October 12, 2017

{oneshot} τσәчиσи: โรคภูมิแพ้กับฤดูฝน

τσәчиσи





     สองเท้าในคัทชูเครื่องแบบนักศึกษาก้าวย่ำไปบนฟุตบาทที่มีสีเข้มกว่าปกติ พายุปลายฝนต้นหนาวที่โถมกระหน่ำพื้นที่แถบนี้มาตลอดทั้งวันทำให้อากาศยามบ่ายเย็นสบายกว่าเวลาเดียวกันของวันอื่นๆ

     นักศึกษาปีสามที่เพิ่งสอบกลางภาควิชาสุดท้ายเสร็จเดินทอดน่องอย่างสบายใจตามเส้นทางที่จะพาเขาไปให้ไกลจากความเครียดกังวลที่ถูกสะสมมาตลอดหนึ่งสัปดาห์

     ระหว่างสำรวจสภาพแวดล้อมหลังฝนตกภายในมหาวิทยาลัยของเขา นนนึกดีใจที่ตนเองไม่ได้เป็นโรคภูมิแพ้



     เพราะอะไรน่ะเหรอ



     ก็โรคภูมิแพ้กับอากาศชื้นๆนั้นไม่ต่างอะไรกับคู่อริที่ไม่มีวันกินเส้นกันเลยยังไงล่ะ

     พวกเขา(คนที่เป็นโรคนี้)คงไม่มีเวลามาให้ความสนใจกับความงดงามของฤดูฝนเพราะเอาแต่หมกตัวอยู่กับขวดยาแก้แพ้ที่บ้าน



     คิดแล้วก็เสียดายแทน



     แม้ว่าข้อสอบเลขวันนี้จะยากจนแทบร้องไห้คาที่นั่งสอบ แต่พอได้ออกมาเดินรับละอองน้ำเย็นชุ่มภายนอก เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้รับการเยียวยาอย่างเต็มที่



     แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วนะ ว่านนรักหน้าฝนขนาดไหน



     และคงจะดีไม่น้อยถ้ามีเพื่อนเดินตากละอองฝนกลับบ้านด้วยกัน แบบไม่ต้องกลัวว่าจะป่วย...เพราะป่วยแน่นอน

     นนอมยิ้มให้กับมุกตลกที่เขาคิดขึ้นได้ขณะกำลังนึกถึงใครบางคน










     รถประจำทางสายเดิมที่เขาขึ้นเป็นประจำวิ่งมาจอดเทียบป้าย นักศึกษาหลายสิบคนแย่งกันวิ่งขึ้นรถเพื่อให้ร่างกายของพวกเขาโดนฝนน้อยที่สุด แต่กลับกัน นนยังยืนรอให้คนอื่นขึ้นไปจนครบก่อนอย่างใจเย็น



     รู้ตัวอีกทีก็มานั่งหนาวอยู่บนรถเมล์ปรับอากาศคันนี้เสียแล้ว










     ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางของตนเอง มือที่ยังไม่หายสั่นดีเอื้อมไปกดออดเป็นการบอกให้คนขับรถทราบว่าเขาต้องการลงป้ายหน้า



     ถนนเส้นนี้ ผู้มาเยือนคุ้นเคยดี

     แต่ มันไม่ใช่ถนนแถวบ้านของนน










     ประตูรั้วเปิดอ้าออก เจ้าของบ้านจะรับรู้ถึงการมาของแขกจากเสียงเหล็กลั่นเอี๊ยดอ๊าด



     "นน อ้าวตาย นี่ลูกเดินตากฝนเข้ามาเหรอ"

     "ฮะ คือผม ลืมเอาร่มไป"



     ลืมอะไรกันล่ะ เขาหยิบมันออกจากจากเป้ด้วยตัวเองเลยต่างหาก



     "แล้วดูสิ หัวเปียก เสื้อชื้นหมดเลยเนี่ย" หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของนนยืนจ้องเขาอย่างตำหนิ "เดี๋ยวก็ไข้ขึ้นตามอีกคนไปหรอก"

     "ไม่หรอกฮะแม่ ผมแข็งแรงกว่าเจ้านั่นตั้งหลายเท่า" นนตอบเขินๆ

     "แหม มั่นใจนักนะเรา" เธอเอ็ดพลางส่งผ้าขนหนูให้



     นนมองสำรวจไปรอบๆบ้านด้วยความสงสัย แววตาเป็นกังวลถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนอีกคนสังเกตเห็นและรับรู้ได้



     "เต้ยอยู่ในห้องน่ะลูก แม่ขึ้นไปเช็คเมื่อตอนบ่ายยังตัวรุมๆอยู่ แต่วันนี้เสียงเค้าบี้มากเพราะจมูกตัน"



     หลังจากได้ฟังความคืบหน้าอาการป่วยของเต้ย นนยิ่งรู้สึกแย่มากกว่าเดิม แม่ของเต้ยจะรู้มั้ยว่าที่ลูกชายของเธอเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา










     ห้าวันก่อนหน้านี้...



     "ถ้าวันนั้นเราไม่ขอให้เต้ยรอเรา เต้ยก็คงไม่ต้องไปตากฝนแล้วภูมิแพ้กำเริบอยู่แบบนี้" นนพูดกับเต้ยอย่างสำนึกผิด

     "แล้วนนไม่คิดบ้างเหรอว่าเราเต็มใจ" คนป่วยพยายามเถียงเพื่อให้นนเลิกคิดโทษตัวเองสักที

     "ก็ถ้าเรารู้ว่าเต้ยเป็นภูมิแ---"

     "พอแล้ว เอาเป็นว่าเรายกโทษให้ โอเคมะ"



     บรรยากาศภายในห้องนอนกลับมาอึมครึมอีกรอบ นนยังคงคิดถึงปัญหาที่กำลังจะตามมาอีกมากมายถ้าหากมีใครสักคนป่วยไข้ในช่วงสอบ



     "เต้ยอ่านหนังสือสอบไม่ไหวแน่ๆ"

     "ไหวสิ ทุกครั้งที่เราไปหานนที่ตึก เราหยิบหนังสือมาอ่านรอตลอดเลยนะ"



     ที่เขาพูดมันก็จริง เต้ยเป็นคนขยันมากจนบางทีก็ทำให้นนติดนิสัยใฝ่รู้ใฝ่เรียนตามไปด้วย อย่างเช่นตอนนี้ที่กำลังเป็นกังวลกับการเตรียมตัวสอบของเต้ยยิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก



     "เดี๋ยวเรามาช่วยติวมิดเทอมให้เต้ยเอง" ช่วงท้ายประโยคนี้ของนนถูกแทรกด้วยเสียงจามดังลั่น

     "อย่าเลย ติดหวัดเราแน่" เต้ยเอาหน้าซุกเข้าไปในผ้านวมเผื่อว่าเชื้อหวัดจะอยู่แต่ภายในนั้น ซึ่งจริงๆมันก็ลอยฟุ้งไปทั่วทั้งห้องแล้ว

     "ไม่หรอก"

     "ถ้าป่วยกันหมดมีหวังคะแนนเน่าทั้งคู่อะ"



     นนไม่สนใจคำพูดของเต้ยที่ต้องการจะทำลายความตั้งใจของเขา คนตัวเล็กก้มรื้อค้นอะไรบางอย่างในลิ้นชักข้างเตียงอยู่สักพักแล้วก็หยิบของชิ้นนั้นออกมา



     "เราจะใส่แมสก์ไว้ นี่ไง" เขาแกะหน้ากากอนามัยออกจากแพ็คมาสวมก่อนจะส่งยิ้มตาหยีไปให้อีกคนที่ทำหน้าบึ้งตึงอยู่

     "กลับบ้านไปซะนน"

     "ไม่เอา!" นนขึ้นเสียงตามประสาคนขี้เอาแต่ใจ "ให้เราอยู่...ดูแลเต้ยไม่ได้เหรอ"











     "อ้าว คนดื้อมาแล้ว" เสียงทักทายอู้อี้จากคนที่นอนอยู่ดังขึ้นหลังการเปิดออกของประตูห้องนอน



     นนหันหน้ามุ่ยๆของเขาไปทางเตียงนั้น สองมือที่ถือถาดข้าวต้มยกมันขึ้นเล็กน้อยทำทีว่าจะเขวี้ยงใส่อีกคน เต้ยหัวเราะชอบใจใหญ่ที่ได้แซวแฟน

     กลายเป็นว่าหน้าที่ในการใส่หน้ากากอนามัยถูกสลับให้เป็นของเต้ยแทน วันนี้ห้องนี้ดูสะอาดสดใสกว่าเมื่อวานมาก น่าจะเป็นเพราะว่าแม่ของเขามาเก็บห้องใหม่และปรับบรรยากาศให้ที่นี่ไม่ดูเหมือนสถานที่กักขังผู้ป่วยมากเกินไป

     ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม (หรือแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี) ก็ถูกเปลี่ยนด้วย



     "สอบเสร็จสักทีนะ พวกเก็บเสรีช้า" ถึงเสียงจะบี้แค่ไหนเต้ยก็ยังคงหาเรื่องกวนประสาทนนอยู่เรื่อยๆ เรียกได้ว่าเป็นลายเซ็นประจำตัวเขาไปซะแล้ว "นี่ สอบยากใช่มั้ยล่ะ"



     สงสัยจะต้องเปลี่ยนมาเป็นโหมดซีเรียสเพราะฝ่ายนั้นเขาดูจะไม่เล่นด้วยเลย เต้ยเงยหน้ามองนนที่เอาแต่ยืนจ้องถ้วยข้าวต้มบนโต๊ะนิ่ง แต่ก็ต้องยิ่งตกใจขึ้นอีกเมื่อเห็นน้ำใสๆหยดใหญ่หยดหนึ่งร่วงตกลงไปที่โต๊ะ



     "นน...เป็นไ--"
     
     "ทำไมไม่หายสักทีอะ เต้ยนอนซมอยู่แบบนี้มาเกือบอาทิตย์แล้วนะ" 



     รู้เลยว่า นนที่ยังไม่เข้าใจอาการของคนเป็นโรคภูมิแพ้ดีกำลังจะเข้าสู่ช่วงโทษตัวเองอีกครั้ง เพราะตลอดสามสี่วันที่ผ่านมา เขาบังคับให้เต้ยท่องหนังสือยันดึกทุกคืน



     คนป่วยลุกขึ้นมานั่งบนที่นอน



     "มานี่มา" เขาเรียกให้นนมาที่เตียง "เร็วสิ"



     ร่างเล็กเดินปาดน้ำตามานั่งลงตรงหน้าเต้ย เอาจริงก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าผู้ชายขี้แงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่



     "อะไร"

     "ร้องไห้ทำไม"



     นนเป็นคนขี้กังวล นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่เต้ยรู้



     "เรา..."



     แต่เขามักจะไม่บอกใครว่าตัวเองกังวลอะไร



     "อะไรครับ"



     นั่นทำให้เต้ยต้องเป็นคนถามเองอยู่ทุกครั้ง



     "ช่วงนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย" นนก้มหน้าก้มตา เขารู้ว่าคนถามคงกำลังทำหน้างงสุดขีดเพราะที่ผ่านมาทั้งคู่ก็ติวหนังสือด้วยกันในห้องนี้แทบจะทุกคืน "แบบว่า..."



     แล้วเต้ยก็เข้าใจทันทีว่าคำพูดของนนหมายถึงอะไร น่าเสียดายที่เขาใส่แมสก์อยู่ อีกคนเลยอดเห็นรอยยิ้มเอ็นดูภายใต้หน้ากากผ้าชิ้นนั้น



     "อ๋อ แบบนี้ใช่มะ" คนตัวใหญ่กว่าพุ่งเข้ากอดคนตัวเล็กโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว เสร็จแล้วก็พาลงมานอนด้วยกัน



     หัวยุ่งๆถูไถไปมาบนไหล่ของอีกคนอย่างเอาอกเอาใจ นนหัวเราะจักจี้ ความโหยหาอยากได้ช่วงเวลาแบบนี้มันมีมากจนเขาไม่สนใจแล้วว่าเต้ยยังไม่หายป่วยดี


     ...


     หลังจากโดนกอดรัดอยู่นาน นนเขยิบตัวขึ้นมาแล้วหันไปหาเต้ย



     "เต้ย เราอยาก..." เขาขยับริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยเป็นการบอกใบ้ เต้ยเห็นการกระทำแบบนั้นของนนแล้วก็หัวเราะออกมา

     "ก็ลอง แบบมีผ้ากั้นดูบ้างดีมะ" เต้ยพูดไปขำไป



     นนยิ้ม ไม่ตอบอะไรเขาอีก ใบหน้ายื่นเข้ามาใกล้ ประกบจูบคนที่นอนอยู่ ถึงจะมีแมสก์กั้นแต่ต่างฝ่ายก็ยังรับสัมผัสของอีกคนได้ ลิ้นซนของนนเคลื่อนออกมาโดนผ้าอย่างไม่ตั้งใจแต่เขาก็ยังค้างมันไว้อย่างนั้น



     "นน มันเปียกไปหมดแล้ว" เต้ยโวย

     "อือ ไม่หนุกเลย" บ่นเสร็จนนก็ดึงหน้ากากอนามัยที่เต้ยใส่อยู่ออก



     คราวนี้การจูบของทั้งสองก็ไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆแล้ว นนรู้สึกถึงความร้อนที่มากกว่าปกติในโพรงปากอันเป็นผลมาจากอาการมีไข้ของเต้ย แต่มันก็ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับเขาในช่วงเวลาหลังฝนตกแบบนี้ได้ดีไม่ใช่น้อย










      "ตากฝนอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย ตัวเย็นขนาดนี้" เต้ยถามคนในอ้อมกอดของตัวเอง "โดนแม่เราว่ามาด้วยชัวร์"



     นนพยักหน้าหงอยๆ ในสายตาของคนอื่น เขาเป็นคนดื้อและไม่ชอบฟังคำเตือนของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องการเล่นน้ำฝน จะมีแค่เต้ยนี่แหละที่เข้าใจ



     "ถึงเราจะไม่ถูกกับอากาศชื้น แต่แค่เรากอดนนมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดหน้าฝนแล้วล่ะ"



     เต้ยกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเพื่อรับเอาความเย็นจากร่างกายของนน ในขณะที่นนก็ต้องการความอบอุ่นจากเต้ย



     น่าเสียดายที่วันนี้นนทำได้แค่มาเยี่ยมอาการของแฟน










     กลับมาถึงบ้าน...



     บนโต๊ะอาหารเย็นที่มีสมาชิกในครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ผู้เป็นพี่สาวเอ่ยถามนนถึงเรื่องการสอบ



     "เป็นไงนนสอบวันนี้ คนเก่งของบ้านผู้ลงวิชาเลขเป็นตัวเสรี"



     นนเงียบไปสักพัก ไม่ใช่ว่าไม่รู้จะตอบอะไร แต่ตอนนี้เขากำลังรู้สึกไม่สบายตัวแปลกๆ ทั้งหายใจได้ไม่เต็มสองรูจมูก แล้วก็อาการปวดหัวตุ้บๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่เขาออกมาจากบ้านเต้ย



     "ไงลูก ยากจนพูดไม่ออกเลยล่ะสิ" พ่อของนนถามย้ำหลังจากเห็นหน้าตาบูดเบี้ยวของลูกชาย

     "เอ่อ ก็ ฮะ ฮ...ฮัดชิ้ว!"





END

No comments:

Post a Comment