OS เรื่องนี้มีเนื้อหาที่ดำเนินต่อจาก [Drabble] 'You're my tower controller.'
ผู้เขียนจึงใคร่ขอแนะนำให้อ่านฟิค 200 คำ เรื่องด้านบนก่อน ทั้งนี้เพื่ออรรถรสที่มากขึ้น
จะบอกว่าเรื่องนี้เป็น #ฟิควูบ และกามล้วนที่เหมือนจะไม่มีพล็อตแต่ก็มี แฮ่
ผู้เขียนจึงใคร่ขอแนะนำให้อ่านฟิค 200 คำ เรื่องด้านบนก่อน ทั้งนี้เพื่ออรรถรสที่มากขึ้น
จะบอกว่าเรื่องนี้เป็น #ฟิควูบ และกามล้วนที่เหมือนจะไม่มีพล็อตแต่ก็มี แฮ่
- - - - -
OS: LDR
۞
genre: yaoi, smut
pairing: seunghyun x jaejin
rating: nc - 17
- - - - -
นิยามศัพท์
TOWER CONTROL = ส่วนควบคุมจราจรทางอากาศบนทางวิ่งและอากาศยานโดยรอบท่าอากาศยาน ทำหน้าที่ดูแลเครื่องบินขึ้น-ลง เป็นหลัก
หน้าที่ของนักบินทั้ง 2 คน ในห้องนักบิน ประกอบด้วย:
PM(Pilot Monitoring) = หน้าที่ของนักบินที่รับผิดชอบการติดต่อสื่อสาร ตรวจสอบการทำงานของระบบต่าง ๆ รวมถึงการบินของนักบิน PF
PF(Pilot Flying) = หน้าที่ของนักบินที่รับผิดชอบการควบคุมเครื่องบิน เครื่องยนต์ ระบบนำทาง และการปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ
* นักบินที่ 1(กัปตัน) และนักบินที่ 2(F/O) สามารถทำหน้าที่สลับกันได้ตลอดการทำการบิน
✍ งานเขียนชิ้นนี้เป็น Fiction ที่ผู้แต่งทำการรีเสิร์ชข้อมูลเพื่อสร้างความสมจริงในบางประเด็นเท่านั้น
มองจากตรงนี้ก็รู้ว่าเขาพร้อมขนาดไหน
ชายร่างบางเดินอ้อมสระว่ายน้ำไปหาซึงฮยอนที่นอนอาบแดดอยู่บนเก้าอี้ไม้ยาวตัวริมสุด ถึงรายนั้นจะสวมแว่นกันแดดอยู่ แต่ เมื่อคะเนจากองศาการเอียงศีรษะแล้ว แจจินพบว่าขณะนี้ตัวเขาเองก็กำลังถูกจ้องอยู่เช่นกัน
“เก็บอาการหน่อย” ความร้อนในเส้นใยผ้าแผ่ไปยังฝ่ามือเล็กที่เพิ่งวางทาบลงบนกางเกงว่ายน้ำสีส้มสด ของแข็ง ข้างใต้ขยายขนาดจนจับได้พอดีมือ
จะบีบเล่นสักสองสามทีก็คงไม่เสียหายอะไร
“อืม...”
ร่างหนาเผลอส่งเสียงแสดงความพอใจ เขาพามือของอีกคนสอดเข้าไปด้านในเครื่องนุ่งห่มชิ้นน้อย แล้วปล่อยให้แจจินยุ่งกับมันได้อย่างเต็มที่
“ผมอยากสัมผัสคุณมากกว่านี้ ซึงฮยอน...” คนพูดใช้ปลายนิ้วลูบวนที่ ส่วนหัว จนมีของเหลวไหลซึมออกมา “...ทาวเวอร์ ของคุณ”
“ไปกางร่มก่อน”
เจ้าหน้าที่หอบังคับการบินละมือจากสิ่งนั้น ลุกขึ้นไปจัดการกับร่มคันใหญ่ข้างตัวก่อนจะหันกลับมาหาซึงฮยอนที่ตอนนี้ถอดกางเกงว่ายน้ำออกแล้ว
“อะ อยากจะทำอะไรก็เชิญ” คนที่นอนอยู่นำเสนอตัวเองด้วยการผายมือไปยังส่วนสำคัญของร่างกาย
“ขอบคุณครับ กัปตัน”
รอยยิ้มขี้เล่นถูกส่งมาให้เขา ท่อนขายาวอ้าแยกออกเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้แทรกตัวเข้ามาระหว่างระยางค์ทั้งสองข้าง แจจินนอนเกยคางกับโคนขาอ่อนของซึงฮยอน สองนิ้วเล่นปูไต่บนท้องน้อยขาวเนียนละเลยอวัยวะอีกอย่างที่ตั้งชูชันอยู่ข้างแก้ม...โดยตั้งใจ
“รักคุณนะ” ปลายนิ้วกลางไล้วนจดจ่อกับกลุ่มขนใต้สะดือที่ขึ้นเป็นทางยาวไปจนถึงจุดศูนย์รวมใหญ่ของมัน
“เหมือนกัน”
“คิดถึง ด้วยนะ” ปากแหลมพรมจูบผิวกายที่เคลือบด้วยโลชั่นกันแดด ไล่ตั้งแต่หน้าท้อง เชิงกราน ขาหนีบ และ
“อ...อา แจจ--”
ร่างสูงถอดแว่นกันแดดออก ดวงตาหลับเคลิ้มไปกับการกระทำเหล่านั้น ส่วนโคน ของความเป็นชายกำลังรับเอาผิวสัมผัสที่เปียกชื้นจากลิ้นและริมฝีปากด้านใน ฟันหน้าที่แหลมคม อีกทั้งลมหายใจร้อนที่พ่นรดไปทั่วบริเวณ
“เกือบเท่าหน้าแล้วอะ” แจจินลากสันจมูกขึ้นไปตามความยาว ใบหน้าหวานถูกใช้แทนไม่บรรทัดวัดขนาด สายตาทะเล้นทะลึ่งเหลือบจ้องปฏิกิริยาของคนรักที่ดูเหมือนว่า กำลังทรมาน “อือ ซึงฮยอน...”
“เร็วเข้าสิ”
“ไม่” ร่างบางยิ้มยั่ว “ผม เป็นคนควบคุมไม่ใช่เหรอ” ลิ้นเล็กตวัดแหย่ ยอดทาวเวอร์ ของซึงฮยอน จนเรียกเสียงสูดน้ำลายจากอีกคนได้เป็นระยะ
“ค้างไว้...อย่างนั้น อืม แจจิน”
ทุกบริเวณในช่องทางเปียกหมุนเวียนบทบาทกันต้อนรับแขกชิ้นยาวที่ร่างกายของแจจินคุ้นเคยดี กระพุ้งแก้มร่วมงานกับลิ้นในการตอดรัด พื้นผิวขรุขระของเพดานปากทั้งแข็งและอ่อนทำหน้าที่เพิ่มพูนความกระสัน ส่วนฟันกรามที่ทำอะไรได้ไม่มากก็แอบแกล้งกดกัด
ซึ่งนั่นอาจเป็นผลมาจากความมันเขี้ยวของเจ้าตัวเองด้วย
แดดร้อนเปรี้ยงแผดเผาดาดฟ้าเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของกัปตันหนุ่ม หยดเหงื่อของคนถูกกระทำเริ่มผุดออกมาตามรูขุมขนและเหนอะมากเป็นพิเศษในจุดที่ผิวหนังเปลือยเปล่าต้องแนบเนื้อกับอีกฝ่าย นิ้วเรียวทั้งสิบบีบเค้นนวดคลึงทั่วหว่างขานำพาอารมณ์ใคร่เหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงจนคนด้านล่างแทบจะอยู่ไม่สุข
แจจินเองก็ทนไม่ไหว ภาพในหัวที่แล่นไปไกลและเร็วกว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทำให้เขาต้องหยุดการกระทำของตัวเองกะทันหัน ใบหน้าเล็กผละออกจากของสำคัญมาซุกซบอยู่ที่จุดเดีียวกับตอนแรก เสียงครางที่แสดงออกถึงความทรมานแต่คนฟังได้ยินแล้วกลับยิ่งเสียวซ่านดังออกมาไม่ขาดสาย ร่างเล็กนอนขดตัวพร่ำเรียกชื่อคนรักเสียงกระเส่า อะไรเขาคิดอยู่ถูกเอ่ยออกมาอย่างไร้ซึ่งความกระดากอาย
ก่อนจะตบท้ายด้วยเสียงสะอื้น
“แจจิน”
“ซึง-- ผ...ผมไม่ไหว” คนพูดจิกเล็บกับหน้าท้องแกร่งจนเป็นรอยแดง “ฮึก...ผมไม่ไหวแล้ว”
“ฟังนะ คืนนี้ ชั้นจะอยู่กับนาย เราจะอยู่ด้วยกัน”
“ผมคล-- คุณ ซึงฮยอน! ฮึ่ก ผ...ผมอยากให้คุณกอดผม” ประโยคหลังที่ฟังแทบไม่ได้ยินทำให้รู้ว่าแจจินพยายามกลั้นกดความรู้สึกตัวเองอย่างสุดความสามารถ
“ชั้นจะกอดนาย แจจิน” เขากระซิบกลับบ้าง
“อยากให้คุณเข้ามา...” แกนกายของซึงฮยอนถูกกุมแน่นด้วยมือที่สั่นระริก “ให้ผมเป็นของคุณ...”
ถึงแม้อารมณ์จะยังค้างอยู่แต่ซึงฮยอนก็รีบลุกขึ้นไปจูบปลอบแจจิน และไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามที่ทำให้อีกคนเป็นแบบนี้ เขารู้สึกไม่โอเคอย่างมากที่ต้องมาเห็นน้ำตาของชายที่ตนเองรักมากที่สุด
“ผม ขอโทษ”
น้ำเสียงรู้สึกผิดเล็ดลอดออกมาจากสองปากที่ยังคงประกบกัน
กระดุมเชิ้ตฮาวายตัวบางถูกปลดออกสองสามเม็ด มือหนาแหวกผืนผ้าให้แยกห่างออกเผยผิวกายสีแทนอันน่าหลงใหล ซึงฮยอนประคองร่างของแจจินให้เขยิบขึ้นมานั่งบนตักแล้วจึงเริ่มต้นโลมเล้าเนื้อเนียนใต้ร่มผ้าตรงหน้า
“กังวลอะไรอยู่ครับที่รัก” เขาเว้นจังหวะเงียบ ให้เวลาฝ่ายนั้นตัดสินใจ “ไหน เล่าให้ฟังได้มั้ย”
ร่างบางเปลี่ยนมาโอบรอบคอซึงฮยอนแน่น หยุดร้องไห้แล้วแต่เนื้อตัวยังสั่นอยู่
แจจินถอนหายใจ
“จะได้มาช่วยกันหาทางออกไงครับ” ลิ้นอุ่นค่อย ๆ แต่งแต้มความชื้นให้ลำคอระหงอย่างอ่อนโยน
“กลับมาบินในประเทศได้มั้ยครับซึงฮยอน” จากเมื่อครู่ คำพูดทุกพยางค์ของแจจินไม่ได้มีความรู้สึกเศร้าเจือปนอยู่แม้แต่น้อย แต่ มันทำให้ซึงฮยอนหมดเรี่ยวแรงไปในทันทีหลังจากที่ได้ยิน “ไม่จากกันนาน ๆ แบบนั้นแล้วได้มั้ยครับ”
ไม่รู้ซึงฮยอนจะเคยนึกสงสัยบ้างรึเปล่า...
ว่าทำไมเวลาที่ SJ8221 เข้าเขตสนามบินอินชอน เจ้าหน้าที่ Tower Control ที่ติดต่อกับอากาศยานจะต้องเป็นเจ้าหน้าที่อี แจจิน อยู่ทุกครั้ง
แล้วก็ไม่รู้ว่าแจจินจะเคยนึกสงสัยบ้างรึเปล่า…
ว่าทำไมเวลาที่ท่าอากาศยานทำการติดต่อกับเที่ยวบินที่ SJ8221 นักบิน PM จะต้องเป็นกัปตันซง ซึงฮยอน อยู่ทุกที
“นายรู้มั้ยแจจิน” อ้อมกอดของทั้งคู่ถูกกระชับให้แน่นขึ้น “ว่าชั้นไม่ได้เป็นคนเอาเครื่องลงจอดที่อินชอนมานานแค่ไหนแล้ว”
“แล้วคุณรู้มั้ย ซึงฮยอน” คนตัวเล็กหยุดสูดน้ำมูก “ว่าผมทำงานควบสองกะบ่อยแค่ไหนตั้งแต่คุณเปลี่ยนไปบินระหว่างประเทศ”
คู่รักเงียบกันไปได้สักพัก แล้วจู่ ๆ ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
“สรุปก็คือพวกเราเนี่ย ไม่เหมาะกับ แอล ดี อาร์ อย่างแรง”
“หืม...” แจจินผละศีรษะออกมาจ้องหน้าซึงฮยอนด้วยความสงสัย ที่เขาพูดเมื่อกี๊คือศัพท์เฉพาะทาง หรืออะไร
“Long-distance Relationship ไง”
จูบอีกรอบ
จูบ… ที่ปลุกให้พวกเขาตื่นตัวขึ้นมาอีกหน
“อ๊ะ--” เจ้าของมือที่ถูกพาให้ไปยุ่งกับไอ้ตรงนั้นของกัปตันหนุ่มต่อร้องอุทานออกมาเบา ๆ
“เรามันเหมาะกับแบบนี้” นักบินจอมเจ้าเล่ห์ถือวิสาสะชี้แนะเจ้าหน้าที่หอบังคับการบินว่าต้องใช้มือทำอะไรกับ ไอ้ตรงนั้น “เนอะ”
“ทำไมคุณช้าอย่างนี้ซึงฮยอน ผมนึกว่าเสร็จไปแล้วซะอีก” ยิ้มยั่วยวนกวนประสาทปรากฏอยู่บนใบหน้าหวานได้วินาทีเดียวก็โดนปราบด้วยแรงลิ้นและฟันคม แจจินส่งเสียงชอบอกชอบใจ
บทสนทนาแบบที่ทั้งสองใช้ด้วยกันตอนทำงานถูกนำมาล้อเลียนตลอดการเล่นรักครั้งนี้ คนที่ยังสวมเสื้อผ้าลองหยั่งเชิงขอในสิ่งที่เขาเคยพลั้งพูดไปก่อนหน้า ซึงฮยอนรีบส่ายหัวปฏิเสธด้วยท่าทีแสนใจร้าย
“อดเปรี้ยวไว้กินหวานสิ” คนพูดทำหน้าง้อแฟน “หลังจากนี้ถ้ากลับมาบินแต่ในบ้าน เราสองคน ก็คงได้ทำกันทุกคืนอยู่แล้ว”
ร่างบางทำทีเป็นมองต่ำซ่อนอาการเขิน
ซึ่งแท้จริงแล้วคือ เขาก็แค่อยากสังเกตการทำงานของมือตัวเอง กับปฏิกิริยาของไอ้ตรงนั้น
หาอะไรเล่นหน่อยดีมั้ย...
“กัปตัน ผมอยากเห็นภูเขาไฟปะทุ คุณ พาไปดูได้ใช่มั้ย” แจจินพูดเสียงชัดถ้อยชัดคำพลางเค้นขยี้ของในมือ
“อะ…ครับ”
“ระบุพิกัด ของอากาศยานด้วยสิครับ
ซึงฮยอนอ่า...”
ความสั่นกระเส่าในประโยคและจังหวะขย่มร่างกายจากคนด้านบนทำเอาสติของนักบินที่ปกติจะนิ่งมาก ๆ แตกเตลิดไปเรียบร้อย
“จ...จะถึงแล้ว แจจ-- อ่า...” แขนแกร่งยกขึ้นก่ายหน้าผาก แม้ไม่ได้สอดใส่แต่ทำไมหัวใจของเขาถึงเต้นรัวแรงไม่เป็นจังหวะได้ขนาดนี้ ภูเขาไฟปะทุ ที่ซึงฮยอนต้องพาแจจินไปดูเริ่มส่งสัญญาณของการใกล้ระเบิด กล้ามเนื้อที่เริ่มไม่รู้สึกและกระตุกเกร็งฉุกกระตุ้นให้นึกขึ้นได้ว่าครั้งล่าสุดที่ปลดปล่อยนั้นก็ผ่านมาเกือบสี่สัปดาห์แล้ว
นี่ เขาไม่ได้มีอะไรกับแฟนมาตั้งเดือนนึงเลยเหรอ
“ฮ...อะ ซึงฮยอน!” ชายหนุ่มก้มหน้าหลับตาอ้าปากรับเศษลาวาสีขาวขุ่นที่ทยอยพุ่งกระฉอกขึ้นด้านบน ของเหลวข้นไหลล้นออกมาตามปากทางขนาดจิ๋วที่ปลายยอดกลายเป็นภาพที่น่าดูที่สุดของวันสำหรับแจจิน “งือ... รักคุณจัง ซึงฮ-- อะ อ๊า”
ขาทั้งสองที่รับน้ำหนักตัวทั้งหมดของคู่ขาไว้ยกขึ้นตั้งชันโดยไม่บอกกล่าวทำเอาร่างผอมบางกระเด้งตัวตาม เสียงกระซิบอันแหบพร่าต่อไปนี้เกิดขึ้นระหว่างที่รูรักด้านหลังของคนตัวเล็กถูกล่วงเกินอย่างฉับพลัน
“คืนนี้ชั้นจะไม่ให้นายหลับ”
“หงึ… จริงเหรอ”
หากตกใจก็ไม่ใช่แจจิน เขาถามย้ำพร้อมรอยยิ้มลิงโลด แถมยังเลิกทำกริยาขัดขืนใส่อะไรก็ตามที่ซึงฮยอนใช้แยงเข้ามา
“หนึ่งเดือนที่เว้นหายไป
ชั้นจะชดใช้ให้ตั้งแต่ตะวันตกดินยันตะวันขึ้นเลย”
-
THE END
-
No comments:
Post a Comment