August 7, 2017

[FANFIC/Chapter 05: มาก่อนได้หลัง มาหลังได้ก่อน] FTISLAND&N.Flying 'Cloudy' (SEUNGJAEhyun)

CHAPTER 5     มาก่อนได้หลัง มาหลังได้ก่อน












     “ฮยอง… ลุกไปอาบน้ำเร็ว”
     “ฮึ... อะไร นี่กี่โมง”
     “หกโมงเช้าฮะ วันนี้เราต้องไปโรงเรียนนะฮะ”



     ร่างของชายคนหนึ่งที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง บิดแขนขาสลายความขี้เกียจก่อนจะมองออกไปข้างนอกหน้าต่างที่มีแสงอาทิตย์สีแดงเข้มปรากฏให้เห็นอยู่ไกลๆ



     “พี่ต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อที่บ้านก่อน”
     “ได้สิฮะ ฮยองทำอะไรเสร็จแล้วจะไปก่อนผมก็ได้”
     “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่รอ”



     ระหว่างที่ซึงฮยอนเข้าไปชำระล้างเนื้อตัว แจฮยอนยังนอนอยู่บนเตียง ช่วงล่างของเขาปวดระบมโดยเฉพาะส่วนที่เรียกกันในภาษาบ้านๆว่า ประตูหลัง ร่างเล็กนอนลืมตานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นวานที่รุ่นพี่คนนี้มาหาเขาด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก












     “ฮยองฮะ ทำไ---”
     “เงียบ แจฮยอน
     ไม่ต้องถาม ไม่ต้องพูด”




     นี่มันเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆซึงฮยอนก็มาหาผมในตอนเย็นของวันอาทิตย์ เขาไม่รอให้เราได้เข้าไปถึงในตัวบ้านก่อนเลยด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่ประตูไม้บานเก่าถูกเปิด รุ่นพี่ก็รีบคว้าตัวผม…ไปถอดกางเกงออก




     “อ๊ะ!”




     ไม่มีการยืดยาดหรือแม้แต่จะปลุกอารมณ์ใดๆก่อน เขาจับผมหันหลังแล้วให้ก้มลงเอามือไปยันกับอะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้ตัวในตอนนั้น นิ้วที่หนึ่ง สอง และสาม เร่งรุดเข้ามาโดยไม่มีการเว้นระยะให้ผมได้ทำใจ



     อะไรทำให้ซึงฮยอนร้อนรนได้ขนาดนี้




     “ฮยอง ผมเจ็--”

     “บอกว่าไม่ต้องพูดไง!”



     แล้วเขาก็ดันตัวเองเข้ามาอย่างรวดเร็ว



     น้ำตาของผมไหลพราก







     แว้บนึง ผมคิดว่าตัวเองกำลังโดนข่มขืน



     แต่ก็คงไม่ใช่...



     ...เพราะว่าผมเต็มใจ







     เขาบอกให้ผมส่งเสียงออกมาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้



     เขามุ่งแต่จะทำให้เสร็จเพียงฝ่ายเดียว



     แต่ผมก็ยังคงบอกกับตัวเองในใจ

     ว่า ‘ได้’






     ตอนนั้นในตัวผมเต็มไปด้วยน้ำ(ที่ไม่ใช่น้ำ)ของรุ่นพี่ซึงฮยอน เขาสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองไป… ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากี่ครั้ง เขาเองก็คงไม่รู้ มันล้นทะลักไหลย้อยลงมาตามขา ช่างเป็นภาพที่ไม่หน้ามองเลยสักนิด



     จุก



     จุกไปหมดแล้ว



     แต่เขาก็ยังไม่หยุด



     สับเปลี่ยนท่าทาง หมุนเวียนหาที่ลงใหม่ไปเรื่อยๆ



     ผมพยายามใช้สายตาเรียกร้องให้เขาช่วยผมบ้าง ทว่า ไร้ซึ่งการเหลียวแล

     ทำได้แค่อยู่เฉยๆ เป็นเพียงของเล่นทางเพศชิ้นหนึ่งให้กับเขา






     หน้ามืด



     นี่คงเป็นคำที่ใช้จำกัดความให้กับสภาพของ ซง ซึงฮยอน ในช่วงเวลานั้นได้ดีที่สุด



     ความเจ็บปวด(ที่กาย)ของผมใกล้สิ้นสุดลงเมื่อมันเดินทางมาถึงรอบสุดท้าย…




     “ผ...ม ขอโทษนะ” ซึงฮยอนพูดขึ้นมาประโยคแรกในรอบหลายชั่วโมง น้ำเสียงเหนื่อยหอบบ่งบอกว่าเขากำลังจะถึงจุดสุดยอดอีกครั้งแล้ว

     ‘ม...ไม่ อึก เป็นไรฮะ ฮ--’
     “พี่แจจิน”












     แล้วแจฮยอนก็ได้รู้ ว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ซึงฮยอนเป็นแบบนั้น
     

     ...


     และใคร คือคนที่ทำให้ตอนนี้เขาต้องกลายเป็นเพียงแค่ Sex Toy โง่ๆอันนึงให้กับผู้ชายที่เขารัก






     รถมอเตอร์ไซค์คันเดิมกับคนขี่หน้าเดิมๆพร้อมด้วยแจฮยอนที่ซ้อนท้ายเขามาจากโรงเรียนดับเครื่องลงหน้าประตูรั้วซอมซ่อสนิมขึ้นประปราย ร่างเล็กกระโดดลงจากที่นั่งด้วยท่าทางเหมือนคนกำลังมีความสุข



     “ฮยองฮะ เข้าบ้านก่อนมั้ย”
     “เหอะ วันนี้พี่มีนัดทานข้าวนอกบ้านน่ะ”
     “กับพี่แจจินเหรอฮะ”



     คำถามนี้ดูเป็นคำถามที่ไม่น่าถามเท่าไหร่ แจฮยอนเองรู้อยู่แล้วว่าซึงฮยอนทะเลาะกับแจจินมาแต่ก็ยังเลือกที่จะพูดชื่อนี้ให้เขาได้ยิน


     แน่นอนว่ามีวัตถุประสงค์แฝง



     “เปล่า กับที่บ้าน อีกอย่างพี่กับแจจินก็...”
     “ตายจริง ผ่านมาหลายวันแล้วนะฮะ ฮยองยังไม่คืนดีกันอีกเหรอ”



     ไม่รู้หรอกว่าทะเลาะอะไรกันมา แต่เด็กหนุ่มก็ดีใจที่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าช่วงนี้ซึงฮยอนจะอยู่กับเขาแค่คนเดียว
     และจะนอนกับเขาแค่คนเดียว


     ร่างสูงไม่ตอบเป็นคำพูด ทำเพียงแต่พยักหน้าส่งๆ



     “เข้าบ้านไปได้แล้วแจฮยอน”



     ประตูรั้วถูกเปิดและปิดลง เจ้าของบ้านที่ตอนนี้อยู่ข้างในนั้นแล้วยืนมองรุ่นพี่ที่กำลังจะสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ของเขา



     “ฮยองฮะ”
     “หืม”
     “ตั้งแต่คบกับเขามา... ยังไม่เคยมีอะไรกันเลยจริงๆเหรอ”



     ซึงฮยอนมองหน้าแจฮยอนเพื่อที่จะสังเกตว่าอีกคนคาดหวังกับคำตอบแบบไหน แต่เด็กหนุ่มก็รู้อยู่แล้วแหละว่าพวกเขายังไม่เคยมีเซ็กส์กัน ไม่อย่างงั้นซึงฮยอนจะมาที่นี่บ่อยๆทำไม


     เพราะอะไรที่แจจินให้ไม่ได้ แจฮยอนจะให้กับเขาได้ยังไงล่ะ



     “ผมดีใจนะฮะ ที่ได้ฮยอง ก่อนที่พี่แจจินจะได้” ประโยคนี้แฝงน้ำเสียงที่ต้องการจะยั่วอารมณ์แล้วก็ยั่วโมโหคนฟังไปพร้อมๆกัน
     “หยุดพูดเถอะ”



     คนนอกบ้านชักสีหน้าแสดงความไม่พอใจแล้วรีบขี่รถออกไปโดยไม่กล่าวอะไรต่ออีก


     ส่วนแจฮยอนนั้น คำบอกลาของเขาสำหรับซึงฮยอนก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกเสียจาก...
     รอยยิ้ม
     ของผู้ชนะ






     ใจนึงก็อยากให้พวกเขาเลิกกัน แต่อีกใจนึงก็คิดว่าที่เป็นอยู่แบบนี้มันดีแล้ว


     ปล่อยให้แจจินคนโง่ใช้ชีวิตอยู่ในฐานะแฟนของซึงฮยอนแต่ไม่รู้ว่าคนรักแอบไปมีอะไรกับคนอื่น
     มันก็สมควรแล้วหนิ


     เพราะใครทำให้คนที่เขารักเจ็บ มันคนนั้นจะต้องเจ็บกว่า












     เมื่อต้นปีที่แล้ว ในวงเหล้าของสี่สหายที่ประกอบไปด้วยสามสาวกับชายอีกหนึ่ง…



     “แจจิน นายนอนกับรุ่นพี่แล้วใช่มั้ย” คำถามนี้เล่นเอาคนถูกถามสำลักโซจูน้ำหูน้ำตาไหล

     “อ...อะไรของเธอเนี่ยโซฮี”
     “ฮึ้ย! จริงเหรอแจจิน เป็นไงไหนเล่าซิ เขาพานายไปถึงสรรค์ชั้นที่ไหนน่ะ ฮิๆ”
     “ทุเรศ หยุดพูดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาคุยสนุกปากได้เลยนะ”
     “นั่น! พูดแแบบนี้ แสดงว่า อี แจจิน เพื่อนรักของเราได้เข้าห้องหอไปกับรุ่นพี่กวังจิน เดือนมหาลัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เอ้า พวกแก แสดงความยินดีกับนางหน่อยเร็ว ชนแก้ว!”
     “เฮฮฮ!”



     นี่เป็นช่วงสามสัปดาห์หลังจากข่าวการคบหากันของหนุ่มฮอตเบอร์หนึ่งกับหนุ่มรุ่นน้องต่างคณะที่อ่อนกว่าเขาสามปีแพร่สะพัดไปทั่วแคมปัส แจจินกลายเป็นที่ถูกพูดถึงไปชั่วข้ามคืนหลังจากที่ ควอน กวังจิน เดือนคณะวิศวะฯและตำแหน่งพ่วง ‘เดือนมหาวิทยาลัย’ ขับรถสปอร์ตคันหรูของตัวเองพร้อมทีมเพื่อนมาเซอร์ไพรส์ขอเป็นแฟนเขาถึงหน้าตึกคณะวิทยาฯ




     “บอกเลยนะเว้ยว่า ณ วินาที ไม่มีใครน่าอิจฉาเท่านายแล่ว”

     “ยังไง”
     “โอ๊ยพ่อคุณ คำถามนี้ตอบเองก็ได้มั้ง”
     “ทำมาเป็นไขสือ อ๋อ หรือว่ายังติดบทบาทหนุ่มใสซื่อจากบนเตียงพี่เขามาจ๊ะ ฮั่นแน่!”
     “นี่ พอได้แล้ว เปลี่ยนเรื่องคุยเถอะชั้นขอร้อง”
     “ไม่มีทางเว้ย ฮี่ๆ ชั้นล่ะอยากรู้จริงว่าพี่เขาเด็ดดวงสมคำร่ำลือมั้ย”
     “แล้วไอ้ร่ำลือนี่ ใครเป็นคนลือวะ ซอลฮยอน” โซฮีพูดติดตลก
     “จะใครก็ช่าง แต่คนที่เพิ่งลองมาสดๆร้อนๆก็นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว เราควรจะสัมภาษณ์เขากันนะคะ ว่าไงคะคุณแจจิน”



     หนุ่มหน้าสวยเกาท้ายทอยตัวเองแบบคนคิดคำพูดไม่ออก

     แล้วเขาต้องตอบคำถามนี้กับเพื่อนยังไง



     “ก...ก็ดี”

     “อะไรกัน! แก แค่ก็ดีเองเหรอ!!!”
     “แจจิน ก็ดีของนายคือ เอ้อ มันก็ดี๊ หรือ เฮ้ยแม่งมันโคตรดีย์เลยอะ วะ”
     “อย่าอายไปหน่อยเลยน่า เพื่อนกันทั้งนั้น อีกอย่าง นี่เฟิร์สไทม์ไม่ใช่เหรอจ๊ะคนสวย”



     เพื่อนชายหนึ่งเดียวในโต๊ะยังคงนั่งอมยิ้มปิดปากเงียบ




     “เอางี้ เปลี่ยนเป็นให้คะแนน”

     “เออใช่ ให้คะแนนๆ” ยองเอรีบสนับสนุนวิธีของซอลฮยอน
     “จากสิบ คุณให้เท่าไหร่คะสำหรับลีลา ท่าทาง ความมันส์ และความฟิตของผู้ชายที่ชื่อกวังจิน”



     ...




     “ให้ สิบเอ็ด”




     แจจินสกัดกั้นความขวยเขินไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ใบหน้าและใบหูขึ้นสีแดงแปร้ด ด้านเหล่าเพื่อนสาวได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งชงเอาๆ ชงที่ว่านี้หมายถึงทั้งชงคำพูดและชงเหล้าฉลองเปิดซิงให้กับเขา




     “นายมันแรด” เพื่อนหนึ่งคนที่เริ่มเมาจนประคองสติไว้ไม่อยู่แล้วพูดขึ้น

     “แต่ถ้าแรดแล้วได้กินของดีแบบนี้ พวกเราก็ควรจะเอาอย่างนางบ้างนะ ฮ่าๆ เอิ้ก”



     แรดบ้าบออะไรกัน ตั้งแต่ที่เขาเดินสวนกับรุ่นพี่กวังจินระหว่างทางไปหอประชุมเมื่อวันปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ แจจินไม่เคยเห็นกวังจินอยู่ในสายตา ไม่เคยคิดจะอ่อยหรืออยากเข้าหาเขาก่อนเลยสักครั้ง มีแต่ฝ่ายนั้นแหละที่รุกเอาๆ



     ซึ่ง แจจินก็แอบคิดนะ ว่ามันอาจเร็วเกินไป...

     ที่ตกลงเป็นแฟนกับรุ่นพี่ปีสี่คนนั้นหลังรู้จักกันได้แค่เพียงเจ็ดวัน


     แถมยังตกลงมีอะไรกับเขา ในอีกสามสัปดาห์ต่อมา













               You (2:06 pm):
               ซึงฮยอน
               เรื่องวันนั้นน่ะ
               You (2:07 pm):
               ชั้นขอโทษ



     หลังจากที่ใช้เวลาคิดทบทวนอยู่หลายวัน สุดท้ายแล้วแจจินก็ยอมส่งข้อความไปขอโทษซึงฮยอน แน่นอนว่าเขาทำเกินไปที่ตวาดใส่และไล่ซึงฮยอนออกจากบ้าน เสียงสบถของคนรักเมื่อเย็นวันนั้นยังดังก้องอยู่ในโสตประสาทของตนเอง และนั่นทำให้เขาไม่แน่ใจว่าอีกคนจะยอมยกโทษให้ได้ง่ายๆ


     ฟ้ามืดครึ้มอันเป็นฝีมือของฝนนอกฤดูที่กำลังจะเข้าถล่มพื้นที่ทำให้นักศึกษาโดยรอบต่างรีบวิ่งเข้าหาที่กำบังล่วงหน้า ส่วนแจจินที่เรียนเลิกเรียนนานแล้วกำลังรอเพื่อนอยู่ในร้านกาแฟใกล้ๆกันกับตึกคณะ



     “อ้าว ยองเอ ไม่เจอกันนานเลย ทำไมไม่ได้มาพร้อมซอลฮยอนกับโซฮีล่ะ”
     “สองคนนั้นเข้าห้องน้ำอยู่น่ะ เติมปากสำคัญกว่าตากฝนอะนะ”
     “ผู้หญิงนี่วุ่นวายจริงๆเลยเนอะ แหะ”



     แจจินรู้สึกว่าวันนี้ยองเอเพื่อนสนิทผู้สดใสตลอดเวลาดูแปลกๆไป ปกติจะต้องชวนเขาเม้าท์ตั้งแต่วินาทีแรกที่หย่อนก้นลงนั่ง แต่นี่ทำไมเงียบ ตาจ้องมองแยมโรลส้มตรงหน้าแต่ไม่คิดจะกิน



     “มากันละ” ชายหนุ่มกล่าว หญิงสาวที่มาก่อนหันไปตามเสียงเจื้อยแจ้วด้านหลัง



     ทว่าเสียงหัวเราะคิกคักนั่นก็ค่อยๆเบาลงเมื่อสองคนที่กำลังเดินมาสบตาเข้ากับแจจิน



     “นี่ วันนี้พวกเธอเป็นอะไรกัน เห็นหน้าชั้นแล้วทำไมต้องเงียบ” เขาทนไม่ไหวกับบรรยากาศในโต๊ะที่เหมือนจะแข่งกับเมฆฝนดำทะมึนข้างนอก
     “แจจิน คือ...”
     “ซอลฮยอน ชั้นว่าเราเข้าเรื่องเลยดีกว่า”



     อะไร


     เรื่องอะไร



     “นายทะเลาะกับน้องซึงฮยอนเขาอยู่ใช่มั้ย” โซฮีที่เป็นคนจริงจังสุดในกลุ่มโพล่งประเด็นขึ้นมา
     “อ...อือ แต่ว่าชั้นไลน์ไปขอคืนดีกับเขาแล้ว เมื่อกี๊” แจจินไม่รู้หรอกนะว่าทำไมทุกคนถึงรู้เรื่องนี้



     เพื่อนสาวทั้งสามคนมองหน้ากัน ส่งสายตาเป็นภาษาที่ผู้ชายอย่างแจจินไม่เคยเข้าใจ



     “นานรึยัง” โซฮีถามบ้าง
     “เมื่อวันอาทิตย์”



     ปฏิกิริยาของคนรอบโต๊ะเปลี่ยนไปในทางที่เลวร้ายกว่าเดิม



     “ยองเอ เธอเห็น… เอ่อ เมื่อวันไหน บอกแจจินไปสิ”
     “อะไร! เห็นอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชั้นกับซึงฮยอน” แจจินเริ่มโมโหที่เพื่อนของตนเอาแต่โอ้เอ้ไม่ยอมพูดออกมาสักที
     “คือ ชั้นเห็นเด็กผู้ชายม.ต้นคนนึงกอดเอวซ้อนท้ายมอไซค์ซึงฮยอน จะไปไหนกันก็ไม่รู้”
     “...”
     “แล้วที่สำคัญก็คือ ชั้นเพิ่งนึกได้ ว่าวันที่ชั้นเห็นมันเป็นช่วงก่อนที่พวกนายสองคนจะทะเลาะกันด้วยซ้ำ!”













-  To be continued  -

No comments:

Post a Comment