October 14, 2017

[OS/NC-17] FTISLAND 'NEAR THE POOL' (SEUNGJAE)



     GENRE:    A/U, SMUT, YAOI, PWP
     PAIRING:  SEUNGHYUN x JAEJIN
     RATING:
   NC-17

━ ━ ━





  'ก็รอวันนี้มานานแล้วไม่ใช่เหรอ

  ทำไมยังตื่นเต้นอยู่ล่ะ แจจิน'



  เขายืนพูดกับตัวเองที่หน้ากระจก

  ใครบางคนกำลังรออยู่ด้านนอก...





  กังวล ว่าจะสร้างความพึงพอใจให้ไม่ได้
  
  กลัว ว่าจะไม่ใช่คนที่ดีที่สุด





  "ตื่นเต้นเหรอ"



  แน่นะสิ ก็นี่เป็น ครั้งแรก ของเขาหนิ










  ประตูห้องน้ำปิดลงพร้อมกับที่คนๆนั้นเดินมาถึง

  ใบหน้าของคนรักที่คบกันมากว่าหนึ่งปีอยู่ใกล้เขาจนรู้สึกได้แม้แต่เสียงกลืนน้ำลาย
  ...ซึ่งบางทีอาจจะเป็นของแจจินเอง



  "ไม่ได้เป็นอยู่คนเดียวหรอก เพราะนี่ก็ครั้งแรกของผมเหมือนกัน"



  สองร่างเคลื่อนเข้ามาชิดกันเรื่อยๆ ความเกร็งยังคงเกิดขึ้นกับเขาอย่างต่อเนื่อง



  "ไม่ไว้ใจกันเหรอ หื้ม" มือหนาลูบไล้ไปตามสันกรามสวยได้รูปอันเป็นจุดที่เขาหลงใหลที่สุด
  
  "เปล่า..."



  ทำไมแค่คำพูดสั้นๆยังเอ่ยออกมาได้ยากขนาดนี้



  "ถ้าเปล่าก็อย่าทำตัวแข็งทื่อแบบนี้สิ แจจินของผม"





  ริมฝีปากนุ่มถูกประทับทาบ
  รสสัมผัสอันอ่อนโยนเสียยิ่งกว่ากลีบดอกไม้ที่เพิ่งผลิบาน

  ...

  ทำให้รู้สึกดีเช่นเคย
  ทำให้อ่อนระทวยเหมือนทุกครั้ง





  นี่น่าจะเป็นของขวัญวันครบรอบชิ้นแรกที่แจจินได้จากซึงฮยอน



  "ผมรักคุณนะ"



  สะโพกเล็กถูกโอบดึงเข้าไปหาอีกคน



  อะไรก็ตามที่เสียดสีกันอยู่ด้านล่าง
  ต่างฝ่ายต่างรู้สึกว่า...เพียงเท่านี้มันยังไม่พอ










  อาภรณ์ของทั้งคู่ถูกปลดเปลื้องออกอย่างสมบูรณ์ ความต้องการทวีปริมาณมากขึ้นระหว่างขั้นตอนเริ่มต้น ร่างผอมบางยืนนิ่งให้อีกคนจัดการทุกอย่าง





  เหมือนได้ค้นพบช่วงเวลาที่แจจินมีความสุขที่สุดในชีวิต





  'พื้น'

  พวกเขาตกลงกันอย่างลับๆในใจว่ามันต้องเป็นที่พื้น
  และ พื้นห้องนอนอาจธรรมดาเกินไป










  ลมแรงพัดพาคลื่นของเหลวภายในสระว่ายน้ำของบ้านล้นกระฉอกออกมาอยู่เป็นระยะ เสียงครางระงมของคู่รักที่กำลังเสพสมกามอารมณ์ดังประสานกันไปกับเสียงมวลน้ำกระแทกขอบสระ



  "ซึงฮยอน... ชั้นรักนาย" ประโยคที่คนด้านบนได้ยินมาตลอดค่อยๆเพิ่มระดับเสียงขึ้นปะปนกับความเหนื่อยหอบจากการเคลื่อนไหวที่หนักหน่วง

  "อ๊ะ อื้อ..." แรงกระตุกเบาๆภายในร่างกายพร้อมกับของเหลวอุ่นที่ถูกหลั่งเข้ามาเติมเต็มสร้างความรู้สึกดีมากจนผู้รับเกิดปฏิกริยาที่ทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจอย่างที่สุด



  คนด้านล่างยกลำตัวขึ้นไปหาแหล่งที่มาของสิ่งนั้นราวกับไม่อยากให้เจ้าของอวัยวะถอดถอนมันออก ความสุขล้นทะลักพรั่งพรูออกมามากมายไม่ต่างกับน้ำรักที่ไหลเอ่อออกมาจากปากทางชื้นฉ่ำ










  "ว่ายน้ำกันมั้ย" ซึงฮยอนเอ่ยปากถามแจจินหลังจากเพิ่งมอบจุมพิตที่หน้าผากไล่ความเหนื่อยล้าให้



  สองร่างหย่อนตัวลงแทนที่น้ำจำนวนหนึ่งในสระ
  ทั้งคู่ถือโอกาสนี้ทำความสะอาดร่างกายให้กันและกัน





  ทำไมกันนะ ยิ่งได้รับสัมผัส ก็ยิ่งโหยหา...





  "นี่ ชั้นยังไม่ได้..." แจจินจ้องตาซึงฮยอนเพื่อสื่อให้อีกคนรู้ว่าเขาต้องการที่จะ

  "อืม รู้แล้ว" ร่างสูงจัดการกับริมฝีปากอิ่มตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างมันเขี้ยว "ทำไมน่ารักอย่างนี้นะ"



  เวลาผ่านไป ลมที่พัดแรงในตอนแรกค่อยๆสงบลง อากาศเริ่มหนาวแต่คู่รักในสระก็ยังไม่มีท่าทีจะขึ้นจากน้ำ คนตัวเล็กถูกหยอกล้อล่อให้ทรมานไปเรื่อยๆ

  ทำไงได้ล่ะ ถึงจะทรมาน แต่มันก็เป็นสิ่งที่แจจินเลือกเอง



  ส่วนที่อยู่เหนือน้ำโลมเล้ากันต่อด้วยลิ้นและฟัน นอกนั้นก็เป็นหน้าที่ของมือกับขาที่จมอยู่ด้านล่าง ช่องทางเดิมถูกรุกล้ำอีกครั้งด้วยนิ้วยาวเรียวจุดกระตุ้นความกระสันให้เพิ่มขึ้น ผิวหนังหลายบริเวณถูกบีบคลึงจนเจ้าตัวรับรู้ถึงความเจ็บปวดอยู่กลายๆ

  เสียงร้องน่าสงสารดังแทรกคำพูดยั่วเย้าของซึงฮยอน ฟันคมขบก้อนเนื้อบนยอดอกราวกับว่ามันเป็นขนมชิ้นหนึ่ง

  แจจินได้แต่ถามคนรักของตัวเองอยู่ในใจว่า เมื่อไหร่





  'ชั้นจะทนไม่ไหวแล้วนะ'





  โดนขโมยจูบอีกรอบ ช่วงที่ริมฝีปากของทั้งสองดูดรัดกันอย่างพัลวัน ซึงฮยอนอาศัยจังหวะเผลอยกสะโพกมนให้ขึ้นไปนั่งอยู่บนขอบสระ อีกฝ่ายเห็นท่าทางแล้วรีบเอนตัวลงนอนหงายอย่างรู้งาน



"แจจิน" ใบหน้าหล่อยืนจ่อเข้าไปใกล้ประตูรักที่เผชิญหน้าเขาอยู่ "รู้มั้ยว่าทั้งหมดตรงนี้ มันเป็นของผม"



  ดังคาด คำตอบที่เขาได้รับคืออาการบิดเร่าทรมานเมื่อลิ้นลื่นลากสัมผัสไปทั่วพื้นผิวบริเวณนั้น ปลายเท้าจิกเกร็งลงไปกับผิวน้ำที่ไม่ได้ช่วยผ่อนคลายอะไรใดๆ ส่วนอ่อนไหวถูกกอบกุมแต่ทว่าอวัยวะที่เป็นพันธนาการของมันยังคงชะงักค้างอยู่อย่างนั้น

  สิ่งเดียวที่ขยับเขยื้อนก็คือริมฝีปากและเจ้าลิ้นตัวร้ายนั่น 



  "รีบ...อ้ะ เร็ว เด็กดื้อ รีบขึ้นมา!" คนที่นอนอยู่แทบจะตะโกนออกคำสั่ง



  ก้อนเนื้อหนึ่งคู่ที่คั่นกลางระหว่างทางถูกดูดดุนอย่างแรง มือขวาเริ่มขยับขึ้นลงด้วยความถี่คงที่เค้นเสียงครางหวานให้ดังออกมาย้ำเตือนว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นั้นดีแล้ว

  แจจินยกขาข้างหนึ่งไปพาดไว้บนไหล่หนาหมายจะดันร่างแกร่งให้ขยับเข้ามาใกล้เขาอีก แต่ซึงฮยอนกลับเอื้อมเกี่ยวรยางค์เหล่านั้นไว้เป็นที่ยึดไม่ให้เขาจมลงไปในน้ำ

  แล้วก็ จับของชิ้นยาวใส่ปากตนเองในที่สุด










  เขาอยากรักซึงฮยอนให้มากขึ้น...
  มากขึ้นในทุกวินาทีที่อีกคนกำลังมอบความสุขให้



  สายน้ำตาอันเกิดจากอารมณ์ที่ให้นิยามไม่ได้ไหลรินรื้นดวงตาคู่สวย

  ซึงฮยอนเงยหน้าขึ้นมองเขา หยุดพักการกระทำไปชั่วครู่ สองมือฉุดพาผู้ชายที่เขารักที่สุดให้ลุกขึ้นนั่ง



  "คนดีของผม เป็นไรไปครับ" เจ้าของนิ้วมือที่เอื้อมขึ้นไปปาดเช็ดหยดน้ำตาให้เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

  "ชั้น รักนาย" แจจินตอบพร้อมส่งมอบรอยยิ้มน้อยๆไปให้



  ยังคงอยู่ในท่าเดิม เพียงแต่เจ้าตัวแอบกระเถิบเข้าไปใกล้สระมากขึ้น ขาสองข้างวางพาดกับลำตัวหนา
  
  จากภาษาท่าทางที่น่าจะหมายความว่าให้ทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ต่อ ชายหนุ่มก้มหน้าตามแรงกดของมือลงไปปรนเปรอคนรักของเขาอีกครั้ง



  จนเสร็จ



  เขาถูกฉุดลากลงมาในน้ำเป็นรอบที่สอง รูขุมขนที่หดตัวแสดงให้เห็นว่าตอนนี้แจจินกำลังหนาว ฝ่ามืออุ่นลูบไล้เล่นกับผิวหนังที่ขรุขระจากอาการขนลุกไปมาโดยพยายามที่จะปรับความรู้สึกให้อีกคนชินกับอากาศเย็น



  "ตัวนายเปื่อยไปหมดแล้วซึงฮยอน ไม่รู้เหรอ" คำพูดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่สั่นเล็กน้อย



  ซึงฮยอนสังเกตเห็นปุ๊บก็รีบเพิ่มความอบอุ่นให้เขาทันที



  จูบกับคนๆนี้ กี่ทีก็ไม่เบื่อ










  "รู้มั้ย แจจิน ปากของคุณ คือยาเสพติดชนิดร้ายแรง" คนตัวสูงยกมือประคองใบหน้าที่กำลังยั่วยวนเขาอย่างเต็มที่ด้วยสายตา ขณะนี้ทั้งสองขึ้นมาล้างตัวด้วยกันที่ฝักบัวริมสระ

  "งั้นทั้งตัวนายก็คงเป็นยาเสพติดของชั้น"

  "แล้วตอนนี้ คุณลูกค้าเกิดอาการอยากยาอีกครั้งหรือยังครับ" ไม่พูดเปล่า มือที่ยังจับคางแจจินอยู่ค่อยๆดันให้ทั้งตัวของอีกคนกลับหลังหันเข้าหากำแพง



  ซึงฮยอนทาบทับร่างกายแนบไปกับด้านหลังของคนที่เขากำลังรอคำตอบ



  "ว่าไงอะ" เขาจับอะไรของตัวเองจ่อถูไปที่ร่องรักสีหวาน แกล้งแจจินให้สะดุ้งเล่น

  "อือ ถึงขนาดนี้คงไม่ต้องถามแล้ว" ร่างเล็กยื่นบั้นท้ายเข้ามาหาเขา ปากอ้าหายใจเข้าออกรัวๆด้วยความตื่นเต้น



  ร่างสูงโน้มศีรษะลงมาเกยไว้บนไหล่เพื่อประจำที่ ขาเรียวถูกจับแยกพอประมาณก่อนความเป็นชายจะเข้ารุกช่องทางนั้นในสภาพที่ทั้งคู่กำลังยืนอยู่



  "รอบนี้ขอได้มะ"

  "ฮึ..." แจจินครางถามเขาเสียงสั่นเครือ

  "เรียกหาผมดังๆนะครับ ที่รัก"





จบ  -

October 12, 2017

{oneshot} τσәчиσи: โรคภูมิแพ้กับฤดูฝน

τσәчиσи





     สองเท้าในคัทชูเครื่องแบบนักศึกษาก้าวย่ำไปบนฟุตบาทที่มีสีเข้มกว่าปกติ พายุปลายฝนต้นหนาวที่โถมกระหน่ำพื้นที่แถบนี้มาตลอดทั้งวันทำให้อากาศยามบ่ายเย็นสบายกว่าเวลาเดียวกันของวันอื่นๆ

     นักศึกษาปีสามที่เพิ่งสอบกลางภาควิชาสุดท้ายเสร็จเดินทอดน่องอย่างสบายใจตามเส้นทางที่จะพาเขาไปให้ไกลจากความเครียดกังวลที่ถูกสะสมมาตลอดหนึ่งสัปดาห์

     ระหว่างสำรวจสภาพแวดล้อมหลังฝนตกภายในมหาวิทยาลัยของเขา นนนึกดีใจที่ตนเองไม่ได้เป็นโรคภูมิแพ้



     เพราะอะไรน่ะเหรอ



     ก็โรคภูมิแพ้กับอากาศชื้นๆนั้นไม่ต่างอะไรกับคู่อริที่ไม่มีวันกินเส้นกันเลยยังไงล่ะ

     พวกเขา(คนที่เป็นโรคนี้)คงไม่มีเวลามาให้ความสนใจกับความงดงามของฤดูฝนเพราะเอาแต่หมกตัวอยู่กับขวดยาแก้แพ้ที่บ้าน



     คิดแล้วก็เสียดายแทน



     แม้ว่าข้อสอบเลขวันนี้จะยากจนแทบร้องไห้คาที่นั่งสอบ แต่พอได้ออกมาเดินรับละอองน้ำเย็นชุ่มภายนอก เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้รับการเยียวยาอย่างเต็มที่



     แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วนะ ว่านนรักหน้าฝนขนาดไหน



     และคงจะดีไม่น้อยถ้ามีเพื่อนเดินตากละอองฝนกลับบ้านด้วยกัน แบบไม่ต้องกลัวว่าจะป่วย...เพราะป่วยแน่นอน

     นนอมยิ้มให้กับมุกตลกที่เขาคิดขึ้นได้ขณะกำลังนึกถึงใครบางคน










     รถประจำทางสายเดิมที่เขาขึ้นเป็นประจำวิ่งมาจอดเทียบป้าย นักศึกษาหลายสิบคนแย่งกันวิ่งขึ้นรถเพื่อให้ร่างกายของพวกเขาโดนฝนน้อยที่สุด แต่กลับกัน นนยังยืนรอให้คนอื่นขึ้นไปจนครบก่อนอย่างใจเย็น



     รู้ตัวอีกทีก็มานั่งหนาวอยู่บนรถเมล์ปรับอากาศคันนี้เสียแล้ว










     ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางของตนเอง มือที่ยังไม่หายสั่นดีเอื้อมไปกดออดเป็นการบอกให้คนขับรถทราบว่าเขาต้องการลงป้ายหน้า



     ถนนเส้นนี้ ผู้มาเยือนคุ้นเคยดี

     แต่ มันไม่ใช่ถนนแถวบ้านของนน










     ประตูรั้วเปิดอ้าออก เจ้าของบ้านจะรับรู้ถึงการมาของแขกจากเสียงเหล็กลั่นเอี๊ยดอ๊าด



     "นน อ้าวตาย นี่ลูกเดินตากฝนเข้ามาเหรอ"

     "ฮะ คือผม ลืมเอาร่มไป"



     ลืมอะไรกันล่ะ เขาหยิบมันออกจากจากเป้ด้วยตัวเองเลยต่างหาก



     "แล้วดูสิ หัวเปียก เสื้อชื้นหมดเลยเนี่ย" หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของนนยืนจ้องเขาอย่างตำหนิ "เดี๋ยวก็ไข้ขึ้นตามอีกคนไปหรอก"

     "ไม่หรอกฮะแม่ ผมแข็งแรงกว่าเจ้านั่นตั้งหลายเท่า" นนตอบเขินๆ

     "แหม มั่นใจนักนะเรา" เธอเอ็ดพลางส่งผ้าขนหนูให้



     นนมองสำรวจไปรอบๆบ้านด้วยความสงสัย แววตาเป็นกังวลถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนอีกคนสังเกตเห็นและรับรู้ได้



     "เต้ยอยู่ในห้องน่ะลูก แม่ขึ้นไปเช็คเมื่อตอนบ่ายยังตัวรุมๆอยู่ แต่วันนี้เสียงเค้าบี้มากเพราะจมูกตัน"



     หลังจากได้ฟังความคืบหน้าอาการป่วยของเต้ย นนยิ่งรู้สึกแย่มากกว่าเดิม แม่ของเต้ยจะรู้มั้ยว่าที่ลูกชายของเธอเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา










     ห้าวันก่อนหน้านี้...



     "ถ้าวันนั้นเราไม่ขอให้เต้ยรอเรา เต้ยก็คงไม่ต้องไปตากฝนแล้วภูมิแพ้กำเริบอยู่แบบนี้" นนพูดกับเต้ยอย่างสำนึกผิด

     "แล้วนนไม่คิดบ้างเหรอว่าเราเต็มใจ" คนป่วยพยายามเถียงเพื่อให้นนเลิกคิดโทษตัวเองสักที

     "ก็ถ้าเรารู้ว่าเต้ยเป็นภูมิแ---"

     "พอแล้ว เอาเป็นว่าเรายกโทษให้ โอเคมะ"



     บรรยากาศภายในห้องนอนกลับมาอึมครึมอีกรอบ นนยังคงคิดถึงปัญหาที่กำลังจะตามมาอีกมากมายถ้าหากมีใครสักคนป่วยไข้ในช่วงสอบ



     "เต้ยอ่านหนังสือสอบไม่ไหวแน่ๆ"

     "ไหวสิ ทุกครั้งที่เราไปหานนที่ตึก เราหยิบหนังสือมาอ่านรอตลอดเลยนะ"



     ที่เขาพูดมันก็จริง เต้ยเป็นคนขยันมากจนบางทีก็ทำให้นนติดนิสัยใฝ่รู้ใฝ่เรียนตามไปด้วย อย่างเช่นตอนนี้ที่กำลังเป็นกังวลกับการเตรียมตัวสอบของเต้ยยิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก



     "เดี๋ยวเรามาช่วยติวมิดเทอมให้เต้ยเอง" ช่วงท้ายประโยคนี้ของนนถูกแทรกด้วยเสียงจามดังลั่น

     "อย่าเลย ติดหวัดเราแน่" เต้ยเอาหน้าซุกเข้าไปในผ้านวมเผื่อว่าเชื้อหวัดจะอยู่แต่ภายในนั้น ซึ่งจริงๆมันก็ลอยฟุ้งไปทั่วทั้งห้องแล้ว

     "ไม่หรอก"

     "ถ้าป่วยกันหมดมีหวังคะแนนเน่าทั้งคู่อะ"



     นนไม่สนใจคำพูดของเต้ยที่ต้องการจะทำลายความตั้งใจของเขา คนตัวเล็กก้มรื้อค้นอะไรบางอย่างในลิ้นชักข้างเตียงอยู่สักพักแล้วก็หยิบของชิ้นนั้นออกมา



     "เราจะใส่แมสก์ไว้ นี่ไง" เขาแกะหน้ากากอนามัยออกจากแพ็คมาสวมก่อนจะส่งยิ้มตาหยีไปให้อีกคนที่ทำหน้าบึ้งตึงอยู่

     "กลับบ้านไปซะนน"

     "ไม่เอา!" นนขึ้นเสียงตามประสาคนขี้เอาแต่ใจ "ให้เราอยู่...ดูแลเต้ยไม่ได้เหรอ"











     "อ้าว คนดื้อมาแล้ว" เสียงทักทายอู้อี้จากคนที่นอนอยู่ดังขึ้นหลังการเปิดออกของประตูห้องนอน



     นนหันหน้ามุ่ยๆของเขาไปทางเตียงนั้น สองมือที่ถือถาดข้าวต้มยกมันขึ้นเล็กน้อยทำทีว่าจะเขวี้ยงใส่อีกคน เต้ยหัวเราะชอบใจใหญ่ที่ได้แซวแฟน

     กลายเป็นว่าหน้าที่ในการใส่หน้ากากอนามัยถูกสลับให้เป็นของเต้ยแทน วันนี้ห้องนี้ดูสะอาดสดใสกว่าเมื่อวานมาก น่าจะเป็นเพราะว่าแม่ของเขามาเก็บห้องใหม่และปรับบรรยากาศให้ที่นี่ไม่ดูเหมือนสถานที่กักขังผู้ป่วยมากเกินไป

     ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม (หรือแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี) ก็ถูกเปลี่ยนด้วย



     "สอบเสร็จสักทีนะ พวกเก็บเสรีช้า" ถึงเสียงจะบี้แค่ไหนเต้ยก็ยังคงหาเรื่องกวนประสาทนนอยู่เรื่อยๆ เรียกได้ว่าเป็นลายเซ็นประจำตัวเขาไปซะแล้ว "นี่ สอบยากใช่มั้ยล่ะ"



     สงสัยจะต้องเปลี่ยนมาเป็นโหมดซีเรียสเพราะฝ่ายนั้นเขาดูจะไม่เล่นด้วยเลย เต้ยเงยหน้ามองนนที่เอาแต่ยืนจ้องถ้วยข้าวต้มบนโต๊ะนิ่ง แต่ก็ต้องยิ่งตกใจขึ้นอีกเมื่อเห็นน้ำใสๆหยดใหญ่หยดหนึ่งร่วงตกลงไปที่โต๊ะ



     "นน...เป็นไ--"
     
     "ทำไมไม่หายสักทีอะ เต้ยนอนซมอยู่แบบนี้มาเกือบอาทิตย์แล้วนะ" 



     รู้เลยว่า นนที่ยังไม่เข้าใจอาการของคนเป็นโรคภูมิแพ้ดีกำลังจะเข้าสู่ช่วงโทษตัวเองอีกครั้ง เพราะตลอดสามสี่วันที่ผ่านมา เขาบังคับให้เต้ยท่องหนังสือยันดึกทุกคืน



     คนป่วยลุกขึ้นมานั่งบนที่นอน



     "มานี่มา" เขาเรียกให้นนมาที่เตียง "เร็วสิ"



     ร่างเล็กเดินปาดน้ำตามานั่งลงตรงหน้าเต้ย เอาจริงก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าผู้ชายขี้แงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่



     "อะไร"

     "ร้องไห้ทำไม"



     นนเป็นคนขี้กังวล นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่เต้ยรู้



     "เรา..."



     แต่เขามักจะไม่บอกใครว่าตัวเองกังวลอะไร



     "อะไรครับ"



     นั่นทำให้เต้ยต้องเป็นคนถามเองอยู่ทุกครั้ง



     "ช่วงนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย" นนก้มหน้าก้มตา เขารู้ว่าคนถามคงกำลังทำหน้างงสุดขีดเพราะที่ผ่านมาทั้งคู่ก็ติวหนังสือด้วยกันในห้องนี้แทบจะทุกคืน "แบบว่า..."



     แล้วเต้ยก็เข้าใจทันทีว่าคำพูดของนนหมายถึงอะไร น่าเสียดายที่เขาใส่แมสก์อยู่ อีกคนเลยอดเห็นรอยยิ้มเอ็นดูภายใต้หน้ากากผ้าชิ้นนั้น



     "อ๋อ แบบนี้ใช่มะ" คนตัวใหญ่กว่าพุ่งเข้ากอดคนตัวเล็กโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว เสร็จแล้วก็พาลงมานอนด้วยกัน



     หัวยุ่งๆถูไถไปมาบนไหล่ของอีกคนอย่างเอาอกเอาใจ นนหัวเราะจักจี้ ความโหยหาอยากได้ช่วงเวลาแบบนี้มันมีมากจนเขาไม่สนใจแล้วว่าเต้ยยังไม่หายป่วยดี


     ...


     หลังจากโดนกอดรัดอยู่นาน นนเขยิบตัวขึ้นมาแล้วหันไปหาเต้ย



     "เต้ย เราอยาก..." เขาขยับริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยเป็นการบอกใบ้ เต้ยเห็นการกระทำแบบนั้นของนนแล้วก็หัวเราะออกมา

     "ก็ลอง แบบมีผ้ากั้นดูบ้างดีมะ" เต้ยพูดไปขำไป



     นนยิ้ม ไม่ตอบอะไรเขาอีก ใบหน้ายื่นเข้ามาใกล้ ประกบจูบคนที่นอนอยู่ ถึงจะมีแมสก์กั้นแต่ต่างฝ่ายก็ยังรับสัมผัสของอีกคนได้ ลิ้นซนของนนเคลื่อนออกมาโดนผ้าอย่างไม่ตั้งใจแต่เขาก็ยังค้างมันไว้อย่างนั้น



     "นน มันเปียกไปหมดแล้ว" เต้ยโวย

     "อือ ไม่หนุกเลย" บ่นเสร็จนนก็ดึงหน้ากากอนามัยที่เต้ยใส่อยู่ออก



     คราวนี้การจูบของทั้งสองก็ไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆแล้ว นนรู้สึกถึงความร้อนที่มากกว่าปกติในโพรงปากอันเป็นผลมาจากอาการมีไข้ของเต้ย แต่มันก็ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับเขาในช่วงเวลาหลังฝนตกแบบนี้ได้ดีไม่ใช่น้อย










      "ตากฝนอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย ตัวเย็นขนาดนี้" เต้ยถามคนในอ้อมกอดของตัวเอง "โดนแม่เราว่ามาด้วยชัวร์"



     นนพยักหน้าหงอยๆ ในสายตาของคนอื่น เขาเป็นคนดื้อและไม่ชอบฟังคำเตือนของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องการเล่นน้ำฝน จะมีแค่เต้ยนี่แหละที่เข้าใจ



     "ถึงเราจะไม่ถูกกับอากาศชื้น แต่แค่เรากอดนนมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดหน้าฝนแล้วล่ะ"



     เต้ยกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเพื่อรับเอาความเย็นจากร่างกายของนน ในขณะที่นนก็ต้องการความอบอุ่นจากเต้ย



     น่าเสียดายที่วันนี้นนทำได้แค่มาเยี่ยมอาการของแฟน










     กลับมาถึงบ้าน...



     บนโต๊ะอาหารเย็นที่มีสมาชิกในครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ผู้เป็นพี่สาวเอ่ยถามนนถึงเรื่องการสอบ



     "เป็นไงนนสอบวันนี้ คนเก่งของบ้านผู้ลงวิชาเลขเป็นตัวเสรี"



     นนเงียบไปสักพัก ไม่ใช่ว่าไม่รู้จะตอบอะไร แต่ตอนนี้เขากำลังรู้สึกไม่สบายตัวแปลกๆ ทั้งหายใจได้ไม่เต็มสองรูจมูก แล้วก็อาการปวดหัวตุ้บๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่เขาออกมาจากบ้านเต้ย



     "ไงลูก ยากจนพูดไม่ออกเลยล่ะสิ" พ่อของนนถามย้ำหลังจากเห็นหน้าตาบูดเบี้ยวของลูกชาย

     "เอ่อ ก็ ฮะ ฮ...ฮัดชิ้ว!"





END

October 4, 2017

[FANFIC/Chapter 08: Home Sweet Home] FTISLAND&N.Flying 'Cloudy' (SEUNGJAEhyun)

CHAPTER 8     Home Sweet Home












     ท่ามกลางความวุ่นวายในช่วงมื้อกลางวันที่บ้านหลังหนึ่ง...




     “...มันก็เป็นแบบนี้ปกติของมันแหละค่ะ เอ้า! แจฮยอน! แกขึ้นไปทำอะไรบนบ้านเขาน่ะ ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” หญิงวัยกลางคนตะโกนเอ็ดลูกชายของตัวเองแข่งกับเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วของบรรดาญาติคนอื่นๆ





     เด็กหนุ่มร่างผอมยืนนิ่งไม่ตอบอะไรอยู่ตรงบันได





     “แจฮยอนอยากเข้าห้องน้ำน่ะครับ เผอิญว่าเมื่อกี๊ห้องข้างล่างมันไม่ว่าง ผมเลยบอกให้เค้าขึ้นไปใช้ห้องข้างบนแทน” ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านรีบแก้ต่างให้ลูกพี่ลูกน้องของเขา

     “อ๋อ งั้นก็แล้วไป น้าขอบใจแกแทนมันด้วยละกัน แจจิน” แม่ของแจฮยอนปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติ ดูเธอจะเป็นคนอารมณ์ร้อนไม่ใช่น้อย




     แจฮยอนหันไปยิ้มขอบคุณให้หนึ่งในพี่ชายของเขาที่นานทีปีหนจะได้มาเจอกัน





     "เอ้อ แจฮยอน นายเรียนอยู่ที่ชองดัมใช่มั้ยน่ะ" แจจินพยายามชวนแจฮยอนคุยเพราะเห็นว่าเด็กคนนี้แทบจะไม่พูดกับใครเลย

     "ใช่ฮะ แจจินฮยอง ก็เป็นศิษย์เก่าที่นี่ใช่มั้ยฮะ" 
     "อื้ม คือ แฟนพี่ก็เรียนอยู่ที่นั่นเหมือนกัน ชื่อ ซง ซึงฮยอน นายพอคุ้นรึเปล่า พี่ฝากเขาให้คอยดูแลนายได้นะ"
     "ไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลยฮะ"







     เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้...





     “ก็ไม่แปลกเลยนะที่ซึงฮยอนฮยองจะชอบนาย”





     คนที่อ้างว่าปวดท้องหนักและอยากเข้าห้องน้ำพูดกับตัวเอง(เหมือนที่เขาทำเป็นประจำ)ขณะกำลังมองหาจุดตั้งวางกล้องวงจรปิดที่เหมาะสม...สำหรับการแอบถ่าย





     “ยังไงซะ ผมก็ต้องขอชื่นชมฮยองนะฮะ ที่คบกับคนโง่ๆอย่างมันมาได้ครบเดือนนึงแล้ว”





     มือเล็กอ้อมไปกดสวิตช์ ‘เปิด’ ด้านหลังของตัวกล้องที่ถูกติดตั้งไว้อย่างดีและซ่อนไว้ในจุดที่แจฮยอนมั่นใจว่าเจ้าของห้องจะไม่มีทางพบมัน





     “หวังว่ากล้องของชั้นจะได้ทำประโยชน์ตั้งแต่วันแรกเลยนะ แจจิน”














     ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น แจจินตื่นขึ้นมาพบว่าซึงฮยอนออกจากบ้านเขาไปแล้ว





     ‘เขาก็ทำถูกแล้วไม่ใช่เหรอที่รีบกลับไป’





     แจจินยังคงนอนอยู่บนเตียง ปล่อยให้น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลผ่านแก้มไปครั้งแล้วครั้งเล่า...




     อยู่ดีๆก็อยากโทษตัวเองที่รีบร้อนโวยวาย ถ้าเมื่อวานเขาปล่อยให้อะไรทั้งหมดมันเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น เวลานี้...พวกเขาอาจยังนอนกอดกันอยู่ก็ได้




     นั่นสิ มันควรเป็นแบบนั้น





     ‘นี่เรายอมเป็นของเขา เพื่อที่จะต้องตื่นมาอย่างว้าเหว่แบบนี้จริงๆเหรอ’





     แต่ ถ้าซึงฮยอนเลือกแจจิน เขาก็ควรจะต้องอยู่ที่นี่ในตอนนี้รึเปล่า

     หรือว่า...







     เจ้าของบ้านแบกร่างกายที่แสนปวดเมื่อยลงมายังชั้นล่าง กองผ้าเช็ดตัวที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นตั้งแต่เมื่อวานถูกย้ายตำแหน่งไปพาดไว้ที่เก้าอี้โต๊ะกินข้าว และที่น่าแปลกกว่านั้นคือมันไม่ได้มีแค่ผ้าเช็ดตัว




     แจจินหันไปเห็นกล่องอาหารสำเร็จรูปที่ยังอุ่นๆบนโต๊ะ ข้างใต้มีกระดาษโน้ตแผ่นเท่าฝ่ามือสอดไว้อยู่





               ผมทำอะไรไม่เป็นก็เลยต้องออกไปซื้อจากมินิมาร์ทมาให้
               ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่อร่อยนะ ผมซื้อกล่องแรกมาพิสูจน์รสชาติให้ก่อนแล้ว
               ทานให้หมดนะครับ พี่แจจิน

               ปล1 ทีหลังอย่าปล่อยให้บ้านไม่มีอะไรกินแบบนี้อีกนะ
               ปล2 ผมรักพี่



     ดูเหมือนว่าสิ่งที่แจจินคิดในตอนแรกมันจะกลายเป็นเพียงเรื่องเพ้อเจ้อไปเสียแล้ว


     น้ำตาทำท่าจะไหลออกมาอีกรอบ
     แต่คราวนี้เขาไม่ได้เศร้าแล้วนะ






     กลับมาสู่วงจรชดใช้กรรม วันเสาร์-อาทิตย์คือวันแห่งการเคลียร์งานและอ่านหนังสือ แจจินนั่งทำการบ้านจนลืมเวลา แต่ก็ต้องขอบคุณซึงฮยอนที่ซื้ออาหารกับขนมมาตุนไว้ให้เต็มตู้เย็น วันนี้ทั้งวันจนถึงช่วงพลบค่ำนักศึกษาคณะวิทยาฯคนนี้จึงไม่ได้ยินเสียงท้องตัวเองร้องเหมือนวันอื่นๆเลย


     แจจินเดินถือถุงขยะที่เต็มไปด้วยซองขนมจะไปทิ้งที่ถังหน้าบ้าน ขณะกำลังเปิดประตูรั้วเขาได้ยินเสียงของชิ้นใหญ่ตกลงพื้นเสียงดังตุ้บบริเวณแถวๆตู้จดหมาย และเมื่อหันไปดูก็พบกับกล่องอะไรบางอย่างลักษณะคล้ายของขวัญ ห่อด้วยกระดาษสีม่วง มีเชือกติดอยู่เหมือนกับว่าตอนแรกมันจะถูกแขวนไว้ที่รั้วนี่


     มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่ใช่ของซึงฮยอน ถึงรายนั้นจะเป็นพวกชอบให้ของขวัญแต่ก็ไม่มีทางที่จะใช้วิธีนี้ หรือให้อะไรกับเขา...ในเวลาเช่นนี้



     “ของพวกโซฮีเหรอ...”



     ไม่น่าจะเป็นไปได้ แจจินเพิ่งจะวิดีโอคอลประชุมงานกับพวกนั้นไปเมื่อกี๊เอง และทุกคนก็อยู่บ้านกันหมด อีกอย่าง ถ้าจะส่งมาทางไปรษณีย์ก็ต้องมีแสตมป์ประทับไว้ด้วยสิ แต่นี่กลับมีแค่ชื่อผู้รับ ซึ่งก็คือเขา



     “อืม... แปลกแฮะ” แจจินหยิบกล่องใบนั้นเขาบ้านตัวเองไป ในใจยังเต็มไปด้วยความสงสัย



     และวิธีเดียวที่จะช่วยไขข้อสงสัยให้กับเขาได้ ก็คือแกะมันออกดู


     ใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าจะแกะกระดาษห่อออกครบทุกชั้น แจจินเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องห่อมาหลายชั้นขนาดนี้(เกือบสิบ)
     แต่ ที่ยิ่งไปกว่านั้น…
     เขาชักรู้สึกไม่ค่อยดียังไงก็ไม่รู้


     ทำไมที่ก้นกล่องถึงดูชื้นๆ เหมือนมีของเหลวอยู่ในนั้นแล้วมันซึมออกมาด้านนอกกระดาษลัง แถมยังมีกลิ่นอะไรบางอย่างที่ค่อนข้างจะไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย


     เริ่มไม่แน่ใจแล้วสิ



     ‘เอาวะ เราอาจจะคิดไปเองก็ได้’



     แจจินไม่ได้คิดไปเอง...






ตืด...ตืด...ตืด...



     “ว่าไงครั--”
     [ซึงฮยอน! ฮึก น...นายอยู่ที่ไหน! ซึงฮยอน! ฮือ นาย--]
     “แจจิน พี่เป็นอะไร! เกิดอะไรขึ้น!”
     [มาหาชั้นหน่อย ฮึก...ชั้นขอร้อง! ได้โปรด...ซึงฮยอน!]
     “พี่ครับ ใจเย็นก่อน บอกผมได้มั้ยว่ามีอะไร ร้ายแรงแค่ไหน ต้องให้เรียกตำรวจมั้ย”
     [ไม่! แค่นาย ซึงฮยอนชั้นขอร้อง... มีคน ฮึก...มีคนส่งของมาให้ชั้น มันน่ากลัวมากๆ! ฮือ ชั้นไม่กล้าเข้าไปในบ้านแล้ว! ซึงฮยอนช่วยพี่ด้วย]
     “เอางี้ แจจิน ออกมาข้างนอกเลย มารอผมที่หน้ามินิมาร์ท อยู่ตรงที่ๆมีแสงสว่าง ผมกำลังไปหาพี่นะ ทำใจดีๆไว้ อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องร้ายๆ มีสตินะครับ”
     [อือ ฮึก...ซึงฮยอน มาเร็วๆนะ]



     เด็กหนุ่มรีบสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ออกไปหาแจจินทันทีที่วางสาย หัวใจของเขาร้อนรุ่มจนแทบจะระเบิด



     ‘แจจินไม่เคยมีศัตรูไม่ใช่เหรอ
     แล้วทำไมถึงได้มีคนคิดปองร้ายพี่ล่ะ...’



     มันเป็นไปได้จริงๆเหรอ


     แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร


     ใคร เป็นคนทำ






     ซึงฮยอนมาถึงจุดนัดพบของทั้งคู่ในเวลาไม่ถึงสิบนาที แจจินที่นั่งกลั้นน้ำตารออย่างใจจดใจจ่อรีบวิ่งเข้ามากอดเขา เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว



     “พี่ครับ ผมอยู่นี้แล้ว” ร่างสูงโอบกอดอีกคนแน่น
     “ขอบคุณพระเจ้าที่นายมาเร็ว ฮึก...มัน น่ากลัวมาก” น้ำตาของแจจินไหลออกมาอีกระลอก
     “แจจิน พี่ต้องบอกผม ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น”



     คนในอ้อมกอดส่ายหน้ารัวๆ เสียงสะอึกสะอื้นทวีความดังขึ้น
     แจจินไม่พูด แต่ในหัวกำลังนึกถึงภาพสิ่งของในกล่องใบนั้นอยู่



     “ยังไงเราก็ต้องกลับไปที่บ้านนะ แจจิน ตั้งสติ มันก็แค่ของชิ้นนึง บอกผมว่ามันคืออะไร”
     “ซึงฮยอน ฮึก ช...ชั้น”



     ดูท่าแล้วเขาไม่น่าจะได้คำตอบมาโดยง่ายเพราะตอนนี้คนๆเดียวที่ได้เห็นมันกำลังมีอาการหวาดผวาสุดขีด



     “โอเคได้ งั้นพี่ก็ไปดูมันอีกรอบ...ด้วยกันกับผม”



     แจจินถูกแฟนหนุ่มฉุดดึงขึ้นมอเตอร์ไซค์พาเขากลับไปยังบ้านของตัวเอง






     ซึงฮยอนเดินจูงมือคนที่เป็นเจ้าของบ้านให้เข้าไปข้างในพร้อมกัน แจจินยังคงมีท่าทางกล้าๆกลัวๆ แต่ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมากเมื่อได้อยู่กับคนที่เขาเชื่อว่าสามารถปกป้องเขาได้



     “มันคืออวัยวะ”
     “อะไรนะ”



     ในที่สุดแจจินก็ยอมบอก



     “มันเป็นอวัยวะ... อวัยวะเพศของผู้ชาย” คนพูดยกมือขึ้นปาดน้ำตา พยายามแสดงให้อีกคนเห็นว่าตนเองเข้มแข็งขึ้นแล้ว
     “ห้ะ! มัน เป็นไปได้เหรอแจจิน!”
     “ได้สิ! กองเลือดนองเต็มกล่องนั่น เหมือนกับว่าเพิ่งถูกตัดออกมายังไงยังงั้น”



     ซึงฮยอนมีสีหน้าที่ดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่มีแววตาของคนขี้ขลาดหวาดกลัวแสดงออกมาเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มรีบสาวเท้าเข้าไปในบ้านโดยมีแจจินเดินตามเขาไปติดๆ


     ตอนนี้ของเหลวสีแดงในกล่องซึมทะลุกระดาษลังออกมาเปื้อนเลอะเต็มโต๊ะไม้ กลิ่นคาวคลุ้งชี้ชัดว่ามันคือเลือดจริงๆ แจจินหยุดตัวเองไว้ห่างจากตำแหน่งที่กล่องนั่นวางอยู่หลายฟุต แต่ก็ไม่กล้ายืนไกลจากซึงฮยอนมากเกินไป



     “มันไม่น่าจะเป็นเลือดคนนะ” ซึงฮยอนสันนิษฐานและกำลังจะเปิดกล่องดู



     ทันใดนั้นเอง เขาหัวเราะในลำคอ สายตาจ้องนิ่งไปยังของในนั้น



     “พี่แจจินครับ มานี่มา”
     “ฮึ...” แจจินค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้
     “ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ดูสิ ของปลอม” เขาตะแคงกล่องให้แจจินดู



     ...


     ของเล่นผู้ใหญ่ผลิตจากยางขนาดเท่าของจริงสองชิ้นกลิ้งไปมาในกองเลือดที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด จริงๆแล้วในนั้นมีแผ่นพลาสติกปิดทับไว้อีกที แต่มันคงเลื่อนหลุดตอนที่กล่องร่วงหล่นลงบนพื้นหน้าบ้าน เลือดเลยซึมทะลักออกมาอย่างที่เห็น


     น้ำตาของรุ่นพี่ไหลออกมาอีกรอบ...
     ไม่ว่าในนั้นจะเป็นอะไร แจจินก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องมาเจอกับเหตุการณ์บ้าๆบอๆแบบนี้



     “ใคร...ชั้นอยากรู้ว่าใครเป็นคนส่งมา”
     “ก่อนที่เราจะรู้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือแจ้งตำรวจนะครับ” ซึงฮยอนพูดพลางกุมมือแจจินแน่น






     หลายชั่วโมงผ่านไป ตำรวจมาเก็บหลักฐานทั้งหมดเพื่อนำกลับไปตรวจพิสูจน์ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นทำให้ทั้งคู่รู้ว่าเลือดในกล่องเป็นเพียงแค่เลือดหมูที่ไว้ใช้ประกอบอาหารและสามารถหาซื้อได้ทั่วไป


     เวลาห้าทุ่มกว่า บ้านหลังนี้กลับมาเหลือแค่ซึงฮยอนกับแจจินเพียงสองคนอีกครั้ง...



     “ซึงฮยอน คืนนี้นาย---”
     “ผมจะอยู่กับพี่จนกว่าเราจะหาตัวคนร้ายได้
     จะไม่ทิ้งพี่ให้อยู่คนเดียวแบบวันนี้อีก”






     ในค่ำคืนนี้ การข่มตาให้หลับนั้นเป็นอะไรที่ทำได้ยากลำบากสำหรับทั้งคู่ เนื่องจากแจจินยังรู้สึกผวา พวกเขาเลยตัดสินใจจะนอนด้วยกันที่โซฟาห้องรับแขก



     “แจจิน ถ้าผมกอดพี่ไว้ทั้งคืน พี่ยังจะกลัวอยู่รึเปล่า” ซึงฮยอนเงยหน้าถามคนที่ยังทำใจหลับไม่ได้
     “...” ไม่มีการตอบรับใดๆ
     “มาเถอะครับ ไม่ต้องหลับก็ได้ แต่ขอให้ผมได้ทำหน้าที่ดูแลพี่ให้ดีที่สุดนะ”



     เด็กหนุ่มลุกขึ้นคว้าแจจินมาไว้ในอ้อมกอดของเขาก่อนจะพาร่างของทั้งสองล้มตัวนอนไปด้วยกัน หลังจากลืมตาท่ามกลางความเงียบงันได้ครู่หนึ่ง ร่างเล็กก็เปลี่ยนใจพลิกตัวหันมาหาซึงฮยอนที่ตอนนี้เก็บซ่อนรอยยิ้มเขินอายไว้...ไม่มิด


     เพราะว่าอยู่ดีๆภาพเหตุการณ์เมื่อวานก็แว้บเข้ามาในหัวของเขาน่ะสิ



     “ซึงฮยอน”
     “เอ่อ ค...ครับ”
     “นายบอกว่าจะกอดชั้นทั้งคืน...” แจจินหาวหลังพูดจบ และความน่ารักตรงนั้นทำให้อีกคนกลั้นขำไม่อยู่
     “ไง ง่วงแล้วใช่มั้ยล่ะ”



     คนถูกถามพยักหน้าหงึกๆ ตาปรือเต็มที



     “สัญญานะ ว่าถ้าชั้นตื่นมานายก็จะยังกอดชั้นอยู่”
     “ด้วยเกียรติของแฟนเลย” ซึงฮยอนกระชับกอดให้แน่นขึ้นหมายจะเพิ่มความมั่นใจให้อีกฝ่าย แต่แล้วก็จบลงด้วยจูบส่งเข้านอนที่แสนอ่อนโยนและนุ่มลึก “นอนซะนะครับ แจจินของผม”






     เวลาล่วงเลยเข้าช่วงเช้ามืด แจจินเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว และกลายเป็นซึงฮยอนเองที่หลับไม่ลง เขายังคงคิดไม่ตกว่าใครคือคนที่ส่งไอ้กล่องบัดซบนั่นมาให้แจจิน และทำไมถึงทำแบบนั้น


     แจจินก็บอกเอง ว่าไม่ได้มีศัตรูที่ไหน...


     เขาไม่ได้อยากตัดชื่อของ ควอน กวังจิน แฟนเก่าของแจจินทิ้งหรอกนะ แต่คนที่น่าจะทำอะไรอย่างนี้ควรเป็นคนที่มีปัญหากับแจจินในปัจจุบันเสียมากกว่า


     ปัจจุบัน...


     ช่วงนี้ใครทะเลาะกับแจจินบ้าง?


     หนึ่ง ก็มีเขาล่ะ ทะเลาะกันเรื่อง...


     ...



     “แจฮยอน!”



     ซึงฮยอนไม่มีความคิดอยากจะติดต่อกับแจฮยอนอีกนับตั้งแต่เมื่อวาน เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาเช็คข้อความเข้า ผลปรากฏว่า...



                              Yesterday
               재현동생 (3:12 pm):
               ฮยองฮะ วันนี้มาหาผมหน่อยได้มั้ย
               재현동생 (4:38 pm):
               ฮยอง... ไม่ว่างเหรอ ตอบข้อความผมหน่อยสิฮะ
               재현동생 (6:45 pm):
               ไม่คิดถึงผมแล้วเหรอ ซึงฮยอน
               หรือว่าเมื่อวานนี้ ได้ อะไรจากพี่แจจินไปแล้ว?
               ว้า แย่จัง แจฮยอนคนนี้ใกล้จะหมดความสำคัญแล้วสินะ












-  To be continued  -