August 10, 2017

[FANFIC/Chapter 07: ว่าแต่พี่ให้ผมมาเอาอะไร] FTISLAND&N.Flying 'Cloudy' (SEUNGJAEhyun)

CHAPTER 7     ว่าแต่พี่ให้ผมมาเอาอะไร










     ประตูบ้านบานที่แขกคุ้นเคยดีเปิดออก เด็กหนุ่มร่างสูงในเครื่องแบบนักเรียนกวาดตามองไปรอบๆ แต่ยังไม่เห็นตัวเจ้าของบ้านที่เป็นคนส่งข้อความให้เขามาหา



     “พี่ครับ ผมเข้ามาแล้วนะ
     พี่แจจิน...”



     ‘ไม่อยู่แล้วทำไมไม่ล็อคประตูล่ะเนี่ย’ เด็กหนุ่มแอบหงุดหงิดในความสะเพร่าของแฟน ถ้ามีคนคิดไม่ดีจะเข้ามานี่ก็ทำได้ง่ายๆเลยนะ



     “พี่แจจินครั--”



     ร่างหนึ่งกำลังเดินลงบันไดมา กายท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า
     ซึงฮยอนเห็นแล้วถึงกับตะลึง…


     ในตอนแรก ความคิดที่ว่าแจจินไม่ได้ใส่อะไรอยู่เลยมันแล่นเข้ามาในหัว แต่เขาก็ต้องหยุดภาพจินตนาการเอาไว้แค่นั้นเพราะบนเรือนร่างของคนรักยังมีผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืนห่อหุ้มอยู่ เพียงแต่ราวบันไดมันบังไว้


     อย่างไรก็ตาม แจจินไม่เคยอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อหน้าเขา



     “เพิ่งอาบน้ำเสร็จเหรอ”



     สายตาที่คนตรงนั้นมองมาทางซึงฮยอนมันดูแปลกไปจากเดิมมาก
     แปลกไปในทางที่... ไม่รู้สิ เขาอาจจะคิดไปเอง




     “อ่าฮะ” กว่าจะตอบคำถามนี้แจจินก็มาหยุดยืนอยู่ด้านหน้า ห่างจากซึงฮยอนไปแค่เมตรเดียว



     นอกจากผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ ในมือของเขายังมีผ้าขนหนูอีกหนึ่งผืน ร่างเล็กยกมันขึ้นมาเช็ดเส้นผมที่ดูเหมือนว่าหลังจากสระเสร็จก็ยังไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย หยดน้ำส่วนเกินจำนวนไม่น้อยกระเด็นมาโดนใบหน้าของอีกคน



     “เลิกเรียนแล้วก็ตรงมานี่เลยเหรอ”
     “ใช่ครับ”
     “ดูสิ เหงื่อซกเลย” แจจินก้าวเข้ามาใกล้อีก ผ้าผืนที่ก่อนหน้านี้อยู่บนศีรษะของเขาถูกเอามาซับเหงื่อบนหน้าผากและต้นคอของรุ่นน้อง



     ซึงฮยอนกระอักกระอวนนิดหน่อย ครั้งล่าสุดที่อยู่ด้วยกันคือวันที่เขาไม่อยากจดจำมากที่สุด แต่ตอนนี้แจจินปฏิบัติตัวกับเขาเหมือนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปหมดแล้ว



     “ซึงฮยอน เรื่องวันนั้น นายยกโทษให้พี่แล้วจริงๆใช่มั้ย” แจจินเปลี่ยนสรรพนามกลับไปเรียกแทนตัวเองว่า พี่ เหมือนตอนแรกๆที่เพิ่งรู้จักกัน
     “แน่นอนสิครับ ที่จริงแล้วมันเป็นความผิดของ...”



     แจจินน้ำตาคลอเบ้า




     “...ผมต่างหาก” แล้วซึงฮยอนก็รู้เลยว่า แจจินยังจำมันได้อยู่...ทั้งหมด



     คนเปิดประเด็นเบนหน้าหนีไปทางอื่น พยายามเก็บกลืนน้ำตาเข้าไปไว้ข้างในเหมือนเดิม



     “ลืมมันเถอะนะครับ ผมจะไม่ทำอะไรแบบนั้นกับพี่อีกแล้วนะ ผมสัญญา”
     “อะไรกัน” แจจินหันขวับ ทำหน้าประหลาดใจ “แล้ววันนี้นายจะมาบ้านพี่ทำไมล่ะ”
     “เอ้า ก็พี่เรียกให้ผมมาเอาของหนิ” ซึงฮยอนทำหน้างงยิ่งกว่า “ว่าแต่ พี่ให้ผมมาเอาอะไรล่ะครับ”



     เจ้าของบ้านทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ รอยยิ้มแฝงเลศนัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน แจจินชะโงกหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูของซึงฮยอน



     ก็ เอา...กับพี่ไง



     จบประโยคยั่วของแจจินเด็กหนุ่มก็ต้องตกใจเมื่อผ้าเช็ดตัวที่ห่อร่างกายท่อนล่างนั้นอยู่ถูกสลัดทิ้งลงสู่พื้น บนตัวของแจจินไม่เหลือเครื่องนุ่งห่มใดๆอีกแล้ว มือเล็กตวัดผ้าขนหนูผืนน้อยเกี่ยวรอบคอของคนตัวสูงและดึงให้ศีรษะของซึงฮยอนโน้มก้มลงมา ปากกระจับที่อ้ารอไว้อยู่แล้วรีบเข้างับอะไรก็ตามที่พุ่งมาชนโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะต้องการแบบนั้นหรือไม่


     โชคดีที่อวัยวะนั้นก็คือปากเช่นกัน ซึงฮยอนไม่อยากให้แจจินได้ซีนรุกไปคนเดียว ทั้งๆที่ตรงคอยังมีแรงบังคับจากผ้าผืนนั้นอยู่ ปากหนาเร่งบดขยี้ ล้วงลิ้น ลากถู แจจินปล่อยให้ซึงฮยอนทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ตอนนี้เขาต้องการที่ยึด สองขาเร่งถอยหลังหาเครื่องเรือนสักอย่างที่แข็งแรงพอให้ร่างของทั้งคู่ยันไว้ได้


     แต่สมาธิที่อยู่ไม่สุขทำให้เท้าเล็กลืมระวังกองผ้าเช็ดตัวบนพื้น แจจินล้มหงายหลังก้นกระแทก มือที่ยังจับผ้าขนหนูแน่นก็พลอยดึงคนที่ตนกำลังนัวเนียอยู่ร่วงลงไปด้วย


     ทั้งสองลงมากองอยู่กับพื้นเหมือนกับผ้าเช็ดตัวผืนนั้น แต่อย่างน้อยแจจินก็ได้ที่ยึดสมใจ มันคือโต๊ะกาแฟตัวเล็กกลางห้องรับแขก เขารู้สึกปวดระบมที่ก้นกบแต่ก็ไม่ใช่เวลาจะมานั่งบ่น ขาสองข้างแยกกว้างเต็มที่อย่างไม่เหลือความกระดากอาย เชื้อเชิญให้คนข้างหน้าได้เคลื่อนกายเข้าแนบเนื้อหนังทุกส่วนของตัวเอง


     ซึงฮยอนในตอนนี้ถูกกามอารมณ์ครอบงำสติไปเกือบจะสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงแต่เครื่องแบบนักเรียนของเขาที่ยังถูกสวมอยู่อย่างครบชุด



     “ซึงฮยอน... ถอดกางเกง” แจจินตวัดขาโอบสะโพกหนาให้อีกคนไม่สามารถขยับตัวถอยออกไปได้ ถ้าซึงฮยอนต้องถอดกางเกงก็ต้องถอดในสภาพนั้น




     การแกะเข็มขัดนักเรียนเสร็จสิ้นไปด้วยความยากลำบากเพราะมันแนบชิดติดกับท้องน้อยของคนที่ใช้ท่อนขากอดเขาไว้ เด็กหนุ่มจะดันตัวเองออกแต่แจจินก็ยิ่งเพิ่มแรงรัดให้แน่นเข้าไปอีก ในท่าทางเหมือนกำลังตำหนิที่เขามัวแต่ชักช้ามีแววตาหัวเราะเยาะส่งมาให้ด้วย


     เอาไงเอากัน หลังจากถอดเข็มขัดได้แล้ว มือหนาพยายามล้วงลงไปปลดกระดุมและรูดซิปกางเกงของตัวเองออก ขอบคุณพระเจ้าที่แจจินกระเถิบตัวเล็กน้อยมอบพื้นที่ว่างให้เขา แต่ ก็ไม่ได้กว้างไปกว่าฝ่ามือของผู้ชายอายุสิบแปดเท่าไหร่


     สุดท้ายแล้ว หลังมือของซึงฮยอนก็ต้องสัมผัสโดนบางสิ่งที่บ่งบอกถึงการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ของอีกคนอย่างจำใจ



     เรียวขายาวทางด้านซ้ายของซึงฮยอนขยับออกมาอยู่ด้านหน้าเขา นิ้วเท้าเล็กเกี่ยวเข้ากับขอบผ้าเสิร์ทสีดำแล้วช่วยถอดดึงมันลงมา ร่างหนาขยับลุกขึ้นนิดนึง ระหว่างนั้นก็ปลดกระดุมเสื้อตัวเอง



     “แค่ปลดก็พอไม่ต้องถอด... พี่ขอ”



     สองฝั่งผ้าค่อยๆแยกออกจากกันตามจำนวนกระดุมที่ถูกแกะ ผิวขาวที่แทบจะไม่เคยถูกแดดบัดนี้เผยให้เห็นอยู่ตรงหน้า แจจินเกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายเมื่อสายตาของเขาเลื่อนไปเห็นลอนกล้ามน้อยๆที่หน้าท้องนั่น บนร่างของซึงฮยอนตอนนี้ไม่มีอะไรที่ถูกถอดออกโดยสมบูรณ์สักอย่าง เข็มขัดและกางเกงนักเรียนยังคาอยู่ที่หัวเข่า แม้แต่ถุงเท้าเขาก็ยังใส่อยู่ ผิดกับอีกคนที่ไม่มีอะไรคลุมตัวไว้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว


     แจจินขยับตัวคล้ายจะลุกขึ้นแล้วดันซึงฮยอนให้ถอยไปจนชิดชั้นวางทีวีด้านหลัง
     เขาต้องการจะเป็นฝ่ายที่อยู่ข้างบน



     ร่างบางกำลังจะขึ้นคร่อมขาคนตรงหน้า แต่ซึงฮยอนรีบจับไหล่แจจินไว้ก่อน




     “พี่ครับ... บนห้องดีกว่ามั้ย” เพราะว่ามันคือครั้งแรก เขาจึงหวังว่ามันจะออกมาอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวล ซึงฮยอนอยากให้แจจินเจ็บน้อยที่สุด



     ฉะนั้น ถ้าพื้นผิวเป็นที่นอนและผ้านวมมันก็น่าจะดีกว่าพื้นไม้แข็งๆตรงนี้


     แจจินทำหน้าตาเหมือนเด็กที่ถูกพ่อแม่ขัดใจ ร่างล่อนจ้อนลุกขึ้นยืน เอื้อมไปหยิบอะไรบางอย่างข้างทีวีแล้วโยนให้ซึงฮยอน



     “ตอนขึ้นไป เหลือไว้แค่เสื้อนักเรียนนะ” ผ้าเช็ดตัวถูกนำมาห่อกายไว้อีกครั้ง คนพูดรีบวิ่งขึ้นบันไดไป ก่อนจะหยุดฝีเท้าลงระหว่างทางและหันหน้ากลับมา “เร็วๆด้วยล่ะ”



     ซึงฮยอนที่ยังนั่งอยู่บนพื้นพยายามบังคับจิตใจตัวเองไม่ให้มองตามร่างของแจจิน อดทนรอที่จะไปชื่นชมมันอย่างเต็มตาในห้องนั้น



     “จริงๆกูก็น่าจะมองสักหน่อยว่ะ” เขาหยิบสิ่งที่แจจินให้ขึ้นมาจากบนตัก ซองฟอยล์สีเงินขนาดเล็กรูปร่างสีเหลี่ยมจัตุรัส






     แจจินสั่งไว้อย่างไรเขาก็ทำตามอย่างนั้น ถ้าไม่รวมของที่เพิ่งได้รับมา ซึงฮยอนที่สวมเพียงแค่เสื้อนักเรียนตัวเดียวกำลังย่องขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของบ้าน


     ลมเย็นยามบ่ายแก่จากหน้าต่างที่เปิดอ้าซ่าพัดผ่านออกมาทางประตูห้องที่แง้มไว้อยู่ สิ่งแรกที่ซึงฮยอนเห็นหลังจากเข้าไปในนั้นแล้วคือกลุ่มผ้าม่านสีขาวบางกำลังปลิวล้อกับแรงอากาศที่เคลื่อนตัวอย่างฉวัดเฉวียนเมื่อช่องลมหนึ่งเดียวภายในห้องถูกขยายให้กว้างออก


     เสียงของบางอย่างตกกระแทกลงบนพื้นไม้ลามิเนตสีสว่างเรียกความสนใจของเขาให้กลับมาที่คนในห้อง วัตถุสีน้ำเงินสดทำจากซิลิโคนที่น่าจะมีลักษณะนามว่า แท่ง กลิ้งหลุนๆตามแรงถีบมาจากเตียงนอนใหญ่ด้านขวามือ บุคคลผู้เป็นเจ้าของวัตถุรูปทรงคุ้นตานั้นกำลังนั่งห้อยขาข้างหนึ่งลงมาจากเตียง ตาปรือจ้องมายังใบหน้าของซึงฮยอน


     ช่วงเวลาแห่งการเชยชมเรือนร่างคนรักมาถึงแล้ว ผู้เข้ามาใหม่เดินปรี่ไปถึงตัวเจ้าของห้องอย่างรวดเร็ว กายปวกเปียกถูกช้อนอุ้มขึ้นไปไว้กลางที่นอนสีไข่ไก่ก่อนจะโดนร่างใหญ่ทิ้งตัวลงคร่อม แจจินก่ายขาข้างหนึ่งไว้เหนือบั้นท้ายของซึงฮยอน อีกข้างหนึ่งอยู่ที่หลังต้นขา ปัดป่ายไปมาจนมั่วไปหมด ส่วนบนก็เดินหน้าเล้าโลมกันอย่างหนักหน่วง ทั้งซุกไซ้ บีบรัด กัด และดูด


     คนข้างล่างนั้นช่างอยู่ไม่นิ่งเอาเสียเลย แจจินขยับตัวมากเกินกว่าปกติ สองแขนเกยพาดไปยังทุกที่ที่ความยาวไปถึง มือข้างหนึ่งของเขายกขึ้นมาจับหัวซึงฮยอนกดลงไปชนเนินอกของตัวเองก่อนจะแอ่นตัวรับ ปากหนาขบเลียหนึ่งในจุดศูนย์รวมเส้นประสาทสร้างความเสียวซ่านจนแจจินบิดเร่าและร้องครวญคราง ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองภาพแห่งความประทับใจนั้น แต่เขาก็ต้องตกใจที่



     “แจจิน...” สิ่งที่อยู่ไกลกว่าใบหน้าสวยของแจจินแต่กลับสะดุดสายตาซึงฮยอนคือขวดของเหลวขนาดจิ๋วขวดหนึ่งบนโต๊ะข้างหัวเตียง




Liquid Rx



     ตอนนี้คนรักของเขาอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถตอบคำถามอะไรซึงฮยอนได้อีกแล้ว



     “พี่ช... พี่ชอบนายในชุดนักเรียน...มาก
     ชอบมากเลย” สองมือเรียวจับที่ปกเสื้อตัวนั้นแล้วก็ไล่ลากนิ้วลงมายังหน้าอก
     “เวลานายมาที่บ้าน นายควรจะใส่แค่นี้แหละ เห็นละมันอย-----” แจจินเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว “ซึงฮยอน จูบพี่สิ”



     ตั้งแต่ถอดกางเกง รวมถึงตอนที่ขึ้นมาบนห้องนอนกับเสื้อนักเรียนตัวเดียว แจจินชอบเวลาซึงฮยอนทำตามคำสั่งของเขา


     จูบๆนี้จึงสร้างความพึงพอใจให้ได้มากกว่าทุกครั้ง


     แจจินควานหาอะไรบางอย่างด้วยความร้อนรน คนด้านบนเดาว่าเขาอาจอยากจับมือเลยยื่นมาให้
     ก็ถูก
     หลังมือของซึงฮยอนถูกคว้าไว้


     สำหรับขั้นตอนปลุกสร้างอารมณ์ มือ เป็นอวัยวะที่ได้รับบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเส้นประสาททั่วร่างกาย และหากถามว่าการกระตุ้นดังกล่าวเป็นหน้าที่ของนักรักฝ่ายไหน คำตอบก็คือ ทั้งคู่ แต่สถานการณ์บนเตียงนี้ไม่ใช่แบบนั้น


     จริงอยู่ที่ฝ่ามือหนากำลังลูบไล้ บีบ เค้น ไปทั่วทุกอวัยวะที่เผชิญหน้ากับเขา
     แค่ทุกการกระทำมันอยู่ภายใต้การควบคุมของแจจินก็เท่านั้นเอง


     หากร่างเล็กประสงค์จะให้เขาใช้เล็บขูดจิกที่ส่วนไหน นิ้วที่อยู่ด้านบนก็จะบังคับนิ้วด้านล่างให้ทำตาม


     ในตอนนี้ทั้งคู่เลื่อนลากลงไปถึงโคนขาด้านในของแจจิน แต่เจ้าตัวดูจะอยากนำเสนอลักษณะยีนเด่นของตนเองจึงปล่อยให้ซึงฮยอนได้ลูบ ขยำ อะไรตรงนั้นอยู่สักพัก



     “ฮื่อ...” สองปากที่ยังดูดดุนกันไม่มีท่าทีจะละออก มือของเด็กหนุ่มถูกนำพามาถึงส่วนสำคัญ ฝ่ายที่มีอำนาจสั่งการจับให้เขาชักมันขึ้นลงอย่างช้าๆ แจจินส่งเสียงครางทั้งที่ยังจูบกับซึงฮยอนอยู่


     คราวนี้ ความเร็วจากเบื้องล่างถูกเพิ่มขึ้น แรงหอบที่ถูกระบายออกทางจมูกอย่างเดียวคงไม่พอ หนึ่งปากพยายามถอนออกแต่อีกปากไม่ยอม สายตาอ้อนวอนที่ส่งมาทำให้ผู้หวังดีต้องศิโรราบ


     ระดับความดังเพิ่มขึ้นแต่ก็ยังถูกจำกัดด้วยตัวกลางที่เป็นช่องปากของอีกคน เสียงร้องของแจจินจึงออกมาในลักษณะอู้อี้แต่ก็สร้างความพอใจให้ซึงฮยอนได้ไม่น้อย ส่วนอีกกระบวนการก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและเร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อยๆ


     แจจินทำของเขาเองหมด
     มือของซึงฮยอนเป็นเหมือนแค่ตัวแทนส่งต่อแรงสัมผัสให้เท่านั้น






     ใกล้แล้ว... แจจินใกล้ถึงแล้ว...


     แต่ถ้าเรายังประกบปากกันอยู่แบบนี้ มีหวังคนรักของเขาต้องหายใจไม่ทันแน่ๆ
     ซึงฮยอนคิด






     เสียงหอบปนเสียงแห่งความทรมานดังชัดเจนข้างใบหูของเขา แก้มที่แนบกันอยู่ทำให้ซึงฮยอนรู้ว่าอีกคนตื่นเต้นแค่ไหน แจจินกอดรัดเขาแน่นดั่งงูรัดเหยื่อ สะโพกที่อยู่ไม่สุขขยับขึ้นลงเหมือนเจ้าของร่างกำลังจินตนาการอะไรบางอย่างไปด้วย ของเหลวเนื้อค่อนข้างข้นพุ่งออกมาราดรดหลังมือของทั้งสอง ร่างเล็กส่งเสียงหัวเราะปลื้มอกปลื้มใจ ขาที่โอบเกี่ยวสะโพกของรุ่นน้องอยู่ขยับขึ้นมาที่ถึงเอวหนา แจจินสบสายตาเชื้อเชิญให้ซึงฮยอนก้มลงไปพิจารณาบางสิ่งที่ตอนนี้แก่นกายของเขาจดจ่ออยู่...


     ชายเสื้อนักเรียนถูกเปลี่ยนเป็นผ้าเช็ดน้ำกาม แต่ด้วยคุณสมบัติในการซึมซับของเหลวที่ต่ำจึงทำให้อาภรณ์หนึ่งเดียวของซึงฮยอนทำหน้าที่ตรงนี้ได้ไม่ดีนัก เนื้อตัวของเขาชื้นแฉะไปด้วยผลพลอยได้จากร่างกายแจจิน
     ซึ่ง จริงๆแล้วเขาก็โอเคกับสภาพแบบนี้นะ


     เย็นดี



     “แจจิน เมื่อกี๊พี่คิดอะไรอยู่เหรอ” ซึงฮยอนส่งคำถามไปพร้อมกับรอยยิ้ม เขาอยากไขข้อสงสัยว่าอะไรที่ทำให้แฟนตัวเองทำท่าทางแบบนั้นตอนกำลังจะถึงจุดสุดยอด
     “พี่... คิดว่ากำลังเอานายอยู่”



     คนถามทำตาโต แต่แล้วก็หัวเราะออกมา



     “แล้วพี่ อยากลองทำจริงดูมั้ยอะ” ซึงฮยอนแกล้งถามเล่นๆ
     “ม่ายอะ สงสาร...”



     มีเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังออกมา



     “...ไว้วันหลัง”



     แจจินยกขาเข้าสอดไว้ใต้เสื้อนักเรียน ของเหลวบางส่วนที่ไม่ได้ซึมไปเข้าในเนื้อผ้าเลอะเปรอะหน้าแข้งและหัวเข่าของเขา



     “ซึงฮยอน ทำไมไม่เช็ดให้ดีเนี่ย” เจ้าของน้ำขาวขุ่นเอ็ดแฟนเด็ก
     “พี่โดนแค่ขา ดูผมด้วย เต็มพุงเต็มแขนยังไม่เห็นบ่นเลย”



     ร่างสูงเหลือบไปเห็นหลอดเจลหล่อลื่นวางสงบอยู่บนเตียง แม้จะงงนิดหน่อยแต่ก็ยื่นมือไปจะเอื้อมหยิบ แจจินที่มองดูอยู่รีบรั้งแขนเขาไว้พร้อมกับส่ายศีรษะเป็นเชิงว่า ไม่ต้อง


     อะ ก็ได้ ซึงฮยอนรับทราบ


     ในครั้งแรกนี้ นิ้วหัวแม่มือถูกเลือกให้เป็นตัวช่วยเปิดทาง แต่ดูเหมือนอีกคนจะเตรียมการเอาไว้แล้ว เจ้าของนิ้วรู้สึกว่ามันเข้าไปได้ง่ายกว่าที่คิด จนกระทั่งจู่ๆซึงฮยอนก็นึกถึงสิ่งที่เขาเห็นตอนเพิ่งเข้ามาในห้อง กับของที่วางอยู่บนเตียงมาตลอด...


     แจจินช่วยตัวเองไปก่อนหน้านั้นแล้ว
     น่าจะเป็นช่วงที่รอเขาอยู่สินะ


     ถ้างั้นทั้งคู่ก็คงพร้อมกันแล้ว ซึงฮยอนจับของตัวเองยื่นจ่อที่ปากทางเข้า ความตื่นเต้นเข้าครอบงำสมองจนแทบลืมหายใจ มือของรุ่นพี่จับคางเขาให้เงยขึ้นมาและมองหน้ากันไว้



     ‘ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ นายต้องมองมาที่พี่ เท่านั้น’



     ตำแหน่งและท่าของแจจินในขณะนี้ค่อนข้างเอื้อต่อการขยายพื้นที่ตรงนั้นได้เป็นอย่างดี อวัยวะที่แข็งตึงเต็มที่กำลังถูกผลักส่งเข้ามาในร่างเล็ก



     “อ้ะ... อื๊อเจ็บ ซึงฮยอน! เจ็บ!!! อ๊ะ“ แจจินเงยหน้าหลับตาปี๋ ไม่ได้สนใจที่ตัวเองเผลอร้องเสียงน่าเกลียดออกมา หน้าท้องเรียบเกร็งจนอีกคนกลัวว่าเขาจะตะคริวกิน



     เพราะว่าไม่ได้มีอะไรกับใครมานานหลายเดือนแล้ว และถึงแม้เจ้าแท่งจำลองสีน้ำเงินจะช่วยให้แจจินได้เตรียมตัวเตรียมใจก่อนล่วงหน้า แต่แท่งของจริงที่กำลังถูกใส่เข้ามาในตัวนั้นก็มีขนาดใหญ่กว่ามาก...


     ซึงฮยอนมองดูใบหน้าเหยเกของแจจินอย่างรู้สึกผิด



     “พี่ ครับ ทนอีกนิดนะ นิดเดียว”



     อีกคนไม่ตอบอะไรแต่พยายามปรับสีหน้าของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติที่สุด


     เข้าไปจนสุดแล้ว


     เขายังค้างมันไว้อย่างนั้นเพื่อให้คนรักได้คุ้นชินกับขนาด แต่แจจินที่อยู่ข้างล่างกลับเป็นฝ่ายเริ่มขยับบั้นท้ายขึ้นลงด้วยตัวเอง ขาสองข้างของซึงฮยอนทรุดฮวบเมื่อของรักของตนเจอเข้ากับแรงตอดรัดอันหนักหน่วงจากช่องทางนั้น การโยกตัวของอีกฝ่ายเป็นไปอย่างทุลักทุเลเพราะท่าทางที่ไม่ได้ เขาจึงต้องรีบขยับให้แทน แต่ได้ไม่กี่ทีก็...



     “วันนี้เรียนเหนื่อยเหรอ”



     แจจินคิดจะชวนคุยงั้นเหรอ



     “ก...ก็ นิดนึงครับ”



     จังหวะที่เนิบนาบมันไม่ทันใจหรืออะไร แจจินขยับตัวออกจากเขาเสียดื้อๆและลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง



     “งั้นนาย อยู่เฉยๆละกัน” มือเล็กผลักร่างซึงฮยอนมาอยู่ในท่าเดียวกับเขาแต่ให้หันหน้าเข้าหา แจจินยิ้มมุมปาก หลังจากเขยิบกายเข้ามาใกล้จนต้องเรียกว่ากำลังนั่งอยู่บนตักอีกคนแล้ว ผมสั้นชุ่มเหงื่อถูกลูบขยี้อย่างเอ็นดูก่อนที่จะถูกแรงจากมือคู่เดิมดันเข้าไปที่เนินอก



     เปียก...
     เปียกไปหมด


     จากผิวเนียน ถูกแทนที่ด้วยริมฝีปาก


     เด็กหนุ่มเผลอสูดหายใจแรงเมื่อส่วนอ่อนไหวของเขาถูกมืออีกคนกุมเอาไว้ ร่างอ้อนแอ้นบนตักยกตัวขึ้นแต่ปากที่ยังดูดงับกันอยู่ทำให้ซึงฮยอนต้องเงยหน้าตามทั้งๆที่กำลังทรมานจากความเสียวด้านล่าง



     “อื้อ...” ถึงแม้ว่าตำแหน่งจะถูกสับเปลี่ยน สุดท้ายแล้วแก่นกายของหนุ่มวัยสิบแปดก็ได้เข้าไปอยู่ในร่างกายของแจจินอีกครั้ง


     คนที่ถูกสั่งให้นั่งเฉยๆเริ่มปวดเคล็ดบริเวณเหนือเอว แขนและมือของเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เอาไปใช้ยันร่างกับที่นอนเพราะแจจินจะคอยดึงมันกลับมาไว้ที่บั้นท้ายของตนเอง แผ่นหลังที่ไม่ได้พิงอะไรอยู่เลยก็ต้องเกร็งตลอดเวลาเพื่อรับน้ำหนักตัวและแรงขย่มของอีกคน


     ทุกส่วนของซึงฮยอนต้องโฟกัสมาที่ร่างกายของแจจิน



     ‘โคตรเมื่อย
     แต่ก็โคตรรู้สึกดี’



     ร่างข้างบนที่กำลังขยับตัวขึ้นลงในอ้อมแขนของเขาขยุ้มจิกเสื้อนักเรียนตามจังหวะที่เจ้าท่อนเอ็นนั่นเสียบแทงเข้าไปจนมิด ความเร็วแรงที่ถูกเพิ่มจนสูงสุดแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะทำให้ใครคนใดคนหนึ่งพอใจ มือแกร่งช่วยพยุงดันบั้นท้ายสวยให้แจจินไม่ต้องสูญเสียพลังงานเยอะ แต่อดีตติวเตอร์ชีวะหาได้สนใจความหวังดีตรงนี้


     ยิ่งซึงฮยอนมาช่วย แจจินก็ยิ่งกดกระแทกมันแรงขึ้น






     เสียงครางกระเส่าที่อธิบายออกมาเป็นตัวอักษรไม่ได้...


     ความรู้สึกของทั้งคู่ที่ไม่อาจมีใครเข้าใจได้ดีเท่าตัวพวกเขาเอง...






     สายตาพร่ามัวเหลือบไปเห็นอวัยวะหนึ่งที่โดนเมิน แก่นกายของแจจินยังตั้งชูชันและหันหัวเข้ามาทางเด็กหนุ่ม ซึงฮยอนไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปมากกว่านี้ เขารีบเอื้อมมือไปช่วยเหลือคนรักอีกแรง


     คนตัวเล็กส่งเสียงร้องดังลั่นอย่างไม่อายเพื่อนบ้านที่อาจได้ยินเนื่องจากหน้าต่างห้องยังเปิดอยู่ มือหนาที่กอบกำแท่งเนื้อบีบมันแรงขึ้นและใช้จังหวะการชักรูดเดียวกันกับที่ตนเองได้รับ ซึงฮยอนต้องการให้แจจินเกิดความรู้สึกที่เหมือนกับตัวเขาเองขณะนี้ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นฝ่ายสอดใส่






     นานเพียงพอแล้ว


     สำหรับทั้งคู่






     ในอัตราเร็วที่เพิ่มมากกว่านี้ไม่ได้อีก แจจินครางเสียงแหลมรัวจนคนได้ยินเริ่มเสียวเกร็งไปตามๆกัน บทบรรยายระบายความกำหนัดของทั้งสองดังระงมปะปนจนจับใจความไม่ได้อย่างสิ้นเชิง...


     แจจินจะถึงแล้ว เขาตะโกนชื่อซึงฮยอนดังไปสามบ้านแปดบ้านราวกับจะป่าวประกาศว่าตอนนี้ตนกำลังตกเป็นของใคร



     “...ฮือ ซึง--ย็อน”



     ความใคร่รอบที่สองถูกปลดปล่อยพร้อมกับเสียงร้องไห้โฮ
     อย่างไม่ทราบสาเหตุ


     ซึงฮยอนยังไม่รับรู้อะไร ความอัดอั้นตลอดหนึ่งเดือนกว่าของเขากำลังหลั่งไหลออกมาในรูปของของเหลวชนิดเดียวกันกับของอีกคนที่ยังเปรอะฝังอยู่บนผ้าที่สวมใส่อยู่


     เพียงแต่ว่า น้ำ ของเด็กหนุ่ม มันไม่ได้ออกไปสู่โลกภายนอกเพราะถูกแผ่นยางบางเฉียบปิดกั้นเอาไว้ สัญญาณเดียวที่ทำให้แจจินรู้ว่าคู่ร่วมรักของตัวเองถึงจุดสุดยอดแล้วจึงกลายเป็นเพียงแรงกระตุกเบาๆจากความเป็นชายในช่องทางลับนั้น


     ความเปียกแฉะบริเวณมือเรียกสติเขากลับคืนมาอีกครั้ง ไม่เพียงแค่นั้น ที่หน้าท้องและเสื้อนักเรียนก็เลอะ(อีกแล้ว) ส่วนปลายของสิ่งที่ซึงฮยอนยังกุมไว้อยู่มีน้ำข้นสีเหมือนนมไหลออกมาเป็นระลอกๆอยู่พักหนึ่ง


     แต่แล้ว ร่างหนาก็รู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ไหล่
     อีกหนึ่งจุด



     “แจจิน พี่ร...พี่ร้องไห้ทำไม!”ตอนนี้ทั้งสองอยู่ในท่านั่งชันเข่าซ้อนกันอยู่ แจจินโอบซึงฮยอนไว้ ใบหน้าเล็กซุกซ่อนในซอกคอของเขา มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาไม่หยุด



     ซึงฮยอนผลักตัวรุ่นพี่ออกมาเพื่อที่จะได้พูดคุยกันให้รู้เรื่อง อี แจจิน ในตอนนี้นัยน์ตาแดงก่ำ น้ำมูกน้ำตาไหลอาบหน้า ริมฝีปากสั่นระริก…


     ในความรู้สึกของเขา มันไม่ได้มีแค่ความเสียใจ
     ความสุข
     หรือความโกรธ
     

     เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง


     แต่ทุกอารมณ์ที่กล่าวถึงมันถูกยำกันมั่วในหัวสมอง อะไรบางอย่างที่แจจินเก็บงำไว้มานานตั้งแต่ช่วงแรกๆที่เขาคบกับซึงฮยอน... ช่วงแรกๆที่เขารู้ความจริงบางอย่าง...



     “ซึงฮยอน...” คนตรงหน้ายังคงร้องไห้อย่างหนักหน่วง “...พี่รักนาย รักนายคนเดียว รักมากๆ”
     “ผมก็รักพ--”
     “รักแล้วนายทำกับพี่แบบนี้ได้ยังไง!!!” เขาขึ้นเสียง



     เด็กหนุ่มผงะ



     แจจิน รู้เหรอ



     “รู้จักกับมันมานานเท่าไหร่แล้ว”
     “...”
     “พี่ถามว่านายแอบคบกับแจฮยอนญาติพี่มานานแค่ไหนแล้ว! ตอบสิวะ!!!” แจจินตวาดใส่ซึงฮยอนแรงยิ่งกว่าเมื่อวันก่อน
     “ส...สองเดือนครับ” เด็กหนุ่มคอแห้งผาก



     เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะถูกหยิบมาพูดในเวลาแบบนี้



     “อ๋อ ก่อนพี่... อีกสินะ”



     สายน้ำตาทะลักล้นออกมาเรื่อยๆ ผิวหนังใต้ดวงตาคู่สวยเริ่มบวม
     ส่วนอีกคนก็กลายเป็นอัมพาต พูดอะไรต่อไม่ได้






     ยังอยู่ในท่าเดิม ทั้งสองนั่งนิ่งท่ามกลางความเงียบงัน แจจินเรียกสติของตนเองกลับมาและรอให้อาการสะอึกสิ้นสุดลง



     “มันเป็นความผิดของพี่เอง... ตอนนั้นพี่เอาแต่ลังเล” คนพูดทิ้งจังหวะสูดน้ำมูก ตัวสั่นเทา “จริงๆพี่มันลังเลไปซะทุกเรื่องแหละ ก็คงไม่ผิดหรอกที่นายจะ...”



     ไม่อาจพูดจนจบประโยคได้



     “แต่ตอนนี้ พี่รักนายมาก...” เสียงขาดหายไป น้ำตาหยดใหญ่ไหลออกมาอีกแล้ว



     ซึงฮยอนดึงแจจินเข้ามากอด ตอนนี้เขาก็ร้องไห้เหมือนกัน
     ด้วยความสำนึกผิด



     “...รัก รักจนไม่อยากเสียนายไปให้ใคร ได้ยินมั้ยซึงฮยอน ทีแรกพี่คิดว่าจะปล่อยนายไปได้ แต่--”
     “ไม่! ผมจะไม่ไปจากจากพี่! แจจิน ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ ผมมันชั่ว” เด็กหนุ่มม.ปลายตอนนี้กำลังร้องไห้เหมือนเด็ก เขากอดแจจินแน่นอย่างกับว่านี่จะเป็นวินาทีสุดท้ายที่ได้อยู่กับคนๆนี้
     “พี่ไม่รู้ว่านายคิดยังไง คิดอะไร... ระหว่างพี่ กับแจฮยอน”
     “ผมจะเลิกติดต่อกับเขา แจจิน ผมรักพี่ รักพี่คนเดียว ผมไม่เคยรักแจฮยอน จริงๆนะครับ แจจิน เชื่อผมสิ”



     แจจินหลับตาเค้นน้ำที่คั่งอยู่ให้ออกมา ตลอดเวลาที่อีกคนพูดร่างเล็กส่ายหัวเป็นความหมายว่า เขาไม่เชื่อ



     “พี่ยังไม่อยากเชื่ออะไรที่ออกมาจากปากนายตอนนี้”
     “พ... ฮึ่ก พี่ครับ...” ซึงฮยอนซบหน้าลงบนไหล่แจจินก่อนจะปล่อยโฮออกมาจริงจัง
     “พี่ จะให้นายเลือกเอง”
     “ผมเลือกพี่ครับ ฮือ ได้โปรด พี่แจจิน ผมผิดไปแล้ว”
     “ไปคิดให้ดี”



     ซง ซึงฮยอน บอกกับตัวเองเสมอว่าในหัวใจเขามีเพียงแจจิน
     แค่ อี แจจิน คนเดียวจริงๆ


     แต่น่าเศร้าเหลือเกินที่ การกระทำที่ผ่านมามันช่างตรงกันข้าม



     ‘คนที่รักกันจริง เขาไม่แอบไปหลับนอนกับคนอื่นหรอก’



     “แจจิน พี่จะตบจะตีผมให้ตายไปเลยก็ได้ ผม...ผมยอมรับผิดแล้ว”
     “ให้คำตอบกับพี่วันหลังนะ
     แต่ ตอนนี้...”
     “...”
     “ยานั่น มันยังไม่หมดฤทธิ์
     ...ช่วยอยู่ด้วยกันก่อนได้มั้ย”



     แจจินหลับตา แล้วยื่นหน้าเข้าไปจูบซึงฮยอน
     จูบที่สร้างความขมขื่นอย่างมหาศาลให้กับอีกฝ่าย


     ทั้งสองพยายามทำเหมือนกับว่าที่ผ่านมามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น


     แต่จะพยายามกันได้นานสักแค่ไหน...



     “เรา ไปหาที่มืดๆกันดีมั้ย
     พี่ไม่อยากเห็นอะไรอีก”



     ร่างเปลือยเปล่าลุกออกจากเตียงและเดินนำไปยังห้องน้ำด้านข้าง
     สวิตช์ไฟบนผนังไม่ได้ถูกสับ


     แล้วประตูห้องก็ปิดลง





     การร่วมเพศของทั้งคู่ต่อจากนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความรักทั้งหมด จริงอยู่ที่พวกเขาสองคนรักกัน ซึงฮยอนรักแจจิน เกิดอารมณ์กับแจจิน... แต่อีกฝ่ายนั้นได้รับอิทธิพลจากปัจจัยอื่นซึ่งสร้างผลกระทบที่รุนแรงยิ่งกว่า


     จากแค่ต้องการ... 


     ทวีเพิ่มเป็นความขาดแคลน


     และ เขา ได้รับมอบหมายหน้าที่ในการพาแจจินหลุดพ้นจากความทรมาน






     แค่รีบขจัดความกระสันที่ยังหลงเหลืออยู่ให้หมดๆไป
     ฉะนั้น การมองหน้ากันก็คงไม่จำเป็น


     นี่คือบทลงโทษสำหรับซึงฮยอน






     เสียงที่ดังผ่านบานประตูออกมาไม่มีส่วนผสมของชื่อคน อุปกรณ์ป้องกันถูกนำมาเปลี่ยนใหม่จนเกลี้ยงแพ็ค ฤทธิ์ยาใกล้หมดเต็มทีแล้ว เด็กหนุ่มรับรู้ได้จากการสังเกตพฤติกรรมของคนที่ใช้มันอย่างคร่าวๆ


     ดูเหมือนว่านี่คงจะเป็นรอบปิดท้าย ที่มืดภายในบ้านถูกใช้งานไปจนครบ ทั้งสองกลับมายังห้องนอนอันเป็นจุดแรกของการทำกิจกรรม ตะวันใกล้ลับขอบฟ้าแต่ก็ยังมีแสงสว่างหลงเหลืออยู่


     และแน่นอนว่า มันไม่เป็นที่ต้องการของแจจิน






     เสื้อนักเรียนตัวชื้นที่ซึงฮยอนโดนขอร้องให้ถอดทิ้งตั้งแต่ก่อนเข้าห้องน้ำถูกนำมาใช้เป็นผ้าปิดตา เสียงหวานเอ่ยถามหาของแข็งชื่อประหลาดแท่งเดิมที่นอนแน่นิ่งบนพื้นใกล้ขาตู้


     แจจินบอกให้คนที่ยังมองเห็น ยัด สิ่งนั้นเข้าไป
     แล้วปล่อยมันคาไว้อย่างนั้น


     ส่วนซึงฮยอนที่เพิ่งจะได้ฤกษ์เปลือยกายอย่างสมบูรณ์เอาตอนนี้คงจะมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายจะขอใช้ปากทำให้


     ที่ผ่านมาเขาต้องจินตนาการเอาเองว่าแจฮยอนคือแจจิน แต่ในตอนนี้ ช่วงเย็นของวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่ต่างคนต่างเหนื่อยล้าจาการเรียนหนัก ความปรารถนาสูงสุดของซึงฮยอนกำลังจะเป็นจริงถึงแม้ว่าปมขัดแย้งบางอย่างจะยังคงรบกวนจิตใจอยู่เป็นระยะ


     ต่อจากวินาทีนี้ เขาขอลืมมันทั้งหมดไปก่อน



     “แจจินครับ”



     คนที่ถูกเรียกชื่อมองไม่เห็นว่าตอนนี้ซึงฮยอนได้เอาส่วนหนึ่งของร่างกายเขามาจ่อไว้ตรงหน้าตนแล้ว แจจินเงยหัวขึ้นไปตามเสียงเรียก ภาพของทั้งคู่ดูเหมือนสุนัขแสนเชื่องกำลังนั่งรอของกินกับเจ้าของสุนัขที่ถือขนมอยู่ในมือ


     แจจินเงี่ยหูฟังว่าอีกคนจะพูดอะไรต่อ



     “ได้โปรด รับรู้ว่าคนตรงนี้คือผมได้ไหม แค่ครั้งนี้”



     ซึงฮยอนไม่ได้รับคำตอบที่เป็นคำพูด แต่ได้จากการกระทำ สัมผัส และภาษากายที่มีแค่พวกเขาสองคนเข้าใจ ผ่านไปครึ่งทาง อิริยาบถถูกเปลี่ยนโดยการชักนำของคนที่เด็กกว่า จากที่มีแค่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายเดียวเป็นผู้ปรนเปรอ แจจินที่นั่งยองอยู่โดนดันให้หงายหลัง ศีรษะมนเข้ากระแทกลงบนหมอนข้างใบหนาพอดิบพอดี ร่างสูงใช้เวลาคำนวณองศาไม่ถึงวิก็ตามลงไปนอนคร่อมอยู่บนตัวของอีกคนในลักษณะกลับหัวกลับหาง


     หน้าที่ของการปรนเปรอถูกหารครึ่ง ซึงฮยอนพยายามเต็มที่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยทำแบบนี้ให้กับใครมาก่อน






     ...สุขสม แต่ขมขื่น


     ...แตกซ่าน แต่ใจสลาย


     ...อิ่มเอม แต่เต็มไปด้วยทุกข์






     ดวงอาทิตย์อำลากิจวัตรของมันไปแล้ว ความมืดที่แท้จริงและอากาศเย็นค่อยๆคืบคลานเข้ามาในห้อง


     วันนี้คงเป็นวันแรกในรอบหลายเดือนที่คนในบ้านเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำ






     “นายนี่ก็ร้ายไม่เบาเลยนะ... อี แจจิน”



     ภาพมุมสูงของห้องนอนขนาดใหญ่ห้องหนึ่งฉายปรากฏอยู่บนหน้าจอโน้ตบุ๊ก บุคคลผู้เป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ใช้เวลาตลอดทั้งเย็นวันศุกร์ไปกับการชม หนังสด ของชายสองคนซึ่งถูกถ่ายทำโดยกล้องวงจรปิดที่ คิม แจฮยอน นำไปติดตั้งไว้ด้วยตัวเอง


     เสียใจเหรอ
     ไม่หรอก


     แจฮยอนคิดไว้ไม่ผิดว่าสุดท้ายแล้วแจจินก็ต้องยอมเอาร่างกายเข้าแลกเพื่อให้ได้คนรักกลับคืน
     แต่ ถึงขั้นที่ต้องใช้ยาปลุกเซ็กส์กับตัวเองนี่มันจะดูเหยียดหยามซึงฮยอนไปหน่อยรึเปล่า...


     แต่เอาเถอะ เขารักกันนี่นะ



     “ดีใจด้วยนะฮะ พี่แจจิน
     ถึงเวลาที่จะต้องส่งของขวัญไปแสดงความยินดีกับมึงหน่อยแล้วล่ะ”












-  To be continued  -

No comments:

Post a Comment