τσәчиσи
สองเท้าในคัทชูเครื่องแบบนักศึกษาก้าวย่ำไปบนฟุตบาทที่มีสีเข้มกว่าปกติ
พายุปลายฝนต้นหนาวที่โถมกระหน่ำพื้นที่แถบนี้มาตลอดทั้งวันทำให้อากาศยามบ่ายเย็นสบายกว่าเวลาเดียวกันของวันอื่นๆ
นักศึกษาปีสามที่เพิ่งสอบกลางภาควิชาสุดท้ายเสร็จเดินทอดน่องอย่างสบายใจตามเส้นทางที่จะพาเขาไปให้ไกลจากความเครียดกังวลที่ถูกสะสมมาตลอดหนึ่งสัปดาห์
ระหว่างสำรวจสภาพแวดล้อมหลังฝนตกภายในมหาวิทยาลัยของเขา นนนึกดีใจที่ตนเองไม่ได้เป็นโรคภูมิแพ้
เพราะอะไรน่ะเหรอ
ก็โรคภูมิแพ้กับอากาศชื้นๆนั้นไม่ต่างอะไรกับคู่อริที่ไม่มีวันกินเส้นกันเลยยังไงล่ะ
พวกเขา(คนที่เป็นโรคนี้)คงไม่มีเวลามาให้ความสนใจกับความงดงามของฤดูฝนเพราะเอาแต่หมกตัวอยู่กับขวดยาแก้แพ้ที่บ้าน
คิดแล้วก็เสียดายแทน
แม้ว่าข้อสอบเลขวันนี้จะยากจนแทบร้องไห้คาที่นั่งสอบ
แต่พอได้ออกมาเดินรับละอองน้ำเย็นชุ่มภายนอก
เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้รับการเยียวยาอย่างเต็มที่
แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วนะ ว่านนรักหน้าฝนขนาดไหน
และคงจะดีไม่น้อยถ้ามีเพื่อนเดินตากละอองฝนกลับบ้านด้วยกัน
แบบไม่ต้องกลัวว่าจะป่วย...เพราะป่วยแน่นอน
นนอมยิ้มให้กับมุกตลกที่เขาคิดขึ้นได้ขณะกำลังนึกถึงใครบางคน
นนอมยิ้มให้กับมุกตลกที่เขาคิดขึ้นได้ขณะกำลังนึกถึงใครบางคน
รถประจำทางสายเดิมที่เขาขึ้นเป็นประจำวิ่งมาจอดเทียบป้าย นักศึกษาหลายสิบคนแย่งกันวิ่งขึ้นรถเพื่อให้ร่างกายของพวกเขาโดนฝนน้อยที่สุด แต่กลับกัน นนยังยืนรอให้คนอื่นขึ้นไปจนครบก่อนอย่างใจเย็น
รู้ตัวอีกทีก็มานั่งหนาวอยู่บนรถเมล์ปรับอากาศคันนี้เสียแล้ว
ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางของตนเอง มือที่ยังไม่หายสั่นดีเอื้อมไปกดออดเป็นการบอกให้คนขับรถทราบว่าเขาต้องการลงป้ายหน้า
ถนนเส้นนี้ ผู้มาเยือนคุ้นเคยดี
แต่ มันไม่ใช่ถนนแถวบ้านของนน
ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางของตนเอง มือที่ยังไม่หายสั่นดีเอื้อมไปกดออดเป็นการบอกให้คนขับรถทราบว่าเขาต้องการลงป้ายหน้า
ถนนเส้นนี้ ผู้มาเยือนคุ้นเคยดี
แต่ มันไม่ใช่ถนนแถวบ้านของนน
ประตูรั้วเปิดอ้าออก เจ้าของบ้านจะรับรู้ถึงการมาของแขกจากเสียงเหล็กลั่นเอี๊ยดอ๊าด
"นน อ้าวตาย นี่ลูกเดินตากฝนเข้ามาเหรอ"
"ฮะ คือผม ลืมเอาร่มไป"
ลืมอะไรกันล่ะ เขาหยิบมันออกจากจากเป้ด้วยตัวเองเลยต่างหาก
"แล้วดูสิ หัวเปียก เสื้อชื้นหมดเลยเนี่ย" หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของนนยืนจ้องเขาอย่างตำหนิ "เดี๋ยวก็ไข้ขึ้นตามอีกคนไปหรอก"
"ไม่หรอกฮะแม่ ผมแข็งแรงกว่าเจ้านั่นตั้งหลายเท่า" นนตอบเขินๆ
"แหม มั่นใจนักนะเรา" เธอเอ็ดพลางส่งผ้าขนหนูให้
นนมองสำรวจไปรอบๆบ้านด้วยความสงสัย แววตาเป็นกังวลถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนอีกคนสังเกตเห็นและรับรู้ได้
"เต้ยอยู่ในห้องน่ะลูก แม่ขึ้นไปเช็คเมื่อตอนบ่ายยังตัวรุมๆอยู่ แต่วันนี้เสียงเค้าบี้มากเพราะจมูกตัน"
หลังจากได้ฟังความคืบหน้าอาการป่วยของเต้ย นนยิ่งรู้สึกแย่มากกว่าเดิม แม่ของเต้ยจะรู้มั้ยว่าที่ลูกชายของเธอเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา
ห้าวันก่อนหน้านี้...
"ถ้าวันนั้นเราไม่ขอให้เต้ยรอเรา เต้ยก็คงไม่ต้องไปตากฝนแล้วภูมิแพ้กำเริบอยู่แบบนี้" นนพูดกับเต้ยอย่างสำนึกผิด
"แล้วนนไม่คิดบ้างเหรอว่าเราเต็มใจ" คนป่วยพยายามเถียงเพื่อให้นนเลิกคิดโทษตัวเองสักที
"ก็ถ้าเรารู้ว่าเต้ยเป็นภูมิแ---"
"พอแล้ว เอาเป็นว่าเรายกโทษให้ โอเคมะ"
บรรยากาศภายในห้องนอนกลับมาอึมครึมอีกรอบ นนยังคงคิดถึงปัญหาที่กำลังจะตามมาอีกมากมายถ้าหากมีใครสักคนป่วยไข้ในช่วงสอบ
"เต้ยอ่านหนังสือสอบไม่ไหวแน่ๆ"
"ไหวสิ ทุกครั้งที่เราไปหานนที่ตึก เราหยิบหนังสือมาอ่านรอตลอดเลยนะ"
ที่เขาพูดมันก็จริง เต้ยเป็นคนขยันมากจนบางทีก็ทำให้นนติดนิสัยใฝ่รู้ใฝ่เรียนตามไปด้วย อย่างเช่นตอนนี้ที่กำลังเป็นกังวลกับการเตรียมตัวสอบของเต้ยยิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก
"เดี๋ยวเรามาช่วยติวมิดเทอมให้เต้ยเอง" ช่วงท้ายประโยคนี้ของนนถูกแทรกด้วยเสียงจามดังลั่น
"อย่าเลย ติดหวัดเราแน่" เต้ยเอาหน้าซุกเข้าไปในผ้านวมเผื่อว่าเชื้อหวัดจะอยู่แต่ภายในนั้น ซึ่งจริงๆมันก็ลอยฟุ้งไปทั่วทั้งห้องแล้ว
"ไม่หรอก"
"ถ้าป่วยกันหมดมีหวังคะแนนเน่าทั้งคู่อะ"
"ฮะ คือผม ลืมเอาร่มไป"
ลืมอะไรกันล่ะ เขาหยิบมันออกจากจากเป้ด้วยตัวเองเลยต่างหาก
"แล้วดูสิ หัวเปียก เสื้อชื้นหมดเลยเนี่ย" หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของนนยืนจ้องเขาอย่างตำหนิ "เดี๋ยวก็ไข้ขึ้นตามอีกคนไปหรอก"
"ไม่หรอกฮะแม่ ผมแข็งแรงกว่าเจ้านั่นตั้งหลายเท่า" นนตอบเขินๆ
"แหม มั่นใจนักนะเรา" เธอเอ็ดพลางส่งผ้าขนหนูให้
นนมองสำรวจไปรอบๆบ้านด้วยความสงสัย แววตาเป็นกังวลถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนอีกคนสังเกตเห็นและรับรู้ได้
"เต้ยอยู่ในห้องน่ะลูก แม่ขึ้นไปเช็คเมื่อตอนบ่ายยังตัวรุมๆอยู่ แต่วันนี้เสียงเค้าบี้มากเพราะจมูกตัน"
หลังจากได้ฟังความคืบหน้าอาการป่วยของเต้ย นนยิ่งรู้สึกแย่มากกว่าเดิม แม่ของเต้ยจะรู้มั้ยว่าที่ลูกชายของเธอเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา
ห้าวันก่อนหน้านี้...
"ถ้าวันนั้นเราไม่ขอให้เต้ยรอเรา เต้ยก็คงไม่ต้องไปตากฝนแล้วภูมิแพ้กำเริบอยู่แบบนี้" นนพูดกับเต้ยอย่างสำนึกผิด
"แล้วนนไม่คิดบ้างเหรอว่าเราเต็มใจ" คนป่วยพยายามเถียงเพื่อให้นนเลิกคิดโทษตัวเองสักที
"ก็ถ้าเรารู้ว่าเต้ยเป็นภูมิแ---"
"พอแล้ว เอาเป็นว่าเรายกโทษให้ โอเคมะ"
บรรยากาศภายในห้องนอนกลับมาอึมครึมอีกรอบ นนยังคงคิดถึงปัญหาที่กำลังจะตามมาอีกมากมายถ้าหากมีใครสักคนป่วยไข้ในช่วงสอบ
"เต้ยอ่านหนังสือสอบไม่ไหวแน่ๆ"
"ไหวสิ ทุกครั้งที่เราไปหานนที่ตึก เราหยิบหนังสือมาอ่านรอตลอดเลยนะ"
ที่เขาพูดมันก็จริง เต้ยเป็นคนขยันมากจนบางทีก็ทำให้นนติดนิสัยใฝ่รู้ใฝ่เรียนตามไปด้วย อย่างเช่นตอนนี้ที่กำลังเป็นกังวลกับการเตรียมตัวสอบของเต้ยยิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก
"เดี๋ยวเรามาช่วยติวมิดเทอมให้เต้ยเอง" ช่วงท้ายประโยคนี้ของนนถูกแทรกด้วยเสียงจามดังลั่น
"อย่าเลย ติดหวัดเราแน่" เต้ยเอาหน้าซุกเข้าไปในผ้านวมเผื่อว่าเชื้อหวัดจะอยู่แต่ภายในนั้น ซึ่งจริงๆมันก็ลอยฟุ้งไปทั่วทั้งห้องแล้ว
"ไม่หรอก"
"ถ้าป่วยกันหมดมีหวังคะแนนเน่าทั้งคู่อะ"
นนไม่สนใจคำพูดของเต้ยที่ต้องการจะทำลายความตั้งใจของเขา
คนตัวเล็กก้มรื้อค้นอะไรบางอย่างในลิ้นชักข้างเตียงอยู่สักพักแล้วก็หยิบของชิ้นนั้นออกมา
"เราจะใส่แมสก์ไว้ นี่ไง" เขาแกะหน้ากากอนามัยออกจากแพ็คมาสวมก่อนจะส่งยิ้มตาหยีไปให้อีกคนที่ทำหน้าบึ้งตึงอยู่
"กลับบ้านไปซะนน"
"ไม่เอา!" นนขึ้นเสียงตามประสาคนขี้เอาแต่ใจ "ให้เราอยู่...ดูแลเต้ยไม่ได้เหรอ"
"อ้าว คนดื้อมาแล้ว" เสียงทักทายอู้อี้จากคนที่นอนอยู่ดังขึ้นหลังการเปิดออกของประตูห้องนอน
นนหันหน้ามุ่ยๆของเขาไปทางเตียงนั้น สองมือที่ถือถาดข้าวต้มยกมันขึ้นเล็กน้อยทำทีว่าจะเขวี้ยงใส่อีกคน เต้ยหัวเราะชอบใจใหญ่ที่ได้แซวแฟน
กลายเป็นว่าหน้าที่ในการใส่หน้ากากอนามัยถูกสลับให้เป็นของเต้ยแทน วันนี้ห้องนี้ดูสะอาดสดใสกว่าเมื่อวานมาก น่าจะเป็นเพราะว่าแม่ของเขามาเก็บห้องใหม่และปรับบรรยากาศให้ที่นี่ไม่ดูเหมือนสถานที่กักขังผู้ป่วยมากเกินไป
ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม (หรือแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี) ก็ถูกเปลี่ยนด้วย
"สอบเสร็จสักทีนะ พวกเก็บเสรีช้า" ถึงเสียงจะบี้แค่ไหนเต้ยก็ยังคงหาเรื่องกวนประสาทนนอยู่เรื่อยๆ เรียกได้ว่าเป็นลายเซ็นประจำตัวเขาไปซะแล้ว "นี่ สอบยากใช่มั้ยล่ะ"
"เราจะใส่แมสก์ไว้ นี่ไง" เขาแกะหน้ากากอนามัยออกจากแพ็คมาสวมก่อนจะส่งยิ้มตาหยีไปให้อีกคนที่ทำหน้าบึ้งตึงอยู่
"กลับบ้านไปซะนน"
"ไม่เอา!" นนขึ้นเสียงตามประสาคนขี้เอาแต่ใจ "ให้เราอยู่...ดูแลเต้ยไม่ได้เหรอ"
"อ้าว คนดื้อมาแล้ว" เสียงทักทายอู้อี้จากคนที่นอนอยู่ดังขึ้นหลังการเปิดออกของประตูห้องนอน
นนหันหน้ามุ่ยๆของเขาไปทางเตียงนั้น สองมือที่ถือถาดข้าวต้มยกมันขึ้นเล็กน้อยทำทีว่าจะเขวี้ยงใส่อีกคน เต้ยหัวเราะชอบใจใหญ่ที่ได้แซวแฟน
กลายเป็นว่าหน้าที่ในการใส่หน้ากากอนามัยถูกสลับให้เป็นของเต้ยแทน วันนี้ห้องนี้ดูสะอาดสดใสกว่าเมื่อวานมาก น่าจะเป็นเพราะว่าแม่ของเขามาเก็บห้องใหม่และปรับบรรยากาศให้ที่นี่ไม่ดูเหมือนสถานที่กักขังผู้ป่วยมากเกินไป
ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม (หรือแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี) ก็ถูกเปลี่ยนด้วย
"สอบเสร็จสักทีนะ พวกเก็บเสรีช้า" ถึงเสียงจะบี้แค่ไหนเต้ยก็ยังคงหาเรื่องกวนประสาทนนอยู่เรื่อยๆ เรียกได้ว่าเป็นลายเซ็นประจำตัวเขาไปซะแล้ว "นี่ สอบยากใช่มั้ยล่ะ"
สงสัยจะต้องเปลี่ยนมาเป็นโหมดซีเรียสเพราะฝ่ายนั้นเขาดูจะไม่เล่นด้วยเลย
เต้ยเงยหน้ามองนนที่เอาแต่ยืนจ้องถ้วยข้าวต้มบนโต๊ะนิ่ง
แต่ก็ต้องยิ่งตกใจขึ้นอีกเมื่อเห็นน้ำใสๆหยดใหญ่หยดหนึ่งร่วงตกลงไปที่โต๊ะ
"นน...เป็นไ--"
"ทำไมไม่หายสักทีอะ
เต้ยนอนซมอยู่แบบนี้มาเกือบอาทิตย์แล้วนะ"
รู้เลยว่า
นนที่ยังไม่เข้าใจอาการของคนเป็นโรคภูมิแพ้ดีกำลังจะเข้าสู่ช่วงโทษตัวเองอีกครั้ง
เพราะตลอดสามสี่วันที่ผ่านมา เขาบังคับให้เต้ยท่องหนังสือยันดึกทุกคืน
คนป่วยลุกขึ้นมานั่งบนที่นอน
"มานี่มา" เขาเรียกให้นนมาที่เตียง
"เร็วสิ"
ร่างเล็กเดินปาดน้ำตามานั่งลงตรงหน้าเต้ย
เอาจริงก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าผู้ชายขี้แงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
"อะไร"
"ร้องไห้ทำไม"
นนเป็นคนขี้กังวล นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่เต้ยรู้
"เรา..."
แต่เขามักจะไม่บอกใครว่าตัวเองกังวลอะไร
"อะไรครับ"
นั่นทำให้เต้ยต้องเป็นคนถามเองอยู่ทุกครั้ง
"ช่วงนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย"
นนก้มหน้าก้มตา
เขารู้ว่าคนถามคงกำลังทำหน้างงสุดขีดเพราะที่ผ่านมาทั้งคู่ก็ติวหนังสือด้วยกันในห้องนี้แทบจะทุกคืน
"แบบว่า..."
แล้วเต้ยก็เข้าใจทันทีว่าคำพูดของนนหมายถึงอะไร
น่าเสียดายที่เขาใส่แมสก์อยู่
อีกคนเลยอดเห็นรอยยิ้มเอ็นดูภายใต้หน้ากากผ้าชิ้นนั้น
"อ๋อ แบบนี้ใช่มะ"
คนตัวใหญ่กว่าพุ่งเข้ากอดคนตัวเล็กโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว
เสร็จแล้วก็พาลงมานอนด้วยกัน
หัวยุ่งๆถูไถไปมาบนไหล่ของอีกคนอย่างเอาอกเอาใจ
นนหัวเราะจักจี้
ความโหยหาอยากได้ช่วงเวลาแบบนี้มันมีมากจนเขาไม่สนใจแล้วว่าเต้ยยังไม่หายป่วยดี
...
หลังจากโดนกอดรัดอยู่นาน
นนเขยิบตัวขึ้นมาแล้วหันไปหาเต้ย
"เต้ย เราอยาก..."
เขาขยับริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยเป็นการบอกใบ้
เต้ยเห็นการกระทำแบบนั้นของนนแล้วก็หัวเราะออกมา
"ก็ลอง แบบมีผ้ากั้นดูบ้างดีมะ"
เต้ยพูดไปขำไป
นนยิ้ม ไม่ตอบอะไรเขาอีก ใบหน้ายื่นเข้ามาใกล้
ประกบจูบคนที่นอนอยู่ ถึงจะมีแมสก์กั้นแต่ต่างฝ่ายก็ยังรับสัมผัสของอีกคนได้
ลิ้นซนของนนเคลื่อนออกมาโดนผ้าอย่างไม่ตั้งใจแต่เขาก็ยังค้างมันไว้อย่างนั้น
"นน มันเปียกไปหมดแล้ว" เต้ยโวย
"อือ ไม่หนุกเลย"
บ่นเสร็จนนก็ดึงหน้ากากอนามัยที่เต้ยใส่อยู่ออก
คราวนี้การจูบของทั้งสองก็ไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆแล้ว
นนรู้สึกถึงความร้อนที่มากกว่าปกติในโพรงปากอันเป็นผลมาจากอาการมีไข้ของเต้ย
แต่มันก็ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับเขาในช่วงเวลาหลังฝนตกแบบนี้ได้ดีไม่ใช่น้อย
"ตากฝนอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย ตัวเย็นขนาดนี้"
เต้ยถามคนในอ้อมกอดของตัวเอง "โดนแม่เราว่ามาด้วยชัวร์"
นนพยักหน้าหงอยๆ ในสายตาของคนอื่น
เขาเป็นคนดื้อและไม่ชอบฟังคำเตือนของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องการเล่นน้ำฝน
จะมีแค่เต้ยนี่แหละที่เข้าใจ
"ถึงเราจะไม่ถูกกับอากาศชื้น
แต่แค่เรากอดนนมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดหน้าฝนแล้วล่ะ"
เต้ยกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเพื่อรับเอาความเย็นจากร่างกายของนน
ในขณะที่นนก็ต้องการความอบอุ่นจากเต้ย
น่าเสียดายที่วันนี้นนทำได้แค่มาเยี่ยมอาการของแฟน
กลับมาถึงบ้าน...
บนโต๊ะอาหารเย็นที่มีสมาชิกในครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา
ผู้เป็นพี่สาวเอ่ยถามนนถึงเรื่องการสอบ
"เป็นไงนนสอบวันนี้
คนเก่งของบ้านผู้ลงวิชาเลขเป็นตัวเสรี"
นนเงียบไปสักพัก ไม่ใช่ว่าไม่รู้จะตอบอะไร
แต่ตอนนี้เขากำลังรู้สึกไม่สบายตัวแปลกๆ ทั้งหายใจได้ไม่เต็มสองรูจมูก
แล้วก็อาการปวดหัวตุ้บๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่เขาออกมาจากบ้านเต้ย
"ไงลูก ยากจนพูดไม่ออกเลยล่ะสิ"
พ่อของนนถามย้ำหลังจากเห็นหน้าตาบูดเบี้ยวของลูกชาย
"เอ่อ ก็ ฮะ ฮ...ฮัดชิ้ว!"
END
No comments:
Post a Comment