July 11, 2017

[FANFIC/Chapter 01: เป็นแฟนกัน] FTISLAND&N.Flying 'Cloudy' (SEUNGJAEhyun)

CHAPTER 1     เป็นแฟนกัน












     ผู้ชายข้างหน้าผม...
     เขากำลังหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากถุงกระดาษบนตัก


     มันเป็นสเวตเตอร์สีพื้นดำ ราคาน่าจะไม่ถูกแต่ก็ไม่แพงมากเพราะคนซื้อยังเรียนอยู่แค่ชั้นมัธยมปลาย เขาน่าจะต้องเก็บตังค์จากการทำพาร์ทไทม์อยู่หลายสัปดาห์กว่าจะได้มันมา



     “พี่ครับ อากาศเริ่มหนาวแล้ว ช่วยรับเสื้อตัวนี้เป็นของขวัญวันครบรอบหนึ่งเดือนของเราไว้ด้วยนะครับ” คนข้างหน้างกล่าวอย่างยิ้มแย้ม ดูท่าทางเขาเขินๆนะ



     แต่ไม่รู้ว่าเขินจริง หรือแค่แสดงละคร…



     “ขอบใจนะ ซึงฮยอน” ผมตอบเขาไปเท่าที่ตัวเองรู้สึก



     ถ้านายจะฉลองวันครบรอบมันทุกเดือนแบบนี้ต่อไป
     สิ้นปีเสื้อผ้าชั้นจะไม่ล้นออกมาจากตู้เลยเหรอ



     “ชอบมันมั้ยครับ”
     “อื้อ ชอบสิ”
     “อ่า แล้วพี่จะไม่ให้อะไรผมบ้างเลยเหรอ” ดูทำเสียงเข้า ชั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมัยนี้มันต้องมี Happy Anniversary สำหรับ 1 month relationship ด้วย
     “งั้น เดี๋ยวมื้อนี้ชั้นเลี้ยงเอง นายอยากกินอะไรก็สั่งเลย”
     “โห นี่ผมมาเดทกับแฟนหรือว่ามาเลี้ยงสายรหัสกันแน่เนี่ย”
     “อ้าว ละนายอยากไ---”



     เด็กจอมเจ้าเล่ห์พุ่งตัวจากเก้าอี้ขึ้นมาจูบผมแบบไม่ให้ทันตั้งตัว


     อื้อ… อย่าดูดปากนานนักสิ นี่เราอยู่ในร้านอาหารที่เต็มไปด้วยคนนะ



     “ฮ่าๆ ขอบคุณสำหรับของขวัญครับ พี่แจจิน”
     “นายนี่...ไม่รู้จักโตสักทีนะซึงฮยอน”



     สเต๊กสองจานถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ ผมยังนั่งสำรวจชิ้นแซลม่อนในจานของตัวเองอยู่แปบนึง แต่คนตรงข้ามนี่ พอบริกรละมือออกปุ๊บ สองมือซ้ายขวาที่ถืออุปกรณ์การกินอยู่ก็รีบจัดการกับเนื้อตรงหน้าทันที



     “ค่อยๆกินสิ อดอยากมาจากไหนกัน”
     “วันนี้ที่ร้านวุ่นวายมาก ผมวิ่งไปมาแทบไม่ได้พักเลยครับ” เขาตอบคำถามผมทั้งที่ปากยังเคี้ยวมันทอดอยู่ เราล่ะกลัวไอเด็กตะกละนี่มันจะสำลักอาหารตายซะจริงๆ
     “ขนาดนั้นเลยเหรอ ซึงฮยอน นายต้องพักผ่อนเยอะๆนะรู้มั้ย ไหนจะเรียน ทำงาน แล้วก็ยังต้องอ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัย ถ้าเกิดเดี้ยงขึ้นมา ทุกอย่างมันจะพังรัวเลย” ผมรู้สึกเหมือนกำลังเทศนาอีกคนอยู่
     “เยส มัมมี่” เขาหัวเราะชอบใจที่ได้กวนบาทาผม “เออวันนี้ที่บ้านพี่มีรวมญาติกันหนิ เป็นไงบ้างฮะ”



     ใช่ ในปีนี้ บ้านอันแสนสงบสุขของผมถูกเลือกให้เป็นสถานที่นัดรวมตัวสมาชิกในครอบครัว (ครั้งใหญ่) ลุงป้าน้าอาปู่ย่าตายายจากทั่วทุกสารทิศมาอัดรวมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน … คิดว่าจะบันเทิงแค่ไหนล่ะ



     “พอพวกเขากลับไป ชั้นก็รู้สึกเหมือนตัวเองหูดับ” ผมตอบหน้าตาย แต่คนได้ยินถึงกับหัวเราะลั่น
     “ฮะฮ่าๆ โอ๊ย โคตรเห็นภาพเลยอะ”



     เวลาได้เห็นนายหัวเราะแบบเต็มที่ รอบๆตัวชั้นจะสว่างไสวเหมือนมีดวงอาทิตย์อยู่กลางหัวทุกที...


     แต่ไม่ได้หัวร้อนนะ



     “มีอาหารเลี้ยงแขกเหลือบ้างมั้ยง่ะ ถ้ามี ผมจะได้ไปขอข้าวบ้านพี่กิน แหะ”
     “บานเบอะ จะมาเอาอะไรก็เชิญตามสบาย”
     “งั้นเดี๋ยวผมไปเอาพี่ละกัน”
     “...” ทุกครั้งที่ผมเผลอ เจ้านี่มันจะต้องพาเข้าเรื่องพรรค์นี้ตลอด
     “งื้อ ล้อเล่นๆ ขอโทษนะคับ”



     แล้วเขาก็ก้มหน้าก้มตากินสเต๊กต่อเงียบๆ กลายเป็นหน้าที่ของผมในการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อหลีกเลี่ยงเด๊ดแอร์



     “นี่ นายรู้จักคิมแจฮยอนมั้ย เขาเป็นญาติห่างๆกับชั้น เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับนายน่ะ”



     ซึงฮยอนทำท่านึก แต่เป็นอาการนึกที่ดูเกร็งมากกว่าปกติทั่วไป



     “คิดว่าไม่นะ คุ้นๆ แต่นึกไม่ออก”
     “อ่อ งั้นก็ไม่เป็นไร”
     “พี่แจจินฮะ ช่วยอะไรผมหน่อย”
     “หืม” มันจะมาไม้ไหนอีกรึเปล่า ผมชักระแวง…
     “กินบรอกโคลีให้ที มันเหม็นเขียว”












     5 เดือนก่อนเป็นแฟนกัน






     ซึงฮยอนที่เพิ่งเปิดเรียนเทอมสุดท้ายของชีวิตมัธยมถูกเพื่อนๆชวนไปติววิชาชีวะกับรุ่นพี่มหาลัยคนหนึ่งที่รับสอนนอกสถานที่ เขาเองก็ไม่ค่อยเก่งวิชานี้เลยตกลงไปเรียนด้วย


     แต่ใครจะไปรู้ว่า การตัดสินใจเล็กๆครั้งนี้จะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างมาก…



     “ดีครับน้องๆ พี่ชื่อแจจินนะ”



     ทันทีที่ซึงฮยอนได้สบตากับแจจิน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆไม่ถึงวินาที แต่ในตอนนั้น ร่างกายของเขาเหมือนถูกชัตดาวน์ไปชั่วขณะ…



     “น้อง ฮ่ะๆ ทำไมนิ่งไป ชื่ออะไรน่ะเรา”



     ‘ดูรอยยิ้มของเขาสิ...
     คนอื่นเห็นเหมือนที่ผมเห็นมั้ย
     นี่มัน นางฟ้าชัดๆเลยอะ’



     “ฮะเอ่อะ เอ่อ... ซึงฮยอนครับ ชื่อซึงฮยอน”
     “อ่าฮะ ซึงฮยอน ถามหน่อยสิ นายชอบวิชาชีวะมั้ย” คนถูกถามหน้าแดงอย่างไม่รู้ตัว
     “หือ ช...ชอบครับ ชอบ” เขาพยักหน้ารัว รู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มทั้งสองข้าง
     “ว้าว ถ้าชอบ ได้เกรดวิชานี้เท่าไหร่ละเนี่ย”
     “เอ่อ 2.00 ครับ” ไม่รู้ว่าตัวเลข 2 มันน่าขำ หรือตัวเองทำเด๋ออะไรไป แต่การที่เขาสามารถทำให้พี่แจจินหัวเราะได้อีกครั้งเนี่ย มันทำให้ซึงฮยอนภูมิใจจนอยากจะกระโดดขึ้นไปเต้นบีบอยบนโต๊ะตัวนี้เลย
     “อะ อ๋อ ฮ่าๆ มันไม่เป็นไรหรอกนะ ถ้าเราชอบอะไรมากๆ แล้วเราพยายามทำเต็มที่เพื่อมัน สักวันความสำเร็จก็ต้องตกมาถึงสองมือนี้”



     โอ๊ย พี่เขาส่งยิ้มมาทางนี้อีกแล้ว






     “แล้วถ้าผมชอบพี่มากๆ และพยายามจีบพี่ มันก็จะมีวันที่พี่รับรักผมใช่มั้ยครับ” ซึงฮยอนถามคำถามนี้ตัวต่อตัวกับแจจินในวันที่ห้าของการติว เพื่อนคนอื่นกลับกันไปแล้ว แต่เด็กหนุ่มผู้มีแผนการบางอย่างอ้างกับแจจินว่าอยากให้เขาช่วยติวเรื่องรหัสพันธุกรรมเพิ่มเติม
     “นี่ ซึงฮยอน มันใช่เวลามาเล่นเหรอ แล้วตกลงนายเข้าใจการลำดับกรดอะมิโนบนดีเอ็นเอรึยัง”
     “ข...เข้าใจแล้วคับ” เด็กหนุ่มตอบอย่างคอตก
     “ดี งั้นก็กลับเถอะ เดี๋ยวพี่ต้องไปธุระต่ออีกน่ะ” คำบอกลาส่งๆนี้ถูกพูดออกมาก่อนที่แจจินจะเดินจากเขาไป
     “บายนะครับ” ซึงฮยอนพูดกับอากาศ












     1 เดือนก่อนเป็นแฟนกัน






     “เฮ้ย ซึงฮยอน มึงกับพี่แจจินไปถึงไหนกันแล้ววะ”
     “เออ เฮ้ย แต่งเมื่อไหร่บอกพวกกูด้วยนะเว้ย”
     “แต่งบ้านมึงดิ จนถึงตอนนี้ เขายังบอกคิดกับกูแค่พี่น้อง”
     “ห้ะ เดี๋ยวนะ เราเรียนกับพี่เขามาตั้งแต่เปิดเทอม… นี่มึงจีบเขามาสี่เดือนเต็ม แต่เขายังบอกคิดกับมึงแค่พี่น้องเหรอ”
     “เออ”
     “แล้วมึงก็ยัง สู้ต่ออะนะ”
     “...เออ”
     “ไอ้ซึง เพื่อนรัก กูว่ามึงเผื่อใจไว้หน่อยเหอะ”
     “มึง พี่เขาเรียนอยู่มหาลัย สังคมกว้างใหญ่ ดีกว่าที่นี่เห็นๆ แล้วไม่แน่เขาอาจมีคนคุยอยู่แล้ว”
     “แต่เขาก็ไม่เคยปฏิเสธอะไรที่ได้รับจากกูนะ แค่ไม่เคยให้อะไรกูกลับมาเลย...แม้แต่ความหวัง”
     “แล้วมึงก็เลยจะให้เขาอยู่ฝ่ายเดียวต่อไปเรื่อยๆ”
     “นี่ไม่ใช่นิยายวัยรุ่นนะไอสัส เลิกทำตัวเป็นพระเอกได้แล้ว”
     “ซึงฮยอน กูว่านะ ถ้ามึงชอบแนวๆนี้ ทำไมมึงไม่ลองคบเด็กดูล่ะ”
     “เออ จริง แบ๊วๆใสๆ ไร้เดียงสา มึงอาจจะชอบมากกว่าผู้ใหญ่ที่ประสบการณ์เยอะเกินไปก็ได้”
     “กูไม่รู้ว่ะ ตอนนี้กูรู้แค่ว่า กูชอบพี่เขามาก อยากดูแลเขา อยากปกป้อง...”
     “เฮ้ย ไม่เป็นไรเว้ย ทำตามที่ใจมึงต้องการนั่นแหละ ไปให้สุดแล้วหยุดที่บอดี้สแลม”
     “อะไรวะ มึงจะชวนไอ้ซึงไปคอน?”
     “อกหัก”
     “ไอ้สัสมุขเหี้ยไรเนี่ย เห็นมั้ยว่าเพื่อนเครียดอยู่”
     “เครียดกับความรัก?”
     “เปล่า เครียดกับมึงเนี่ยแหละ ไอ้ห่าเอ้ย”






     จริงอย่างที่พวกมันว่า…


     สี่เดือนแล้วนะตั้งแต่ผมเปิดเผยความรู้สึกในใจให้พี่เขารู้แล้วก็เดินหน้าทำคะแนนมาเรื่อยๆ แต่มากสุดที่ได้กลับมาคือเบอร์โทรซึ่งก็ทำได้แค่ส่งเมสเสจสั้นๆ
     พี่แจจินไม่ให้ผมโทรหาเขาเพราะเวลาว่างเราไม่ตรงกัน ผมขอจะโทรหาเขาตอนดึกเขาก็บอกให้ผมตั้งใจอ่านหนังสือไป


     เอ้อ สรุปมันยังไงกัน



     ‘ผมควรจะก้าวต่อไปหรือหยุดทุกอย่างไว้ตรงนี้ครับ พี่แจจิน’






     ที่โรงอาหาร ช่วงเวลาเกือบบ่ายโมง ปริมาณนักเรียนเริ่มบางเบาลงแล้วเพราะต้องเตรียมตัวเข้าเรียนคาบบ่ายกัน ซึงฮยอนลงมาหาข้าวกินคนเดียวเนื่องจากเขามัวแต่ปั่นงานส่งอาจารย์ให้เสร็จทันก่อนหมดเวลาพัก


     สองเท้าก้าวผ่านร้านแต่ละร้านไปอย่างสิ้นหวังเพราะส่วนใหญ่เริ่มปิดร้านแล้ว
     และ ไม่รู้ว่าเขาหิวจนลืมดูทางหรืออะไร…



     “เฮ้ย!”



     ร่างสูงผอมของซึงฮยอนกระแทกเข้าอย่างจังกับเด็กมัธยมต้นคนหนึ่ง สัมภาระของหนุ่มน้อยคนนั้นหล่นกระจายไปทั่ว เขารีบก้มลงช่วยเก็บสมุดหนังสือบนพื้น



‘김 재현’



     ซึงฮยอนเงยหน้ามองคนที่เขาเดินชน เด็กผู้ชายผิวขาว ปากแดง หน้าตาจิ้มลิ้ม กำลังยัดของทุกอย่างใส่กระเป๋าเรียนอย่างเลิ่กลั่ก



     “พี่ขอโทษทีนะครับ เอ่อ น้องแจฮยอน”
     “เอ่อ ฮะ ไม่เป็นไรฮะ” ตอนแรกเด็กหนุ่มทำหน้างงนิดนึงว่าทำไมรุ่นพี่คนนี้ถึงรู้ชื่อเขา แต่พอเห็นสมุดเรียนที่ซึงฮยอนยื่นมาให้ สีหน้าประหลาดใจของเขาก็กลับคืนสู่ปกติ



     แจฮยอนเหลือบมองซึงฮยอนที่กำลังมุดตัวเข้าไปหยิบยางลบใต้เก้าอี้ ใบหน้าผอมที่มีความดูดีไม่เหมือนใคร ผมสีดำตัดสั้นถูกจัดแต่งไว้อย่าลวกๆ แล้วไหนจะรูปร่างที่สูงยาวดูกระฉับกระเฉง


     ถ้ายืนเทียบกัน แจฮยอนน่าจะเตี้ยกว่าเขาหลายสิบเซนฯ


     รุ่นพี่คนนี้มีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดอยู่ไม่ใช่น้อย
     ว่าแต่ เขาชื่ออะไรนะ…



     “อ่า รุ่นพี่...”
     “อ้อ พี่ชื่อซึงฮยอนนะครับ” เขาพูดสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนึกได้ว่าบางทีแจฮยอนอาจไม่ได้จะถามชื่อเขาก็ได้
     “เอ่อ รุ่นพี่รีบไปเรียนเถอะฮะ เดี๋ยวที่เหลือผมเก็บเองก็ได้”
     “เฮ้ย ไม่ได้ๆ พี่เป็นคนชนเราล้มนะ เอ้า นี่ รับปากกาไป”



     รุ่นน้องหน้าใสเผลอยิ้มออกมาเพราะได้ยินซึงฮยอนใช้สรรพนามแทนตัวเขาว่า ‘เรา’


     และ ซึงฮยอนเองก็มองเห็นปฏิกริยานั้นของแจฮยอน…



     เขาจดจ้องรอยยิ้มน้อยๆตรงหน้าได้ไม่นานนักเพราะมีบางอย่างขัดลูกตาเขาอยู่ นั่นคือ ขนมปังไส้กรอกที่นอนคว่ำหน้าอย่างสงบอยู่บนพื้นโรงอาหาร



     “นั่น… ข้าวเที่ยงเรารึเปล่าน่ะ!” ทันทีที่จบคำถาม แจฮยอนมองตามสายตาของซึงฮยอนไป



     ใช่ มันคือมื้อเที่ยงหนึ่งเดียวของเขา ซึ่งแจฮยอนเองก็มีตังค์เหลือไม่พอที่จะซื้อชิ้นใหม่แล้วด้วp


     ง่า...อะไรมันจะซวยขนาดนี้ นี่เขาต้องนั่งเรียนคาบบ่ายไปกับกระเพาะที่หิวโหยเหรอเนี่ย



     “ตายล่ะ ยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกันใช่มั้ย ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่ นั่น ร้านขนมปังยังไม่ปิดเลย รออยู่ตรงนี้แปบนะแจฮยอน”



     คนตัวเล็กยังนั่งยองอยู่บนพื้น ตามองตามร่างโย่งๆที่กำลังวิ่งไปยังร้านขายขนมปัง ไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับขนมปังไส้กรอกสองชิ้น แล้วก็นมช็อกโกแลตอีกสองกล่อง



     “อะ กินให้หมดนะ” ซึงฮยอนยิ้มกว้าง สองมือยื่นขนมปังกับนมให้แจฮยอน
     “ขอบคุณนะฮะ รุ่นพี่ก็ยังไม่ได้กินข้าวเหรอ นี่ก็จะบ่ายโมงแล้วนะ”
     “ใช่ คือ พี่นั่งปั่นงานอยู่อะ แหะๆ โอ๊ะ! เรารีบกินกันเถอะ อีกห้านาทีออดจะดังแล้ว”



     หลังจากที่ทั้งสองนั่งกินมื้อเที่ยงง่ายๆนี้ด้วยกันจนหมด ต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปเข้าเรียน



     “แล้วเจอกันอีกนะ แจฮยอน
     จำหน้าพี่ไว้ด้วยล่ะ อย่าเพิ่งลืมกัน”












To be continued  -






 Back to main page 

No comments:

Post a Comment