขาไม่ต้องตะโกนคุยกับคนในสาย นอกจากนั้น เสียงพูดของซึงฮยอนก็ยังดังพอให้แจจินจับใจความได้ว่าประเด็นเคร่งเครียดครั้งนี้คืออะไร
[...แยกเรื่องสำคัญทั้งสองอย่างให้ออกนะซึงฮยอน ชั้นไม่รู้ว่าอูจินรู้อะไรมาบ้าง แต่ที่มันพูดก็ฟังดูมีน้ำหนัก]
"อืม ชั้นเข้าใจละ"
[จะนัดรวมแก๊งอีกทีเมื่อไหร่ ศุกร์หน้ามั้ย]
"ศุกร์หน้าไม่ได้จริง ๆ ว่ะ"
ร่างเล็กที่ยืนเตะก้อนอิฐเล่นอยู่เหลือบตาขึ้นมามองเขา
[เคาะวันให้ได้ก่อนอูจินโทรหานายละกัน]
"โอเค"
ซึงฮยอนหันไปหาแจจินที่ตอนนี้ยืนกอดอกนิ่ง ใบหน้าที่บอกอารมณ์ไม่เล่นด้วยอีกแล้วจ้องเขม็งมายังคนที่อยู่ในสถานะมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน
"นายเอาแต่อยู่กับเราจนไม่กลับไปหาแก๊งใช่มั้ย"
คำถามนั้นทำให้ซึงฮยอนสะอึกไป
นึกว่าแจจินจะชอบที่เขาเป็นแบบนี้
"ก็ ไม่ได้เข้าไปนานแล้ว ตั้งแต่หลังจากที่ยกพวกไปตีกับ--"
"แต่นายเป็นหัวหน้านะ อย่าทำตัวไม่เอาไหนแบบนี้สิ"
"ไม่เอาไหนงั้นเหรอ" ร่างสูงงงหนักกว่าเดิม ยิ่งเห็นแจจินยู่ปากแบบนั้นยิ่งงง
"ผู้นำที่ดีเขาไม่ทอดทิ้งลูกน้องกันหรอก"
เป็นครั้งแรกที่เขาดุซึงฮยอนเรื่องนี้ ไม่สิ อันที่จริงอี แจจิน น่าจะเป็นเด็กเรียนคนแรกที่เห็นดีเห็นงามกับการกระทำสุดนักเลงและฉายามาเฟียไฮสคูลเลอร์ที่ไม่มีใครกล้าแหย่
นี่ไม่ใช่วิถีของพวกคนดีเลย แม้แต่จีบินก็ยังไม่เห็นมีความคิดแบบนี้
"แล้วจะให้เราทำไง"
"แบ่งเวลาไงซึงฮยอน ช่วงไหนจะอยู่กับเพื่อน ช่วงไหนจะอยู่กับเรา"
"พูดคล้าย ๆ กับอิลฮุนเมื่อกี๊เลย"
"แต่ถ้าวันไหนยุ่งจริง ๆ ตอนกลางคืนหน้าต่างห้องเราอาจจะเปิดรอนายอยู่ก็ได้"
ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของแจจินแล้ว หลังจากหัวเราะจนท้องแข็งซึงฮยอนแกล้งวิ่งไปตรงจุดที่อยู่ข้างใต้หน้าต่างห้องนอนที่กำลังถูกพูดถึง เขาทำทีเป็นหาลู่ทางปีนขึ้นไป ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าของห้องถึงกับขำไม่หยุด
"ศุกร์หน้าหลังเลิกเรียนเราจองตัวนายแล้วนะ" สองคนมายืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ในอนาคตคงจะได้ถูกใช้เป็นบันไดให้ซึงฮยอนปีนขึ้นห้องแจจิน
"ฮิ ๆ จะใช้เราทำแผลให้อีกล่ะสิ" ลมพัดแรงทำเอาหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามใบและกิ่งร่วงพรูลงมาใส่หัว โชคดีที่เขาได้กระเป๋านักเรียนของซึงฮยอนมาบังไว้ให้ทัน
"พูดถึงเรื่องทำแผลแล้วเราอยากถามอะไรหน่อย" ฝ่ายที่ตอนนี้หัวเปียกซกกระเถิบตัวเข้ามาใกล้ "นายพกยาหม่องเป็นนิสัยอยู่แล้วจริง ๆ เหรอ"
"เอ่อ..."
"ตั้งแต่วันที่นายเห็นปากเราบวมแล้วทายาให้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่มั้ยที่นายจะมีของแบบนั้นอยู่ในกระเป๋าอะ"
แจจินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนายเอกในนิยายที่กำลังถูกรุ่นพี่ที่แอบชอบเค้นให้สารภาพความในใจ
ใช่ คนตัวเล็กส่ายหัวแบบเด็ก ๆ ให้ซึงฮยอนรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ กระปุกยาหม่องที่เพิ่งถูกแกะออกจากแพ็คในตอนเช้าหลังจากที่เขานึกได้ว่าก่อนหน้านี้แก๊งของพ่อหนุ่มนักเลงที่ตนเองแอบชอบเพิ่งจะไปมีเรื่องกับเด็กโรงเรียนอื่นมา เสียงซุบซิบในกลุ่มแฟนคลับของซึงฮยอนที่ลอยมาเข้าหูแจจินบอกกับเขาว่าถึงจะได้รับชัยชนะแต่ทั้งสองแก๊งก็เจ็บหนักเอาเรื่อง แทบจะไม่คิดอะไรอีก นักเรียนใหม่คนนี้รีบเลี้ยวเข้าร้านขายยา ถามเภสัชกรว่าถ้าเพื่อนของเขาโดนต่อยมามันพอจะมียาตัวไหนช่วยได้บ้าง
ส่วนเรื่องราวต่อจากนั้น...
ก็เป็นอย่างที่เห็น
"...ก็เราชอบนายหนิ" แจจินก้มหน้าทำแก้มป่อง "เวลานายชอบใครนายไม่อยากทำอะไรให้คนที่นายชอบบ้างเหรอ"
"ก็นี่ไง อีกเจ็ดวันก็จะถึงวันเกิดคนที่เราชอบแล้ว" ซึงฮยอนก้มตัวตามลงไปฉีกยิ้มหวานใส่อีกคน "จะซื้อของขวัญอะไรไปเซอร์ไพรส์เขาดีล่ะเนี่ย"
กว่าจะได้กลับเข้าบ้านจริง ๆ ก็ปาไปเกือบทุ่ม สองหนุ่มใช้เวลาอยู่ด้วยกันตรงนั้นยันมืดค่ำเพราะไม่มีใครอยากบอกลาใครก่อน พวกเขาจูบกันเป็นสิบหนและแจจินก็ได้แต่หวังว่าซึงฮยอนจะเข้าใจสิ่งที่คุยกันวันนี้ ทั้งเรื่องการเป็นหัวหน้าแก๊งที่ดีแล้วก็เรื่องทำแผล
ใบหน้าอันแสนคาดหวังในตัวผู้นำคนใหม่ของสมาชิกแก๊งทั้งรุ่นเก่าและรุ่นปัจจุบันยังคงเป็นสิ่งที่ตัวเองจดจำได้ตลอดมา ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในวินาทีที่ทุกคนเลือกเขา การสาบานตนเบื้องหน้ารุ่นพี่จงฮุนกับรุ่นพี่ฮงกี รวมถึงช่วงเวลาแห่งศักดิ์ศรีที่แต่ละคนผ่านพ้นมาด้วยกัน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตัวก่อร่างสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้ชายที่ชื่อ ซง ซึงฮยอน
แต่ทำไมกัน พอเริ่มมีความรักแล้วทำไมเขาถึงได้ปล่อยให้มันเข้ามามีความสำคัญเหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้
จะมีใครช่วยให้คำแนะนำกับซึงฮยอนได้ไหม
"ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชั้นจะต้องมาเป็นที่ปรึกษาให้นาย" บุรุษท่าทางภูมิฐานอัดควันบุหรี่เข้าปอดและพ่นมันออกก่อนจะหันมาหาคู่สนทนา "กับเรื่องความรัก"
อย่าให้เรื่องรักใคร่มีอิทธิพลเหนือกว่าปณิธานสูงสุดของแก๊ง นี่คือข้อปฏิบัติอันดับแรก ๆ สำหรับคนที่เป็นผู้นำ มีเหตุการณ์น่าสลดหลายครั้งหลายหนที่สมาชิกรุ่นก่อน ๆ ได้สร้างบทเรียนทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังดูและไม่คิดที่จะทำตามหรือเป็นอย่างพวกเขา
เพราะว่า ความรัก นอกจากมันจะบ่อนทำลายสภาพจิตใจที่ควรหนักแน่นและมั่นคงอยู่กับพรรคพวก ในอดีตเราอาจรักตัวเอง รักเพื่อนฝูง แต่เมื่อใดก็ตามที่เราเริ่มรักใคร เมื่อใดก็ตามที่เรากล้าพูดว่าเรายอมแลกทุกสิ่งแม้กระทั่งชีวิตของเราเพื่อเขา เมื่อนั้น จุดอ่อนของผู้นำจะปรากฏและกำเนิดเป็นเส้นทางลัดสายใหญ่ให้กับศัตรูที่จ้องจะกำจัดเรา....ทุกคน
"พี่คิดว่ากฎนี่มันงี่เง่ามั้ยครับ" เด็กหนุ่มผู้ที่ควรต้องได้รับคำแนะนำอีกมากมายถามขึ้นด้วยอารมณ์คิดไม่ตก
"เคยคิด" ผงสีเทาถูกเคาะให้กระเด็นปลิวออกไปจากมวนยาสูบ "จนกระทั่งชั้นได้รู้อะไรบางอย่าง"
"รู้อะไรเหรอครับ รุ่นพี่ชางซอบ"
"รู้ว่ากฎนั่นมันไม่ได้มีไว้เพื่อห้าม" อดีตหัวหน้าแก๊งใช้น้ำเสียงราบเรียบแบบคนที่ผ่านอะไรมามาก "แต่มันมีไว้ให้เราเรียนรู้"
"หมายความว่าเราต้องลองฝ่าฝืนมันรึเปล่าครับ" ใบหน้าของแจจินผุดขึ้นมาในความคิดของซึงฮยอนอีกครั้งในรอบห้านาที
"ไม่ใช่ ซึงฮยอน ถ้าจะเรียนรู้จากผลที่ตามมาของการฝ่าฝืนกฎ มันก็มีคนเคยทำไว้ให้ดูอยู่แล้ว" รุ่นพี่คนสนิทสั่งสอนเขาต่อ "นายอยากเอาคนรักมาเสี่ยงกับเรื่องอย่างนี้จริง ๆ เหรอ"
"เอ่อ ไม่"
"งั้นก็หาวิธีที่จะรักษาสมดุลของสองสิ่งนี้ให้ได้สิ"
ที่ห้องเรียน อิลฮุนที่นั่งสะลึมสะลืออยู่สะดุ้งโหยงเมื่อเจอแรงฝ่ามือของเพื่อนรักฟาดเรียกสติเข้าให้ นานแล้วเหมือนกันที่ซึงฮยอนไม่ได้เล่นแรง ๆ ใส่เขาแบบนี้
"นายจะหลับอะไรตั้งแต่ยังไม่เริ่มคาบแรกวะเนี่ย" สหายร่างสูงยืนบ่นค้ำหัวเขาหน้าตาเฉย "เอาฮอทดอกมั้ย ซื้อมาฝาก"
"ฮึ..." แปลกในแปลกในแปลก ไอ้นี่ปกติเห็นมันแคร์แต่กับแฟนมันซึ่งเป็นแฟนกันรึยังก็ไม่รู้ ทำไมคราวนี้ถึงมีโมเม้นท์ซื้อมื้อเช้ามาแบ่งอิลฮุนได้
"พรุ่งนี้อย่าเบี้ยวประชุมนะ ห้าโมงเย็นที่เดิม เพิ่มเติมคือชั้นเลี้ยงไก่ทอด"
"ป๋ามาจากไหนวะคุณหัวหน้าแก๊ง" ปากที่เคี้ยวขนมปังกับไส้กรอกตุ้ย ๆ เอ่ยขึ้นอย่างทึ่ง ๆ
"ก็ ถือว่าเป็นการชดเชยที่ชั้นไม่เข้าไปโกดังเลยไง" คนขายาวนั่งไขว่ห้างเป่าลูกโป่งหมากฝรั่งสบายใจเฉิบ "ซื้อใจไอ้อูจินมัน"
ถึงตัวจะคุยกับอิลฮุนแต่มือข้างหนึ่งที่จับจูงพานักเรียนอีกคนเข้าห้องมาด้วยตั้งแต่แรกก็ยังคงจับกันอยู่ไม่มีปล่อย เด็กผู้ชายด้านขวานั่งอมยิ้มเมื่อซึงฮยอนแกล้งบีบมือเล็ก ๆ ของเขาแน่นขึ้น พอรู้ว่ากำลังถูกจ้อง แจจินก็ต้องทำเป็นก้มหน้าก้มตาปั่นการบ้านของตัวเองต่อไป
"ส่วนนาย เย็นนี้ก็ห้ามเบี้ยวนัดกินข้าวเราเหมือนกัน"
เวิร์ค-ไลฟ์ บาลานซ์ กับการบริหารจัดการชีวิตของซึงฮยอนเริ่มเห็นวี่แววของความไปได้สวย แจจินแฮปปี้ที่การพูดคุยกันครั้งนั้นไม่สูญเปล่า ที่แก๊งก็พยายามเข้าใจว่าที่่ผ่านมาหัวหน้าของพวกเขาอาจจะมีปัญหากับการจัดลำดับความสำคัญไปบ้าง
แต่ไก่ทอดรสเผ็ดของร้านนี้ก็อร่อยใช่ย่อย
"ไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนเราจะตกหลุมรักแบดบอยตัวพ่อของโรงเรียน แถมเจ้านั่นก็ยังคิดกับนายแบบเดียวกันอีก"
จีบีนกับแจจินกลับบ้านด้วยกันครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ไม่มีใครจำได้ และแน่นอนว่าเมื่อมีโอกาสแล้ว ประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับซึงฮยอนก็จะต้องถูกหยิบมาพูดถึงเหมือนเคย
"แล้วมันแปลกมากหรือไง"
"หืม" จีบินเหวอไปที่อยู่ ๆ แจจินก็ชักสีหน้าใส่เขา "ก็--"
"มันผิดเหรอที่เด็กเรียนอย่างเราจะชอบคนแบบซึงฮยอนอะ" ร่างเล็กเริ่มไม่สบอารมณ์ ตั้งแต่ครั้งแรกที่บอกกับจีบินไปว่าเขาชอบซึงฮยอนหมอนี่ก็เอาแต่พูดกับเขาว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่มีทางที่ซึงฮยอนจะชอบเขากลับ
"ก็เราคิดว่ามันจะมีแต่ในนิยายนี่นา" หนุ่มหน้าหวานเกาหัวแกรก ๆ "คือ นายเข้าใจใช่ปะ นักเลงกับนักเรียนเป็นแฟนกัน พล็อตแบบน้ำเน่า ๆ นิดนึง"
"แต่ของเรามันไม่น้ำเน่าสักหน่อย"
"อ่าค้าบ ก็ถึงได้บอกว่าไม่อยากเชื่อเลยไง"
เห็นทีจะต้องปรับทัศนคติ เอ้ย ง้อกันอีกยาว จีบินตัดสินใจพาเพื่อนเลี้ยวแวะรถขายไอติมข้างทาง เลี้ยงซอฟต์เสิร์ฟเขาสักโคนเพื่อให้อะไรเย็น ๆ ได้เข้าไปดับไฟโมโหในร่างกาย
"เออ แจจิน"
"อะไร"
"แล้ววันเกิดนายพรุ่งนี้ ซึงฮยอนเขาจะพานายไปไหนอะ"
'โรงแรมเหรอ!'
หัวใจเจ้าของวันเกิดหล่นวูบลงไปอยู่ที่เท้า ก่อนหน้านี้คนที่พาเขามาถึงที่นี่ไม่ได้บอกใบ้อะไรสักคำ ซึงฮยอนหันมาหาแจจินที่ตอนนี้อึ้งค้างไปแล้ว
"ได้มั้ยแจจิน" ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
กว่าจะรู้ตัวว่าตอบตกลงกับซึงฮยอนไปพวกเขาก็เข้ามาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสีหวานที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นกันเรียบร้อย ไม่มีบทสนทนาใด ๆ สองคนยืนจ้องหน้ากันท่ามกลางแสงไฟสลัวที่พยายามดึงเอาความต้องการในตัวของแต่ละฝ่ายออกมา
"สุขสันต์วันเกิดนะ" กลายเป็นซึงฮยอนที่พลั้งพูดเป็นคนแรก และแจจินที่เคลื่อนกายเข้าไปใกล้เขามากขึ้น
"ทำไมไม่ให้ของขวัญแบบคนอื่นล่ะ" ใบหน้าที่ซ่อนยิ้มไม่มิดเงยขึ้นให้ปลายจมูกชนกับคางของคนตัวโต
"ศุกร์หน้าไม่ได้จริง ๆ ว่ะ"
ร่างเล็กที่ยืนเตะก้อนอิฐเล่นอยู่เหลือบตาขึ้นมามองเขา
[เคาะวันให้ได้ก่อนอูจินโทรหานายละกัน]
"โอเค"
ซึงฮยอนหันไปหาแจจินที่ตอนนี้ยืนกอดอกนิ่ง ใบหน้าที่บอกอารมณ์ไม่เล่นด้วยอีกแล้วจ้องเขม็งมายังคนที่อยู่ในสถานะมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน
"นายเอาแต่อยู่กับเราจนไม่กลับไปหาแก๊งใช่มั้ย"
คำถามนั้นทำให้ซึงฮยอนสะอึกไป
นึกว่าแจจินจะชอบที่เขาเป็นแบบนี้
"ก็ ไม่ได้เข้าไปนานแล้ว ตั้งแต่หลังจากที่ยกพวกไปตีกับ--"
"แต่นายเป็นหัวหน้านะ อย่าทำตัวไม่เอาไหนแบบนี้สิ"
"ไม่เอาไหนงั้นเหรอ" ร่างสูงงงหนักกว่าเดิม ยิ่งเห็นแจจินยู่ปากแบบนั้นยิ่งงง
"ผู้นำที่ดีเขาไม่ทอดทิ้งลูกน้องกันหรอก"
เป็นครั้งแรกที่เขาดุซึงฮยอนเรื่องนี้ ไม่สิ อันที่จริงอี แจจิน น่าจะเป็นเด็กเรียนคนแรกที่เห็นดีเห็นงามกับการกระทำสุดนักเลงและฉายามาเฟียไฮสคูลเลอร์ที่ไม่มีใครกล้าแหย่
นี่ไม่ใช่วิถีของพวกคนดีเลย แม้แต่จีบินก็ยังไม่เห็นมีความคิดแบบนี้
"แล้วจะให้เราทำไง"
"แบ่งเวลาไงซึงฮยอน ช่วงไหนจะอยู่กับเพื่อน ช่วงไหนจะอยู่กับเรา"
"พูดคล้าย ๆ กับอิลฮุนเมื่อกี๊เลย"
"แต่ถ้าวันไหนยุ่งจริง ๆ ตอนกลางคืนหน้าต่างห้องเราอาจจะเปิดรอนายอยู่ก็ได้"
ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของแจจินแล้ว หลังจากหัวเราะจนท้องแข็งซึงฮยอนแกล้งวิ่งไปตรงจุดที่อยู่ข้างใต้หน้าต่างห้องนอนที่กำลังถูกพูดถึง เขาทำทีเป็นหาลู่ทางปีนขึ้นไป ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าของห้องถึงกับขำไม่หยุด
"ศุกร์หน้าหลังเลิกเรียนเราจองตัวนายแล้วนะ" สองคนมายืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ในอนาคตคงจะได้ถูกใช้เป็นบันไดให้ซึงฮยอนปีนขึ้นห้องแจจิน
"ฮิ ๆ จะใช้เราทำแผลให้อีกล่ะสิ" ลมพัดแรงทำเอาหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามใบและกิ่งร่วงพรูลงมาใส่หัว โชคดีที่เขาได้กระเป๋านักเรียนของซึงฮยอนมาบังไว้ให้ทัน
"พูดถึงเรื่องทำแผลแล้วเราอยากถามอะไรหน่อย" ฝ่ายที่ตอนนี้หัวเปียกซกกระเถิบตัวเข้ามาใกล้ "นายพกยาหม่องเป็นนิสัยอยู่แล้วจริง ๆ เหรอ"
"เอ่อ..."
"ตั้งแต่วันที่นายเห็นปากเราบวมแล้วทายาให้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่มั้ยที่นายจะมีของแบบนั้นอยู่ในกระเป๋าอะ"
แจจินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนายเอกในนิยายที่กำลังถูกรุ่นพี่ที่แอบชอบเค้นให้สารภาพความในใจ
ใช่ คนตัวเล็กส่ายหัวแบบเด็ก ๆ ให้ซึงฮยอนรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ กระปุกยาหม่องที่เพิ่งถูกแกะออกจากแพ็คในตอนเช้าหลังจากที่เขานึกได้ว่าก่อนหน้านี้แก๊งของพ่อหนุ่มนักเลงที่ตนเองแอบชอบเพิ่งจะไปมีเรื่องกับเด็กโรงเรียนอื่นมา เสียงซุบซิบในกลุ่มแฟนคลับของซึงฮยอนที่ลอยมาเข้าหูแจจินบอกกับเขาว่าถึงจะได้รับชัยชนะแต่ทั้งสองแก๊งก็เจ็บหนักเอาเรื่อง แทบจะไม่คิดอะไรอีก นักเรียนใหม่คนนี้รีบเลี้ยวเข้าร้านขายยา ถามเภสัชกรว่าถ้าเพื่อนของเขาโดนต่อยมามันพอจะมียาตัวไหนช่วยได้บ้าง
ส่วนเรื่องราวต่อจากนั้น...
ก็เป็นอย่างที่เห็น
"...ก็เราชอบนายหนิ" แจจินก้มหน้าทำแก้มป่อง "เวลานายชอบใครนายไม่อยากทำอะไรให้คนที่นายชอบบ้างเหรอ"
"ก็นี่ไง อีกเจ็ดวันก็จะถึงวันเกิดคนที่เราชอบแล้ว" ซึงฮยอนก้มตัวตามลงไปฉีกยิ้มหวานใส่อีกคน "จะซื้อของขวัญอะไรไปเซอร์ไพรส์เขาดีล่ะเนี่ย"
กว่าจะได้กลับเข้าบ้านจริง ๆ ก็ปาไปเกือบทุ่ม สองหนุ่มใช้เวลาอยู่ด้วยกันตรงนั้นยันมืดค่ำเพราะไม่มีใครอยากบอกลาใครก่อน พวกเขาจูบกันเป็นสิบหนและแจจินก็ได้แต่หวังว่าซึงฮยอนจะเข้าใจสิ่งที่คุยกันวันนี้ ทั้งเรื่องการเป็นหัวหน้าแก๊งที่ดีแล้วก็เรื่องทำแผล
ใบหน้าอันแสนคาดหวังในตัวผู้นำคนใหม่ของสมาชิกแก๊งทั้งรุ่นเก่าและรุ่นปัจจุบันยังคงเป็นสิ่งที่ตัวเองจดจำได้ตลอดมา ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในวินาทีที่ทุกคนเลือกเขา การสาบานตนเบื้องหน้ารุ่นพี่จงฮุนกับรุ่นพี่ฮงกี รวมถึงช่วงเวลาแห่งศักดิ์ศรีที่แต่ละคนผ่านพ้นมาด้วยกัน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตัวก่อร่างสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้ชายที่ชื่อ ซง ซึงฮยอน
แต่ทำไมกัน พอเริ่มมีความรักแล้วทำไมเขาถึงได้ปล่อยให้มันเข้ามามีความสำคัญเหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้
จะมีใครช่วยให้คำแนะนำกับซึงฮยอนได้ไหม
"ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชั้นจะต้องมาเป็นที่ปรึกษาให้นาย" บุรุษท่าทางภูมิฐานอัดควันบุหรี่เข้าปอดและพ่นมันออกก่อนจะหันมาหาคู่สนทนา "กับเรื่องความรัก"
อย่าให้เรื่องรักใคร่มีอิทธิพลเหนือกว่าปณิธานสูงสุดของแก๊ง นี่คือข้อปฏิบัติอันดับแรก ๆ สำหรับคนที่เป็นผู้นำ มีเหตุการณ์น่าสลดหลายครั้งหลายหนที่สมาชิกรุ่นก่อน ๆ ได้สร้างบทเรียนทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังดูและไม่คิดที่จะทำตามหรือเป็นอย่างพวกเขา
เพราะว่า ความรัก นอกจากมันจะบ่อนทำลายสภาพจิตใจที่ควรหนักแน่นและมั่นคงอยู่กับพรรคพวก ในอดีตเราอาจรักตัวเอง รักเพื่อนฝูง แต่เมื่อใดก็ตามที่เราเริ่มรักใคร เมื่อใดก็ตามที่เรากล้าพูดว่าเรายอมแลกทุกสิ่งแม้กระทั่งชีวิตของเราเพื่อเขา เมื่อนั้น จุดอ่อนของผู้นำจะปรากฏและกำเนิดเป็นเส้นทางลัดสายใหญ่ให้กับศัตรูที่จ้องจะกำจัดเรา....ทุกคน
"พี่คิดว่ากฎนี่มันงี่เง่ามั้ยครับ" เด็กหนุ่มผู้ที่ควรต้องได้รับคำแนะนำอีกมากมายถามขึ้นด้วยอารมณ์คิดไม่ตก
"เคยคิด" ผงสีเทาถูกเคาะให้กระเด็นปลิวออกไปจากมวนยาสูบ "จนกระทั่งชั้นได้รู้อะไรบางอย่าง"
"รู้อะไรเหรอครับ รุ่นพี่ชางซอบ"
"รู้ว่ากฎนั่นมันไม่ได้มีไว้เพื่อห้าม" อดีตหัวหน้าแก๊งใช้น้ำเสียงราบเรียบแบบคนที่ผ่านอะไรมามาก "แต่มันมีไว้ให้เราเรียนรู้"
"หมายความว่าเราต้องลองฝ่าฝืนมันรึเปล่าครับ" ใบหน้าของแจจินผุดขึ้นมาในความคิดของซึงฮยอนอีกครั้งในรอบห้านาที
"ไม่ใช่ ซึงฮยอน ถ้าจะเรียนรู้จากผลที่ตามมาของการฝ่าฝืนกฎ มันก็มีคนเคยทำไว้ให้ดูอยู่แล้ว" รุ่นพี่คนสนิทสั่งสอนเขาต่อ "นายอยากเอาคนรักมาเสี่ยงกับเรื่องอย่างนี้จริง ๆ เหรอ"
"เอ่อ ไม่"
"งั้นก็หาวิธีที่จะรักษาสมดุลของสองสิ่งนี้ให้ได้สิ"
ที่ห้องเรียน อิลฮุนที่นั่งสะลึมสะลืออยู่สะดุ้งโหยงเมื่อเจอแรงฝ่ามือของเพื่อนรักฟาดเรียกสติเข้าให้ นานแล้วเหมือนกันที่ซึงฮยอนไม่ได้เล่นแรง ๆ ใส่เขาแบบนี้
"นายจะหลับอะไรตั้งแต่ยังไม่เริ่มคาบแรกวะเนี่ย" สหายร่างสูงยืนบ่นค้ำหัวเขาหน้าตาเฉย "เอาฮอทดอกมั้ย ซื้อมาฝาก"
"ฮึ..." แปลกในแปลกในแปลก ไอ้นี่ปกติเห็นมันแคร์แต่กับแฟนมันซึ่งเป็นแฟนกันรึยังก็ไม่รู้ ทำไมคราวนี้ถึงมีโมเม้นท์ซื้อมื้อเช้ามาแบ่งอิลฮุนได้
"พรุ่งนี้อย่าเบี้ยวประชุมนะ ห้าโมงเย็นที่เดิม เพิ่มเติมคือชั้นเลี้ยงไก่ทอด"
"ป๋ามาจากไหนวะคุณหัวหน้าแก๊ง" ปากที่เคี้ยวขนมปังกับไส้กรอกตุ้ย ๆ เอ่ยขึ้นอย่างทึ่ง ๆ
"ก็ ถือว่าเป็นการชดเชยที่ชั้นไม่เข้าไปโกดังเลยไง" คนขายาวนั่งไขว่ห้างเป่าลูกโป่งหมากฝรั่งสบายใจเฉิบ "ซื้อใจไอ้อูจินมัน"
ถึงตัวจะคุยกับอิลฮุนแต่มือข้างหนึ่งที่จับจูงพานักเรียนอีกคนเข้าห้องมาด้วยตั้งแต่แรกก็ยังคงจับกันอยู่ไม่มีปล่อย เด็กผู้ชายด้านขวานั่งอมยิ้มเมื่อซึงฮยอนแกล้งบีบมือเล็ก ๆ ของเขาแน่นขึ้น พอรู้ว่ากำลังถูกจ้อง แจจินก็ต้องทำเป็นก้มหน้าก้มตาปั่นการบ้านของตัวเองต่อไป
"ส่วนนาย เย็นนี้ก็ห้ามเบี้ยวนัดกินข้าวเราเหมือนกัน"
เวิร์ค-ไลฟ์ บาลานซ์ กับการบริหารจัดการชีวิตของซึงฮยอนเริ่มเห็นวี่แววของความไปได้สวย แจจินแฮปปี้ที่การพูดคุยกันครั้งนั้นไม่สูญเปล่า ที่แก๊งก็พยายามเข้าใจว่าที่่ผ่านมาหัวหน้าของพวกเขาอาจจะมีปัญหากับการจัดลำดับความสำคัญไปบ้าง
แต่ไก่ทอดรสเผ็ดของร้านนี้ก็อร่อยใช่ย่อย
"ไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนเราจะตกหลุมรักแบดบอยตัวพ่อของโรงเรียน แถมเจ้านั่นก็ยังคิดกับนายแบบเดียวกันอีก"
จีบีนกับแจจินกลับบ้านด้วยกันครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ไม่มีใครจำได้ และแน่นอนว่าเมื่อมีโอกาสแล้ว ประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับซึงฮยอนก็จะต้องถูกหยิบมาพูดถึงเหมือนเคย
"แล้วมันแปลกมากหรือไง"
"หืม" จีบินเหวอไปที่อยู่ ๆ แจจินก็ชักสีหน้าใส่เขา "ก็--"
"มันผิดเหรอที่เด็กเรียนอย่างเราจะชอบคนแบบซึงฮยอนอะ" ร่างเล็กเริ่มไม่สบอารมณ์ ตั้งแต่ครั้งแรกที่บอกกับจีบินไปว่าเขาชอบซึงฮยอนหมอนี่ก็เอาแต่พูดกับเขาว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่มีทางที่ซึงฮยอนจะชอบเขากลับ
"ก็เราคิดว่ามันจะมีแต่ในนิยายนี่นา" หนุ่มหน้าหวานเกาหัวแกรก ๆ "คือ นายเข้าใจใช่ปะ นักเลงกับนักเรียนเป็นแฟนกัน พล็อตแบบน้ำเน่า ๆ นิดนึง"
"แต่ของเรามันไม่น้ำเน่าสักหน่อย"
"อ่าค้าบ ก็ถึงได้บอกว่าไม่อยากเชื่อเลยไง"
เห็นทีจะต้องปรับทัศนคติ เอ้ย ง้อกันอีกยาว จีบินตัดสินใจพาเพื่อนเลี้ยวแวะรถขายไอติมข้างทาง เลี้ยงซอฟต์เสิร์ฟเขาสักโคนเพื่อให้อะไรเย็น ๆ ได้เข้าไปดับไฟโมโหในร่างกาย
"เออ แจจิน"
"อะไร"
"แล้ววันเกิดนายพรุ่งนี้ ซึงฮยอนเขาจะพานายไปไหนอะ"
'โรงแรมเหรอ!'
หัวใจเจ้าของวันเกิดหล่นวูบลงไปอยู่ที่เท้า ก่อนหน้านี้คนที่พาเขามาถึงที่นี่ไม่ได้บอกใบ้อะไรสักคำ ซึงฮยอนหันมาหาแจจินที่ตอนนี้อึ้งค้างไปแล้ว
"ได้มั้ยแจจิน" ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
กว่าจะรู้ตัวว่าตอบตกลงกับซึงฮยอนไปพวกเขาก็เข้ามาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสีหวานที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นกันเรียบร้อย ไม่มีบทสนทนาใด ๆ สองคนยืนจ้องหน้ากันท่ามกลางแสงไฟสลัวที่พยายามดึงเอาความต้องการในตัวของแต่ละฝ่ายออกมา
"สุขสันต์วันเกิดนะ" กลายเป็นซึงฮยอนที่พลั้งพูดเป็นคนแรก และแจจินที่เคลื่อนกายเข้าไปใกล้เขามากขึ้น
"ทำไมไม่ให้ของขวัญแบบคนอื่นล่ะ" ใบหน้าที่ซ่อนยิ้มไม่มิดเงยขึ้นให้ปลายจมูกชนกับคางของคนตัวโต
"เราไง ของขวัญของนาย"
แจจินหัวเราะพลางยกแขนขึ้นโอบรอบคอของขวัญชิ้นยักษ์ของตัวเอง
"ไหน บอกซิ ของขวัญชิ้นนี้ทำอะไรได้บ้าง"
"ทำ...ให้คนที่เกิดวันนี้มีความสุขครับ"
ไม่มีช่วงเวลาไหนเหมาะเท่าตอนนี้อีก...
"ซึงฮยอนนี่" เสียงอ่อยกระซิบเรียกคนรักอยู่ข้างหู แผงอกเปลือยเปล่าถูกปลายนิ้วเรียวลูบไล้ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำ
"ว่า..."
"รู้มั้ยเราชอบนายที่ตรงไหน"
สองคนขยับย้ายร่างขึ้นมานั่งบนที่นอน ลมหายใจร้อนรินรดริมฝีปากกันและกันเมื่อทั้งคู่ปรารถนาที่จะจูบ...
"ตรงไหนเหรอ" หน้าแนบหน้ายับยั้งจุมพิตที่อาจขัดขวางบทสนทนาสำคัญ
"เราไม่ได้ชอบที่นายพยายามเป็นแบบเรา"
"..."
"ที่นายออกห่างจากแก๊ง ลบภาพลักษณ์เด็กเกเรเที่ยวต่อยตีชาวบ้าน" มือเล็กกุมมือใหญ่ไว้หลวม ๆ "เราไม่ชอบที่นายไม่เป็นนาย"
"แจจิน..."
"เราชอบซง ซึงฮยอน ที่เป็นแบดบอยไม่ใช่กู๊ดบอย"
เคยบอกเป็นนัยตั้งแต่ตอนที่เขาสารภาพเรื่องยาหม่องแล้ว หากไม่ยินดีจริง ๆ เรื่องอะไรแจจินจะต้องคอยปฐมพยาบาลทำแผลให้เขาอยู่เรื่อยล่ะ
ซง ซึงฮยอนน่ะมีชุดความคิดที่ไม่ได้ต่างไปจากจีบินเพื่อนเขาหรอก ชอบก็คือชอบ ถ้าคบกันแล้วมันรอดก็คือรอด ไลฟ์สไตล์อาจเป็นปัจจัยแต่ไม่ใช่ทั้งหมด
ซึ่ง ระยะเวลาสองเดือนกว่านี่ยังพิสูจน์ไม่ได้อีกเหรอว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้มันเวิร์ค
อีกทั้ง ครั้งแรกของพวกเขาที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่่นาทีที่ผ่านมานั่นด้วย
"ง่า ยังทันใช่มั้ยถ้าเราจะบอกว่าขอโทษ" ฝ่ายที่หูตาสว่างแล้วเอานิ้วเขี่ยริมฝีปากล่างของอีกคนเล่นเป็นเชิงอ้อน
"ถ้าบอกว่าไม่ทันก็คงไม่ต่างอะไรกับฟันแล้วทิ้งอะ"
"อูย ได้กันแล้วพูดจาน่ากลัวขึ้นเยอะเลยแฮะ"
ซึงฮยอนถึงกับซู้ดน้ำลาย เคลียร์กันเสร็จก็จูบปิดท้ายสักนิด อีกแปบนึงแจจินก็ต้องกลับบ้านไปเลี้ยงฉลองกับครอบครัว น่าเสียดายอยู่หน่อย ๆ ที่มีครั้งแรกแต่ยังไม่มีครั้งที่สองตามมา ต่างคนต่างรีบจัดการตัวเองก่อนจะต้องเดินทางออกจากสถานที่ฉ่ำรักแห่งนี้
จุดนัดพบไม่ร้อนระอุเหมือนหนก่อนอีกแล้ว หนึ่งปีแห่งการเก็บตัวรอวันที่เลือดจะถูกล้างด้วยเลือดผ่านพ้นมาถึงช่วงเดือนธันวาอันหนาวเหน็บ สถานที่โล่งกว้างบรรจุวัยรุ่นในเครื่องแบบนับห้าสิบชีวิตจากสองสถาบัน หัวหน้าของพวกเขา ซึงฮยอนและยงฮวา คู่อาฆาตยืนเผชิญหน้ากันท่ามกลางฝูงนักเรียนที่มาที่นี่เพื่อเอาชนะและชำระแค้น
"เป็นการกลับมาที่ไม่เร็วเท่าไหร่เลยนะ" ซึงฮยอนควงอาวุธเหล็กในมือไปมาเพื่อข่มศัตรู
"อย่าหวังว่ารอบนี้มึงจะรอดไปได้ ไอ้ซึงฮยอน" ยงฮวายิ้มเยาะ
"อ๋องั้นเหรอ จะเล่นสกปรกอะไรอีกล่ะคราวนี้" เกือบทุกเขตในจังหวัดรู้ซึ้งถึงอิทธิพลของซึงฮยอนกันหมดแล้ว ถ้าใครคิดจะมีเรื่องกับเขาก็หมายถึงมีเรื่องกับพวกนั้นด้วย "คิดให้ดีนะ"
"บอกลูกน้องมึงว่าอย่าหันหลังหนีพวกกูก็แล้วกันถ้าถึงตอนนั้น"
"ได้..." คำมั่นของลูกผู้ชายเล็ดลอดผ่านฟันกรามที่ขบกัดกันดังกรอด "ไปเว้ย! สู้ให้พวกมันรู้ว่าใครกันแน่ที่จะไม่รอด ย้าก!!!"
"ย้าก!!!"
.
แจจินหัวเราะพลางยกแขนขึ้นโอบรอบคอของขวัญชิ้นยักษ์ของตัวเอง
"ไหน บอกซิ ของขวัญชิ้นนี้ทำอะไรได้บ้าง"
"ทำ...ให้คนที่เกิดวันนี้มีความสุขครับ"
ไม่มีช่วงเวลาไหนเหมาะเท่าตอนนี้อีก...
"ซึงฮยอนนี่" เสียงอ่อยกระซิบเรียกคนรักอยู่ข้างหู แผงอกเปลือยเปล่าถูกปลายนิ้วเรียวลูบไล้ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำ
"ว่า..."
"รู้มั้ยเราชอบนายที่ตรงไหน"
สองคนขยับย้ายร่างขึ้นมานั่งบนที่นอน ลมหายใจร้อนรินรดริมฝีปากกันและกันเมื่อทั้งคู่ปรารถนาที่จะจูบ...
"ตรงไหนเหรอ" หน้าแนบหน้ายับยั้งจุมพิตที่อาจขัดขวางบทสนทนาสำคัญ
"เราไม่ได้ชอบที่นายพยายามเป็นแบบเรา"
"..."
"ที่นายออกห่างจากแก๊ง ลบภาพลักษณ์เด็กเกเรเที่ยวต่อยตีชาวบ้าน" มือเล็กกุมมือใหญ่ไว้หลวม ๆ "เราไม่ชอบที่นายไม่เป็นนาย"
"แจจิน..."
"เราชอบซง ซึงฮยอน ที่เป็นแบดบอยไม่ใช่กู๊ดบอย"
เคยบอกเป็นนัยตั้งแต่ตอนที่เขาสารภาพเรื่องยาหม่องแล้ว หากไม่ยินดีจริง ๆ เรื่องอะไรแจจินจะต้องคอยปฐมพยาบาลทำแผลให้เขาอยู่เรื่อยล่ะ
ซง ซึงฮยอนน่ะมีชุดความคิดที่ไม่ได้ต่างไปจากจีบินเพื่อนเขาหรอก ชอบก็คือชอบ ถ้าคบกันแล้วมันรอดก็คือรอด ไลฟ์สไตล์อาจเป็นปัจจัยแต่ไม่ใช่ทั้งหมด
ซึ่ง ระยะเวลาสองเดือนกว่านี่ยังพิสูจน์ไม่ได้อีกเหรอว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้มันเวิร์ค
อีกทั้ง ครั้งแรกของพวกเขาที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่่นาทีที่ผ่านมานั่นด้วย
"ง่า ยังทันใช่มั้ยถ้าเราจะบอกว่าขอโทษ" ฝ่ายที่หูตาสว่างแล้วเอานิ้วเขี่ยริมฝีปากล่างของอีกคนเล่นเป็นเชิงอ้อน
"ถ้าบอกว่าไม่ทันก็คงไม่ต่างอะไรกับฟันแล้วทิ้งอะ"
"อูย ได้กันแล้วพูดจาน่ากลัวขึ้นเยอะเลยแฮะ"
ซึงฮยอนถึงกับซู้ดน้ำลาย เคลียร์กันเสร็จก็จูบปิดท้ายสักนิด อีกแปบนึงแจจินก็ต้องกลับบ้านไปเลี้ยงฉลองกับครอบครัว น่าเสียดายอยู่หน่อย ๆ ที่มีครั้งแรกแต่ยังไม่มีครั้งที่สองตามมา ต่างคนต่างรีบจัดการตัวเองก่อนจะต้องเดินทางออกจากสถานที่ฉ่ำรักแห่งนี้
จุดนัดพบไม่ร้อนระอุเหมือนหนก่อนอีกแล้ว หนึ่งปีแห่งการเก็บตัวรอวันที่เลือดจะถูกล้างด้วยเลือดผ่านพ้นมาถึงช่วงเดือนธันวาอันหนาวเหน็บ สถานที่โล่งกว้างบรรจุวัยรุ่นในเครื่องแบบนับห้าสิบชีวิตจากสองสถาบัน หัวหน้าของพวกเขา ซึงฮยอนและยงฮวา คู่อาฆาตยืนเผชิญหน้ากันท่ามกลางฝูงนักเรียนที่มาที่นี่เพื่อเอาชนะและชำระแค้น
"เป็นการกลับมาที่ไม่เร็วเท่าไหร่เลยนะ" ซึงฮยอนควงอาวุธเหล็กในมือไปมาเพื่อข่มศัตรู
"อย่าหวังว่ารอบนี้มึงจะรอดไปได้ ไอ้ซึงฮยอน" ยงฮวายิ้มเยาะ
"อ๋องั้นเหรอ จะเล่นสกปรกอะไรอีกล่ะคราวนี้" เกือบทุกเขตในจังหวัดรู้ซึ้งถึงอิทธิพลของซึงฮยอนกันหมดแล้ว ถ้าใครคิดจะมีเรื่องกับเขาก็หมายถึงมีเรื่องกับพวกนั้นด้วย "คิดให้ดีนะ"
"บอกลูกน้องมึงว่าอย่าหันหลังหนีพวกกูก็แล้วกันถ้าถึงตอนนั้น"
"ได้..." คำมั่นของลูกผู้ชายเล็ดลอดผ่านฟันกรามที่ขบกัดกันดังกรอด "ไปเว้ย! สู้ให้พวกมันรู้ว่าใครกันแน่ที่จะไม่รอด ย้าก!!!"
"ย้าก!!!"
.
.
.
"เฮ้ย ตำรวจมา!!!"
.
"เฮ้ย ตำรวจมา!!!"
.
.
.
เหล่านักเลงพากันวิ่งแตกฮือหลังจากต่อยตีกันไปได้ร่วมสิบนาที ซึงฮยอนเรียกต้อนพรรคพวกออกจากพื้นที่หนีเสียงหวอรถตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เริ่มทยอยเข้ามาล้อมทั้งสองแก๊ง
ปัง!
"อ้าก!!!"
"เวรแล้ว! ซึงฮยอนถูกยิง!"
กระสุนฝ่าพวกเขามาจากฝั่งของพวกยงฮวา อิลฮุนกับอูจินรีบวิ่งเข้าแบกรับร่างหัวหน้าที่กำลังจะล้มลงเพราะแรงเจาะกระแทกของเม็ดตะกั่ว ในวินาทีที่เป็นใจ อิลฮุนทันหันไปเห็นว่าใครคือไอ้ชั่วที่ยิงเพื่อนของเขา
"ไอ้ยงฮวามันยิงซึงฮยอน กูจะไปฆ่ามัน!!!" มีดยาวในกระเป๋ากางถูกชักออกมา อูจินที่ว่องไวกว่าฉุดรั้งเพื่อนร่วมแก๊งเอาไว้พร้อมตะโกนเรียกสติ
"อย่าเพิ่งเว้ยอิลฮุน!"
"ปล่อยกูอูจิน! กูจะไม่ยอมให้มันยิงเพื่อนกูฟรี ๆ!"
"ดูให้ดี ๆ สิวะ!" รองหัวหน้าแก๊งกระชากแขนอิลฮุนเกือบสุดแรง "ตำรวจมาจับมันไปโน่นแล้ว เราก็ต้องรีบหนีก่อนที่จะโดนไปด้วย"
"อั้ก...! อิลฮุน..." ซึงฮยอนที่เริ่มทนได้กับอาการเจ็บปวดตรงต้นแขนขวาพยายามบังคับตัวเองให้ลุกเดินต่อ "ทำตามที่อูจินบอก เร็ว!"
โชคดีที่คนโดนยิงยังวิ่งไหว ทั้งสามคนเป็นสมาชิกแก๊งกลุ่มสุดท้ายที่ออกมาจากตรงนั้น อูจินสั่งให้คนที่มีรถขับไปส่งพวกเขาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ส่วนอิลฮุนก็รีบโทรหาแจจินเพื่อบอกข่าว
"พวกตำรวจรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่" คนที่เพิ่งเกือบจะสละชีวิตล้างแค้นให้เพื่อนสนิทถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
"หึ ๆ"
"หัวเราะอะไรกัน"
สองผู้นำยิ้มให้กันแบบมีเลศนัย ส่วนอิลฮุนที่ยังไม่รู้เรื่องก็ได้แต่ทำหน้างงงวยและสับสน
"ขนาดครั้งที่แล้วนัดมือเปล่ามันยังเอาไม้หน้าสามมาด้วย" อูจินพูด
"แล้วรอบนี้มีเหรอที่ไอ้ขี้โกงนี่จะไม่เล่นหนักขึ้น" ซึงฮยอนสมทบ
อย่างนี้ก็แสดงว่า
"พวกนาย...โทรหาตำรวจ" ทั้งอิลฮุนและเพื่อนที่ขับรถต่างพูดอะไรต่อไม่ออกไปตาม ๆ กัน
หัวหน้ากับรองหัวหน้าแก๊งแสนเจ้าเล่ห์พยักหน้าเล็กน้อยให้กับข้อสันนิษฐานนั้น
"มีใครรู้อีกมั้ย"
เหล่านักเลงพากันวิ่งแตกฮือหลังจากต่อยตีกันไปได้ร่วมสิบนาที ซึงฮยอนเรียกต้อนพรรคพวกออกจากพื้นที่หนีเสียงหวอรถตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เริ่มทยอยเข้ามาล้อมทั้งสองแก๊ง
ปัง!
"อ้าก!!!"
"เวรแล้ว! ซึงฮยอนถูกยิง!"
กระสุนฝ่าพวกเขามาจากฝั่งของพวกยงฮวา อิลฮุนกับอูจินรีบวิ่งเข้าแบกรับร่างหัวหน้าที่กำลังจะล้มลงเพราะแรงเจาะกระแทกของเม็ดตะกั่ว ในวินาทีที่เป็นใจ อิลฮุนทันหันไปเห็นว่าใครคือไอ้ชั่วที่ยิงเพื่อนของเขา
"ไอ้ยงฮวามันยิงซึงฮยอน กูจะไปฆ่ามัน!!!" มีดยาวในกระเป๋ากางถูกชักออกมา อูจินที่ว่องไวกว่าฉุดรั้งเพื่อนร่วมแก๊งเอาไว้พร้อมตะโกนเรียกสติ
"อย่าเพิ่งเว้ยอิลฮุน!"
"ปล่อยกูอูจิน! กูจะไม่ยอมให้มันยิงเพื่อนกูฟรี ๆ!"
"ดูให้ดี ๆ สิวะ!" รองหัวหน้าแก๊งกระชากแขนอิลฮุนเกือบสุดแรง "ตำรวจมาจับมันไปโน่นแล้ว เราก็ต้องรีบหนีก่อนที่จะโดนไปด้วย"
"อั้ก...! อิลฮุน..." ซึงฮยอนที่เริ่มทนได้กับอาการเจ็บปวดตรงต้นแขนขวาพยายามบังคับตัวเองให้ลุกเดินต่อ "ทำตามที่อูจินบอก เร็ว!"
โชคดีที่คนโดนยิงยังวิ่งไหว ทั้งสามคนเป็นสมาชิกแก๊งกลุ่มสุดท้ายที่ออกมาจากตรงนั้น อูจินสั่งให้คนที่มีรถขับไปส่งพวกเขาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ส่วนอิลฮุนก็รีบโทรหาแจจินเพื่อบอกข่าว
"พวกตำรวจรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่" คนที่เพิ่งเกือบจะสละชีวิตล้างแค้นให้เพื่อนสนิทถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
"หึ ๆ"
"หัวเราะอะไรกัน"
สองผู้นำยิ้มให้กันแบบมีเลศนัย ส่วนอิลฮุนที่ยังไม่รู้เรื่องก็ได้แต่ทำหน้างงงวยและสับสน
"ขนาดครั้งที่แล้วนัดมือเปล่ามันยังเอาไม้หน้าสามมาด้วย" อูจินพูด
"แล้วรอบนี้มีเหรอที่ไอ้ขี้โกงนี่จะไม่เล่นหนักขึ้น" ซึงฮยอนสมทบ
อย่างนี้ก็แสดงว่า
"พวกนาย...โทรหาตำรวจ" ทั้งอิลฮุนและเพื่อนที่ขับรถต่างพูดอะไรต่อไม่ออกไปตาม ๆ กัน
หัวหน้ากับรองหัวหน้าแก๊งแสนเจ้าเล่ห์พยักหน้าเล็กน้อยให้กับข้อสันนิษฐานนั้น
"มีใครรู้อีกมั้ย"
"รู้กันแค่ชั้น กับเขา"
หนุ่มหน้าสวยเร่งฝีเท้าตรงมายังแผนกฉุกเฉินเห็นเพื่อนของซึงฮยอนนั่งทำหน้าเคร่งเครียดข้าง ๆ ผ้าม่านรางที่ถูกปิดอยู่
"เป็นยังไงบ้าง"
สีหน้าเรียบเฉยแบบนั้นไม่ได้ทำให้อิลฮุนรู้สึกแปลกใจ แต่กับอูจินที่เพิ่งได้เจอแจจินเป็นครั้งแรกก็ทึ่ง ๆ ไปตามประสาคนที่ไม่รู้จักนิสัยกัน
"หมอกำลังเช็คว่าจะต้องผ่ากระสุนออกมั้ย" อิลฮุนพยายามทำให้บรรยากาศไม่ซีเรียสเกินไป "แต่มีความเป็นไปได้ที่ซึงฮยอนจะได้กลายเป็นพวกมีลูกเหล็กฝังอยู่ในตัว"
"จริงดิ" แจจินตาลุกวาว ถ้าแฟนของเขามีของแบบนั้นอยู่ในร่างกายจริง ๆ มันก็คงจะเท่และเซ็กซี่น่าดู
"อือ แต่มันโดนยิงที่แขนขวานะ คงว่าวไม่หนุกไปอีกพักใหญ่" เพื่อนสนิทจอมกะล่อนปล่อยมุกหน้านิ่ง
"ไม่ต้องห่วงหรอก เนี่ย ยังเหลือมือเราอีกตั้งสองข้าง แล้วก็ปากด้วย"
อูจินที่แอบฟังสองคนนั้นคุยกันอยู่แทบจะสำลักกาแฟที่ตัวเองดื่ม
'นี่เหรอวะ แฟนเด็กเรียนเกรดเฉลี่ย 4.00 ของซึงฮยอน'
รถเก๋งป้ายแดงคันหนึ่งใช้เวลาหาที่จอดและถอยหลังเข้าซองอยู่นานเกือบยี่สิบนาที ผู้โดยสารเฉพาะกิจถึงกับยกมือซ้ายขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากด้วยความรู้สึกรอดตายและโล่งอกที่ลูกรักคันแรกของตัวเองรอดพ้นจากสถานการณ์เสี่ยงเกิดรอยบุบไปได้อีกวัน
"วันนี้เราขับเป็นไงมั่ง" โชเฟอร์มือสมัครเล่นหันมายิ้มหวานให้เจ้าของรถตัวจริงที่กำลังเอี้ยวตัวเอื้อมแขนซ้ายมาดึงเบรกมือ
หนุ่มหน้าสวยเร่งฝีเท้าตรงมายังแผนกฉุกเฉินเห็นเพื่อนของซึงฮยอนนั่งทำหน้าเคร่งเครียดข้าง ๆ ผ้าม่านรางที่ถูกปิดอยู่
"เป็นยังไงบ้าง"
สีหน้าเรียบเฉยแบบนั้นไม่ได้ทำให้อิลฮุนรู้สึกแปลกใจ แต่กับอูจินที่เพิ่งได้เจอแจจินเป็นครั้งแรกก็ทึ่ง ๆ ไปตามประสาคนที่ไม่รู้จักนิสัยกัน
"หมอกำลังเช็คว่าจะต้องผ่ากระสุนออกมั้ย" อิลฮุนพยายามทำให้บรรยากาศไม่ซีเรียสเกินไป "แต่มีความเป็นไปได้ที่ซึงฮยอนจะได้กลายเป็นพวกมีลูกเหล็กฝังอยู่ในตัว"
"จริงดิ" แจจินตาลุกวาว ถ้าแฟนของเขามีของแบบนั้นอยู่ในร่างกายจริง ๆ มันก็คงจะเท่และเซ็กซี่น่าดู
"อือ แต่มันโดนยิงที่แขนขวานะ คงว่าวไม่หนุกไปอีกพักใหญ่" เพื่อนสนิทจอมกะล่อนปล่อยมุกหน้านิ่ง
"ไม่ต้องห่วงหรอก เนี่ย ยังเหลือมือเราอีกตั้งสองข้าง แล้วก็ปากด้วย"
อูจินที่แอบฟังสองคนนั้นคุยกันอยู่แทบจะสำลักกาแฟที่ตัวเองดื่ม
'นี่เหรอวะ แฟนเด็กเรียนเกรดเฉลี่ย 4.00 ของซึงฮยอน'
รถเก๋งป้ายแดงคันหนึ่งใช้เวลาหาที่จอดและถอยหลังเข้าซองอยู่นานเกือบยี่สิบนาที ผู้โดยสารเฉพาะกิจถึงกับยกมือซ้ายขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากด้วยความรู้สึกรอดตายและโล่งอกที่ลูกรักคันแรกของตัวเองรอดพ้นจากสถานการณ์เสี่ยงเกิดรอยบุบไปได้อีกวัน
"วันนี้เราขับเป็นไงมั่ง" โชเฟอร์มือสมัครเล่นหันมายิ้มหวานให้เจ้าของรถตัวจริงที่กำลังเอี้ยวตัวเอื้อมแขนซ้ายมาดึงเบรกมือ
"ก็ดี แหะ ๆ"
ขืนบอกความจริงไปมีหวังโดนค้อนกลับแน่ ซึงฮยอนจัดแจงอาร์มสลิงที่พยุงแขนขวาของเขาอยู่ให้มีสภาพพร้อมเผชิญโลกภายนอก ท่าทางเก้งก้างทะแม่ง ๆ แบบนั้นทำให้แจจินต้องยื่นมือมาช่วยเหลือแฟนอีกแรง
"เมื่อไหร่จะหายนะ พ่อแบดบอยคนเหล็ก" คนตัวเล็กหยิกแก้มเขาอย่างมันเขี้ยว
"ถ้าได้รับจูบเพิ่มพลังบ่อย ๆ พรุ่งนี้ก็คงจะหายเป็นปลิดทิ้งเลย"
ทั้งคู่นั่งหยอกล้อกันอยู่ในรถที่จอดอยู่ในลานจอดรถของโรงเรียนอีกที เด็กสาวกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ด้วยความที่พวกเธอบางคนน่าจะจำได้ว่านี่คือรถยนต์ของใคร
"ซึงฮยอน แฟนคลับนายมานู่นแล้ว" แจจินจับคางหนุ่มฮ็อตของเขาให้หันออกไปทางหน้าต่าง "อยากได้จูบเพิ่มพลังไม่ใช่เหรอ ลดกระจกลงเร็วสิ"
"อ่า..."
กระจกหน้าต่างรถที่ถูกลดเปิดออกอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นคนสองคนกำลังนัวเนียริมฝีปากกันอย่างดูดดื่ม เสียงวี๊ดว๊ายของนักเรียนด้านนอกแปรเปลี่ยนเป็นคำอุทานและการสบถเบา ๆ เพราะต้องมาเห็นการกระทำที่บาดหูบาดตาแบบนั้น
จากแฟนหนุ่มตัวดีของรุ่นพี่ซึงฮยอน
"อี๋ ทำไมต้องทำตัวประเจิดประเจ้อด้วย"
"ฮือ...ชั้นรับไม่ได้"
"ไอ้เราก็ลืมไปว่าถ้าเขามีรถ...เขาก็ต้องมีแฟนนั่งอยู่ในรถ"
ประโยคซุบซิบนินทาเหล่านั้นดังพอที่จะสร้างความสะใจในปริมาณไม่น้อยให้แก่แจจิน หลังจากที่พวกเด็ก ๆ เดินหนีไปทางอื่นหมดแล้วเขาก็ปิดกระจกกลับขึ้นไปตามเดิม
"ฮิ ๆ สนุก"
"แกล้งรุ่นน้องแบบนั้นอะนะสนุก" ซึงฮยอนเอ็ด เขาเองยังคงละเมอเมาอยู่กับการเล้าโลมเมื่อครู่ "อยู่กับอิลฮุนมากไปจนติดนิสัยมันมาแล่ว"
"ออกไปเช็คเรตติ้งกันดีกว่า"
คนตัวเล็กลงจากรถพร้อมกับคนตัวใหญ่ ซึงฮยอนรอให้แจจินเดินมาควงแขนเขาเข้าโรงเรียนไปด้วยกัน สายตาของนักเรียนเพ่งตรงมาที่ทั้งสองตั้งแต่ก้าวแรกยันก้าวสุดท้ายก่อนถึงห้องเรียน ภาพที่เห็นในแต่ละวันของพวกเขามันดูเฟียร์ซเสียจนน่าจะมีเพลงประกอบเท่ ๆ เปิดคลอตลอดการใช้ชีวิตของคู่รักสุดฮ็อตคู่นี่
อี แจจินไม่ได้เป็นแค่เด็กเรียนธรรมดาทั่วไป ยังมีความลับอีกมากมายที่แม้แต่ซึงฮยอนเองก็ยังค้นพบไม่หมด แต่เท่าที่รู้ตอนนี้ ภาพลักษณ์คนเรียบร้อยใสซื่อพูดจาไพเราะแบบที่เคยเจอในช่วงแรก ๆ ที่เขาเพิ่งย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ นั่น เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งที่เจ้าตัวเลือกให้โผล่พ้นจากทะเลขึ้นมา
แต่ส่วนที่เหลือที่จมอยู่ใต้น้ำดำมืดด้านล่างเนี่ย...
ขอบอกตรงนี้เลยว่า
Good Boy อี แจจิน น่ะ ไม่มีอยู่จริงหรอก
ขืนบอกความจริงไปมีหวังโดนค้อนกลับแน่ ซึงฮยอนจัดแจงอาร์มสลิงที่พยุงแขนขวาของเขาอยู่ให้มีสภาพพร้อมเผชิญโลกภายนอก ท่าทางเก้งก้างทะแม่ง ๆ แบบนั้นทำให้แจจินต้องยื่นมือมาช่วยเหลือแฟนอีกแรง
"เมื่อไหร่จะหายนะ พ่อแบดบอยคนเหล็ก" คนตัวเล็กหยิกแก้มเขาอย่างมันเขี้ยว
"ถ้าได้รับจูบเพิ่มพลังบ่อย ๆ พรุ่งนี้ก็คงจะหายเป็นปลิดทิ้งเลย"
ทั้งคู่นั่งหยอกล้อกันอยู่ในรถที่จอดอยู่ในลานจอดรถของโรงเรียนอีกที เด็กสาวกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ด้วยความที่พวกเธอบางคนน่าจะจำได้ว่านี่คือรถยนต์ของใคร
"ซึงฮยอน แฟนคลับนายมานู่นแล้ว" แจจินจับคางหนุ่มฮ็อตของเขาให้หันออกไปทางหน้าต่าง "อยากได้จูบเพิ่มพลังไม่ใช่เหรอ ลดกระจกลงเร็วสิ"
"อ่า..."
กระจกหน้าต่างรถที่ถูกลดเปิดออกอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นคนสองคนกำลังนัวเนียริมฝีปากกันอย่างดูดดื่ม เสียงวี๊ดว๊ายของนักเรียนด้านนอกแปรเปลี่ยนเป็นคำอุทานและการสบถเบา ๆ เพราะต้องมาเห็นการกระทำที่บาดหูบาดตาแบบนั้น
จากแฟนหนุ่มตัวดีของรุ่นพี่ซึงฮยอน
"อี๋ ทำไมต้องทำตัวประเจิดประเจ้อด้วย"
"ฮือ...ชั้นรับไม่ได้"
"ไอ้เราก็ลืมไปว่าถ้าเขามีรถ...เขาก็ต้องมีแฟนนั่งอยู่ในรถ"
ประโยคซุบซิบนินทาเหล่านั้นดังพอที่จะสร้างความสะใจในปริมาณไม่น้อยให้แก่แจจิน หลังจากที่พวกเด็ก ๆ เดินหนีไปทางอื่นหมดแล้วเขาก็ปิดกระจกกลับขึ้นไปตามเดิม
"ฮิ ๆ สนุก"
"แกล้งรุ่นน้องแบบนั้นอะนะสนุก" ซึงฮยอนเอ็ด เขาเองยังคงละเมอเมาอยู่กับการเล้าโลมเมื่อครู่ "อยู่กับอิลฮุนมากไปจนติดนิสัยมันมาแล่ว"
"ออกไปเช็คเรตติ้งกันดีกว่า"
คนตัวเล็กลงจากรถพร้อมกับคนตัวใหญ่ ซึงฮยอนรอให้แจจินเดินมาควงแขนเขาเข้าโรงเรียนไปด้วยกัน สายตาของนักเรียนเพ่งตรงมาที่ทั้งสองตั้งแต่ก้าวแรกยันก้าวสุดท้ายก่อนถึงห้องเรียน ภาพที่เห็นในแต่ละวันของพวกเขามันดูเฟียร์ซเสียจนน่าจะมีเพลงประกอบเท่ ๆ เปิดคลอตลอดการใช้ชีวิตของคู่รักสุดฮ็อตคู่นี่
อี แจจินไม่ได้เป็นแค่เด็กเรียนธรรมดาทั่วไป ยังมีความลับอีกมากมายที่แม้แต่ซึงฮยอนเองก็ยังค้นพบไม่หมด แต่เท่าที่รู้ตอนนี้ ภาพลักษณ์คนเรียบร้อยใสซื่อพูดจาไพเราะแบบที่เคยเจอในช่วงแรก ๆ ที่เขาเพิ่งย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ นั่น เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งที่เจ้าตัวเลือกให้โผล่พ้นจากทะเลขึ้นมา
แต่ส่วนที่เหลือที่จมอยู่ใต้น้ำดำมืดด้านล่างเนี่ย...
ขอบอกตรงนี้เลยว่า
Good Boy อี แจจิน น่ะ ไม่มีอยู่จริงหรอก
ϟ The end ϟ