PAIRING: SONG SEUNGHYUN x LEE JAEJIN
RATING: PG-13
Character reference:
- - - - - - - - -
เปิดรับอาสาสมัครประจำ Kissing Booth
รายได้ 50% เข้าองค์กรการกุศล อีก 50% ให้อาสาสมัคร เพียงแค่คุณ
มีอายุ 18-30 ปี, ไม่เป็นโรคติดต่อทุกประเภท, บุคลิกภาพดี, เพศไหนก็ทำได้
และที่สำคัญที่สุด จูบเป็น
( ค่าบริจาคขั้นต่ำ 500 บาท/จูบ )
แปลว่า จูบครั้งนึง ได้สองร้อยห้าสิบ ถ้าจูบสิบคน
เราก็จะได้...’
“สองพันห้า!!!” ดวงตาของคนพูดลุกวาวเป็นประกายตามสไตล์คนหน้าเงิน
“ว่าไงคะ สนใจเป็นอาสาสมัครกับพวกเรามั้ย” หญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งโผล่ออกมาจากข้างหลังป้ายประกาศแผ่นใหญ่
“สองพันห้า!!!” ดวงตาของคนพูดลุกวาวเป็นประกายตามสไตล์คนหน้าเงิน
“ว่าไงคะ สนใจเป็นอาสาสมัครกับพวกเรามั้ย” หญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งโผล่ออกมาจากข้างหลังป้ายประกาศแผ่นใหญ่
“เอ่อ... คือว่า”
“นายก็หน้าตาใช้ได้อยู่นา น่าจะเรียกผู้หญิงรุ่นใหญ่ได้เป็นโหลๆ แถมบู๊ธเราจัดในห้างใหญ่ด้วย คนเข้าเยอะแน่ ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งบุญเลยนะจ๊ะ” พี่สาวคนสวยหว่านล้อมหนุ่มหน้าตี๋สุดใจ
คนที่สนใจงานนี้ยังคงลังเลอยู่ว่าเขาจะได้คุ้มเสียจริงรึเปล่า
“ส่วนเรื่องจะจูบยังไงเนี่ย ขึ้นอยู่กับอาสาสมัครเลย เราไม่บังคับ”
“นายก็หน้าตาใช้ได้อยู่นา น่าจะเรียกผู้หญิงรุ่นใหญ่ได้เป็นโหลๆ แถมบู๊ธเราจัดในห้างใหญ่ด้วย คนเข้าเยอะแน่ ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งบุญเลยนะจ๊ะ” พี่สาวคนสวยหว่านล้อมหนุ่มหน้าตี๋สุดใจ
คนที่สนใจงานนี้ยังคงลังเลอยู่ว่าเขาจะได้คุ้มเสียจริงรึเปล่า
“ส่วนเรื่องจะจูบยังไงเนี่ย ขึ้นอยู่กับอาสาสมัครเลย เราไม่บังคับ”
‘แหงล่ะ
ถ้าตามใจคนบริจาคผมก็คงไม่ต่างอะไรกับ...’
“เอาไงจ๊ะ”
หมดเวลาตัดสินใจแล้วล่ะ
“ตกลงครับ ผมสมัคร”
มือที่ถือแบบฟอร์มอยู่รีบยื่นกระดาษให้ว่าที่นักจูบอาสาสมัครอย่างรวดเร็ว เขาใช้เวลากรอกมันเพียงไม่กี่นาทีก็ส่งคืนให้อีกคน
“เอาไงจ๊ะ”
หมดเวลาตัดสินใจแล้วล่ะ
“ตกลงครับ ผมสมัคร”
มือที่ถือแบบฟอร์มอยู่รีบยื่นกระดาษให้ว่าที่นักจูบอาสาสมัครอย่างรวดเร็ว เขาใช้เวลากรอกมันเพียงไม่กี่นาทีก็ส่งคืนให้อีกคน
“ขอบคุณค่ะ เอาล่ะ เดี๋ยวจะมีอีเมลตอบกลับส่งไปให้ก่อนเที่ยงคืนวันนี้ แล้วภายในสัปดาห์หน้านายก็อีเมลใบรับรองแพทย์มาให้กับเรา เข้าใจใช่มั้ย อี แจจิน”
💋
“ซึงฮยอน ป๊าบอกแกมากี่ปีกี่ชาติแล้วว่าให้รีบหาเมีย อายุอานามจะเข้าเลขสามอยู่ทุกวัน
ลูกพี่ลูกน้องของแกเขาเดินสายแจกการ์ดกันให้วุ่นแต่นี่ป๊ายังไม่เคยเห็นแกพาสาวเข้าบ้านเลยสักครั้ง”
ผู้เป็นบิดาหยุดพักหายใจห้าวินาทีก่อนจะเริ่มเทศนาบุตรชายของเขาต่อ “กิจการห้างของเรากำลังไปได้สวย จะขาดก็เพียงแต่ทายาทมาสานต่อธุรกิจเนี่ยแหละ”
“ป๊าไปฝากความหวังไว้ที่น้องแทนได้มั้ยครับ” คนพูดทำหน้าตาจะร้องแหล่ไม่ร้องแหล่
“กับเซฮยอนน่ะเหรอ แกแน่ใจเหรอว่าจะให้ป๊าหวังพึ่งคาสโนว่าตัวพ่อของประเทศ แกคิดดีแล้วจริงๆเหรอซึงฮยอน
เฮอะ!”
ยิ่งพูดก็เหมือนจะยิ่งทำให้อีกคนอารมณ์เดือดขึ้นเรื่อยๆ ทายาทหนึ่งในสองของเศรษฐีพันล้านเจ้าของห้าง
SPN Mall เลยเปลี่ยนไปนั่งเล่นกับปากกาด้ามละหมื่นบนโต๊ะทำงานของพ่ออย่างเงียบๆ
“กลับห้องทำงานแกไปได้แล้ว อ้อ อย่าลืมตรวจเอกสารงานแฟร์สัปดาห์หน้าด้วย
ตรวจอีกรอบ! เพราะครั้งที่แล้วแกสะเพร่าปล่อยงบงอกมาจากไหนไม่รู้ตั้งหลายเปอร์เซ็นต์”
“ครับผม” หนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดย่างยี่สิบแปดเดินคอตกออกไป
“ครับผม” หนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดย่างยี่สิบแปดเดินคอตกออกไป
เลขาฯสาวหุ่นเซี้ยะหน้าห้องประธานบริษัทยิ้มให้ซึงฮยอนเป็นรอบที่ร้อย
ยิ่งเขาต้องขึ้นมาฟังเทศน์จากพ่อบ่อยครั้งในช่วงหลังๆนี้นับวันเธอก็ยิ่งแต่งตัวโชว์เนื้อหนังมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
“เห้ออออออออออ”
เสียงถอนหายใจยาวจนปอดหมดลมดังขึ้นหลังจากประตูห้องทำงานรองประธานบริษัทปิดลง หนุ่มหล่อตัวสูงโย่งทิ้งร่างลงบนโซฟากำมะหยี่สีกรมมูลค่าหลักล้าน ตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานยักษ์
เสียงถอนหายใจยาวจนปอดหมดลมดังขึ้นหลังจากประตูห้องทำงานรองประธานบริษัทปิดลง หนุ่มหล่อตัวสูงโย่งทิ้งร่างลงบนโซฟากำมะหยี่สีกรมมูลค่าหลักล้าน ตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานยักษ์
“ใครบอกผู้หญิงหาแฟนยากอยู่ฝ่ายเดียววะ
นี่เกิดมาตั้งยี่สิบแปดปีแล้วยังไม่เคยมีใครเลยโว้ย”
ตี้ด ตี้ด
เสียงข้อความเข้าดังมาจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกง ซึงฮยอนหยิบออกมาดูแล้วก็ต้องกรอกตามองเพดาน
[ เซฮยอน: ว่าไงไอ้พี่กระจอก! Go check this
out such a good article!!!☟ ]
“ฮึ ไรอะ ไวรัสป่าววะ”
ตี้ด ตี้ด
[ เซฮยอน: ไม่ใช่ไวรัสนะเจ้าโง่ อ่านซะ ฮิฮิ ]
“ไอ้นี่หนิ ความเคารพกันยังมีเหลืออยู่บ้างมั้ย” บ่นเสร็จ
นิ้วอวบหน่อยๆของเขาก็แตะไปที่หน้าจอนั่น
ซง ซึงฮยอน ทายาทธุรกิจพันล้านที่สาวๆทั้งประเทศหมายปอง
แต่กลับโสดสนิทมาตลอด 28 ปี
เอ๊ะ หรือว่า เขาจะไม่ได้ชอบผู้หญิง!?!?
**พร้อมบทสัมภาษณ์พิเศษจาก ซง เซฮยอน น้องชายสุดซี้ของเขาเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของพี่ชาย**
เอ๊ะ หรือว่า เขาจะไม่ได้ชอบผู้หญิง!?!?
**พร้อมบทสัมภาษณ์พิเศษจาก ซง เซฮยอน น้องชายสุดซี้ของเขาเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของพี่ชาย**
“อะไรวะเนี่ย ไอ้น้องเวร กูไม่อ่านหรอก”
ถึงปากจะบอกว่าไม่อ่าน แต่สายตาของซึงฮยอนยังคงจับจ้องอยู่ที่หัวข้อบทความนั้น
ถึงปากจะบอกว่าไม่อ่าน แต่สายตาของซึงฮยอนยังคงจับจ้องอยู่ที่หัวข้อบทความนั้น
“พอๆ ช่างมันเถอะ รีเช็คเอกสารงานแฟร์ก่อน” เขาสะบัดหัวรัวๆเพื่อไล่ความคิดและเรียกสติตัวเอง
จากนั้นก็รีบลุกไปยังโต๊ะทำงานที่มีแฟ้มกองเบ้อเริ่มวางอยู่
ตลอดทั้งบ่าย ว่าที่ประธานบริษัทคนต่อไปนั่งอ่านทุกตัวอักษรในแฟ้มกองนั้นอย่างละเอียดจนเวลาล่วงเลยไปถึงใกล้ค่ำ
พนักงานคนอื่นๆกลับบ้านกันไปเกือบหมดแล้ว ซึงฮยอนเองก็อยากกลับเหมือนกันแต่เขาเหลือข้อมูลอีกหนึ่งชุดที่ยังไม่ได้เปิดดู
รายชื่อบู๊ธที่จะจัดในวันงาน จำนวนทั้งหมด 321 บู๊ธ
‘แค่รายชื่อ อ่านผ่านๆก็ได้มั้ง’
สายตาอันแสนเมื่อยล้าไล่อ่านชื่อบู๊ธจากล่างขึ้นบนแบบไม่ได้จดจำรายละเอียดใดๆ เพราะส่วนใหญ่ก็มีแต่บู๊ธร้านค้า ร้านอาหาร มีประกันกับท่องเที่ยวปนอยู่หน่อย
และในส่วนของ Charity Zone…
“Kissing Booth เหรอ...”
สายตาอันแสนเมื่อยล้าไล่อ่านชื่อบู๊ธจากล่างขึ้นบนแบบไม่ได้จดจำรายละเอียดใดๆ เพราะส่วนใหญ่ก็มีแต่บู๊ธร้านค้า ร้านอาหาร มีประกันกับท่องเที่ยวปนอยู่หน่อย
และในส่วนของ Charity Zone…
“Kissing Booth เหรอ...”
บู๊ธที่ว่านี่ดึงดูดความสนใจลูกเจ้าของห้างจนถึงกับต้องอ่านออกเสียงแถมยังพลิกหน้ากระดาษไปดูข้อมูลเพิ่มเติม
เหมือนซึงฮยอนจะรู้วิธีคลายข้อสงสัยก่อนหน้านี้ของตัวเองแล้วล่ะ
💋
เจ็ดวันผ่านไปเร็วไวเหมือนโกหก งานแฟร์ประจำปีของห้าง SPN Mall เปิดตัวขึ้นอย่างยิ่งใหญ่
เหล่าดาราและคนมีชื่อเสียงจำนวนมากแห่กัน(หรือถูกจ้าง)มาเข้าร่วมพิธีเปิด พ่อแม่ของซึงฮยอนก็เป็นหนึ่งในนั้น
สมแล้วที่เป็นห้างอันดับต้นๆของประเทศ เพราะเพียงแค่วันแรกผู้คนก็หลั่งไหลมาเที่ยวชมงานกันอย่างล้นหลาม ความครึกครื้นมีให้เห็นอยู่ทุกบริเวณของฮอลล์ใหญ่แห่งนี้ รวมทั้งที่ Charity Zone…
จ๊วฟฟฟ
“ขอบคุณครับ
คนต่อไปเชิญครับ ค่าบริจาคขั้นต่ำห้าร้อยบาทนะครับผม”
เริ่มเข้ากะแรก แจจินคาดว่าน่าจะมีคนมาบริจาคด้วยอย่างมากก็แค่สิบ แต่จำนวนผู้หญิงที่ต่อคิวรอจูบกับเขาอยู่ดูๆแล้วน่าจะมากกว่าที่คะเนไว้กว่าสามเท่า แค่ลองคูณเป็นเงินคร่าวๆอาสาสมัครคนนี้ก็ยิ้มหน้าบานตลอดการทำงาน
คนต่อไปเชิญครับ ค่าบริจาคขั้นต่ำห้าร้อยบาทนะครับผม”
เริ่มเข้ากะแรก แจจินคาดว่าน่าจะมีคนมาบริจาคด้วยอย่างมากก็แค่สิบ แต่จำนวนผู้หญิงที่ต่อคิวรอจูบกับเขาอยู่ดูๆแล้วน่าจะมากกว่าที่คะเนไว้กว่าสามเท่า แค่ลองคูณเป็นเงินคร่าวๆอาสาสมัครคนนี้ก็ยิ้มหน้าบานตลอดการทำงาน
หนุ่มน้อยที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2
ไม่ได้จะเอาเงินที่ได้ไปทำอะไรไม่ดี เขา ในฐานะพี่ชายที่มีน้องสาวเรียนอยู่ม.ต้นเพียงแค่อยากช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่โดยการเป็นผู้ออกค่าเทอมให้น้องเอง
ตกบ่าย จำนวนผู้บริจาคบางเบาลงแล้ว แจจินมีเวลาให้พักจึงนั่งนับแบงก์สีม่วงและสีเทาที่ได้ในโหล... ใช่ บางคนก็ให้พันนึงโดยให้เหตุผลประกอบว่า อาสาสมัครคนนี้น่ารัก
ตกบ่าย จำนวนผู้บริจาคบางเบาลงแล้ว แจจินมีเวลาให้พักจึงนั่งนับแบงก์สีม่วงและสีเทาที่ได้ในโหล... ใช่ บางคนก็ให้พันนึงโดยให้เหตุผลประกอบว่า อาสาสมัครคนนี้น่ารัก
“แปดพันห้า!!!”
เขาแทบตะโกนออกมาเมื่อรู้ว่าเงินส่วนที่เขาจะได้รับนั้นมากพอที่จะใช้เป็นค่าเล่าเรียนให้น้องสาวได้เกือบครึ่งเทอมแล้ว “เจ๋งไปเลยว่ะ” แจจินพูดพลางนึกขอบคุณสาวน้อยสาวใหญ่ที่มาซื้อจูบกับเขา
ถึงได้เงินเยอะแต่ก็ไม่ได้โลภถึงขั้นจะมาเป็นนักจูบให้ที่นี่ได้ทุกวัน
นักศึกษาคณะบริหารคนนี้มีตารางเรียนที่แน่นเอี๊ยดตลอดหกวันต่อสัปดาห์ ถ้าเขาจะมาทำงานที่บู๊ธนี้อีกทีก็คงเป็นวันเสาร์หน้าวันเดียว
“เฮ้อ เหนื่อยจังเลย”
แค่สมองคิดว่าตั้งแต่วันนี้ถึงศุกร์หน้าหน้าเขาจะไม่ได้หยุดพัก
ร่างกายของแจจินก็แทบจะอ่อนแรงด้วยความสำออย “แจจินเอ้ย เข้มแข็งไว้นะ”
“ขอโทษนะครับ!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากตรงไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าใกล้ตัวมาก
“ขอโทษนะครับ!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากตรงไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าใกล้ตัวมาก
หนุ่มร่างผอมรีบลุกขึ้นยืน นี่เขานั่งหลบอยู่ใต้บู๊ธนานจนงานจะปิดแล้วเหรอ
รปภ.ถึงมาไล่
อ้าว ไม่ใช่รปภ.
อ้าว ไม่ใช่รปภ.
...
ชายเจ้าของประโยคเรียกความสนใจเมื่อกี๊กำลังยืนเอามือกอดอกแบบคนไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองอยู่หน้าบู๊ธของแจจิน
‘สงสัยมาถามทาง’
“มีอะไรไห้ผมช่วยรึเปล่าครับคุณ”
“เอ่อ บู๊ธปิดรึยัง” ดูท่าทางเขาคงจะรวบรวมความกล้าอยู่นานกว่าจะพูดคำถามนี้ได้
“เอ่อ บู๊ธปิดรึยัง” ดูท่าทางเขาคงจะรวบรวมความกล้าอยู่นานกว่าจะพูดคำถามนี้ได้
“ยังครับผม คุณจะ---”
คนตรงหน้าวางแบงก์ห้าร้อยกระแทกลงบนโต๊ะ แจจินตกใจจนเผลออ้าปากหวอ
“จูบชั้นสิ”
อยากรู้เหตุผลมั้ยว่าทำไมแจจินถึงกล้ามาทำงานนี้
เพราะ เขาสามารถจูบกับผู้หญิงกี่คนก็ได้โดยไม่คิดอะไรเลยไง
เพราะ แจจินเป็นเกย์
เพราะ เขาสามารถจูบกับผู้หญิงกี่คนก็ได้โดยไม่คิดอะไรเลยไง
เพราะ แจจินเป็นเกย์
แต่นี่... ผู้บริจาคที่เป็นเพศชาย คนแรก!
แถมหน้าตาก็ดี รูปร่างก็จัดว่าใช้ได้ แล้วใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งตัวแบบนี้
ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ขี้ๆ
แถมหน้าตาก็ดี รูปร่างก็จัดว่าใช้ได้ แล้วใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งตัวแบบนี้
ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ขี้ๆ
‘เอ... ทำไมรู้สึกคุ้นหน้าจังนะ’
เพราะหมวกแก๊ปที่ชายคนนั้นสวมไว้เหมือนกับต้องการจะปิดบังตัวตนทำให้แจจินนึกไม่ออกเลยว่าคนๆนี้คือใคร
แต่เดาว่าคงจะเป็นแค่คนรวยขี้เหงาคนหนึ่ง...
เป็นคนรวยขี้เหงาที่ทำให้เขาใจเต้นแรงซะด้วยสิ
จะเป็นอะไรมั้ยถ้าขอทำมากกว่าแค่จุ๊บเบาๆน่ะ
จะเป็นอะไรมั้ยถ้าขอทำมากกว่าแค่จุ๊บเบาๆน่ะ
ฝ่ายที่กำลังรอคอยจูบยังคงยืนจ้องมาทางแจจิน ระยะห่างระหว่างเขากับตัวบู๊ธดูจะไกลเกินกว่าที่คนใดคนหนึ่งจะโน้มตัวไปถึง
อาสาสมัครหนุ่มรู้สึกถึงความทะแม่งๆในบรรยากาศ
“นี่ คุณครับ ยื่นหน้ามาหน่อยสิ” แจจินกดน้ำเสียงไม่ให้อีกคนรับรู้ว่าเขาเริ่มรำคาญ
ร่างสูงขยับตามคำสั่งอย่างเงอะๆงะๆ ก่อนจะโดนริมฝีปากอวบอิ่มของคนในบู๊ธประกบทับลงมาที่ริมฝีปากบางของตนเอง
นิ่งสนิท...
ความคาดหวังของแจจินก่อนหน้านี้คือเขาจะต้องโดนคนตรงหน้ารุกอย่างหนักหน่วง
แต่ พระเจ้าช่วย!
นี่มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจูบอยู่กับตอไม้แห้ง
แต่ พระเจ้าช่วย!
นี่มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจูบอยู่กับตอไม้แห้ง
‘เราจะทำอะไรต่อได้บ้างวะเนี่ย ทำไมหมอนี่มันด้านชาขนาดนี้
เออ หรือว่าเขารอให้เรารุกก่อน ลองดูมะ’
เออ หรือว่าเขารอให้เรารุกก่อน ลองดูมะ’
ขณะที่ปากยังชนปาก แจจินส่งลิ้นของตัวเองไปแตะริมฝีปากล่างของอีกคนดู
แต่ปฏิกริยาที่ได้รับกลับทำให้เขาต้องเงิบยังกว่าเดิม
เจ้าทื่อนี่กำลังสั่น!
คนที่หน้าแตกซ้ำสองรีบชักลิ้นกลับ
ปากอิ่มกดจูบลงไปแน่นๆอีกครั้งแล้วละออกเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศไปมากกว่านี้
แจจินปั้นยิ้มที่ดูเป็นมิตรส่งไปให้แล้วรีบกล่าวขอบคุณ
‘เมื่อไหร่จะไปเนี่ย นายกำลังทำให้ชั้นอับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีนะรู้ตัวมั้ย’
“เอ่อ ขอถามอะไรหน่อยสิ” ยัง ยังไม่ไปง่ายๆ
“ครับ ว่ามา” ร่างเล็กกัดฟันกรอด
“นายจะมาที่นี่อีกทีเมื่อไหร่เหรอ”
“เสาร์หน้า” ถามมาตอบไปอย่างไม่คิดอะไร แจจินแค่ต้องการให้ชายคนนี้กลับหลังหันและเดินออกไปให้ไกลจากบู๊ธเขาที่สุด
“งั้น ไว้เจอกันนะ”
“ครับ รีบๆไปเถอะ” เขาก้มหน้าก้มตาตอบโดยไม่ทันได้เห็นว่าคู่จูบของตัวเองส่งยิ้มหวานมาให้
“ครับ ว่ามา” ร่างเล็กกัดฟันกรอด
“นายจะมาที่นี่อีกทีเมื่อไหร่เหรอ”
“เสาร์หน้า” ถามมาตอบไปอย่างไม่คิดอะไร แจจินแค่ต้องการให้ชายคนนี้กลับหลังหันและเดินออกไปให้ไกลจากบู๊ธเขาที่สุด
“งั้น ไว้เจอกันนะ”
“ครับ รีบๆไปเถอะ” เขาก้มหน้าก้มตาตอบโดยไม่ทันได้เห็นว่าคู่จูบของตัวเองส่งยิ้มหวานมาให้
“ห้ะ เฮ้ย! เมื่อกี๊เขาพูดว่าไว้เจอกันนะงั้นเหรอ!!!” แจจินเงยหน้าพรวด เห็นเงาหลังของเขาคนนั้นอยู่ไกลๆ
กลิ่นอายของความซวยโชยมาแตะจมูก ทำไมกันนะ
อุตส่าห์ได้เจอคนที่สปาร์คด้วย อุตส่าห์ได้จูบ แต่เขาดันเป็นพวกอ่อนหัดซะงั้น
‘ไม่ใช่อย่างที่ต้องการเลยจริงๆ’
💋
“อ้าว คุณซึงฮยอน ลงไปข้างล่างมาเหรอครับ”
บุรุษสูงวัยหน้าตาใจดีถามขึ้นเมื่อเห็นรองประธานบริษัทเดินออกมาจากลิฟต์และถอดหมวกแก๊ปยื่นให้เขา
บุรุษสูงวัยหน้าตาใจดีถามขึ้นเมื่อเห็นรองประธานบริษัทเดินออกมาจากลิฟต์และถอดหมวกแก๊ปยื่นให้เขา
“ใช่ครับ ผมไปเดินดูงานแฟร์มาน่ะ”
“เป็นยังไงบ้างคะ มีตรงไหนที่อยากให้ปรับปรุงรึเปล่า” รองผู้จัดการฝ่ายทั่วไปที่บังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดีรีบวิ่งเข้ามาถามความคิดเห็น
“ไม่มี เอ่อ จริงๆแล้วก็มี”
“อะไรเหรอคะ เดี๋ยวดิชั้นจะรีบประสานงานฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้เข้าแก้ไขทันทีเลยค่ะ”
“แอร์มันร้อนไปหน่อยน่ะ แต่เดี๋ยวคุณลองไปถามคนในงานดูอีกทีละกัน เพราะผมอาจจะคิดไปเอง”
“เป็นยังไงบ้างคะ มีตรงไหนที่อยากให้ปรับปรุงรึเปล่า” รองผู้จัดการฝ่ายทั่วไปที่บังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดีรีบวิ่งเข้ามาถามความคิดเห็น
“ไม่มี เอ่อ จริงๆแล้วก็มี”
“อะไรเหรอคะ เดี๋ยวดิชั้นจะรีบประสานงานฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้เข้าแก้ไขทันทีเลยค่ะ”
“แอร์มันร้อนไปหน่อยน่ะ แต่เดี๋ยวคุณลองไปถามคนในงานดูอีกทีละกัน เพราะผมอาจจะคิดไปเอง”
ซึงฮยอนคิดไปเองแน่ๆ เพราะขนาดมาอยู่ในห้องทำงานของตัวเองแล้วแต่เหงื่อที่หน้าผากยังผุดออกมาให้ต้องปาดทิ้งเรื่อยๆ หรือบางทีอาจเป็นเพราะเสื้อกันหนาวตัวหนาที่เขาหยิบมาใส่แทนสูทผู้บริหารด้วยแหละที่ทำให้ยิ่งอึดอัด
ร่างสูงใหญ่ล้มตัวนอนลงบนโซฟากำมะหยี่ตัวเดิม
รูดซิปเสื้อออกคลายความร้อนที่อยู่ภายใน ตาจ้องมองเพดานนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี๊
อันที่จริง ซึงฮยอนไปยืนอยู่หน้าบู๊ธนั่นนานหลายนาทีจนความตื่นเต้นที่สั่งสมมาลดระดับลงเกือบหมด
แต่พอเขาเอ่ยปากเรียกคนในบู๊ธแล้วเด็กหนุ่มหน้าตี๋นั่นโผล่หัวขึ้นมา
ร่างกายของชายโสดวัยยี่สิบเจ็ดก็ถูกสาปให้เป็น ตอไม้แห้ง อีกรอบ
เขาไม่คิดหรอกว่าตนเองจะมาหวั่นไหวกับผู้ชายด้วยกัน มันอาจเป็นอุปาทานที่เกิดขึ้นหลังจากเห็นบทความที่น้องชายกวนประสาทของเขาส่งมาให้
จนกระทั่งถูกจูบ...
ประสบการณ์จูบกับผู้หญิงตอนมัธยมปลายถูกหยิบยกมาเปรียบเทียบกันในหัวสมอง
ในตอนนั้น มันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนเลวร้าย ซึงฮยอนเป็นฝ่ายโดนรุกแต่กลับไม่รู้สึกอะไรต่อสาวน้อยคนนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว
‘แล้วดูตอนนี้... ดูมือที่ชุ่มเหงื่อของผมสิ
ฟังเสียงหัวใจที่เต้นดังอย่างกับประทัดนี่สิ’
ฟังเสียงหัวใจที่เต้นดังอย่างกับประทัดนี่สิ’
ซึงฮยอนไม่สามารถจูบเด็กนั่นตอบได้ในขณะนั้นเพราะเขายังสับสนในความคิดอยู่
(และบวกกับความที่เขาจูบไม่เป็นด้วย)
แต่ตอนนี้ เขารู้แจ้งเห็นจริงแล้ว
ว่าตัวเองเป็นเกย์
แต่ตอนนี้ เขารู้แจ้งเห็นจริงแล้ว
ว่าตัวเองเป็นเกย์
💋
แจจินกลับมาที่ห้างแห่งนี้อีกรอบ การเรียนหนังสืองกๆตลอดหกวันแถมยังมีคาบเรียนชดเชยที่อาจารย์ขอเพิ่มอีกทำให้สภาพของเขาตอนนี้แทบจะดูไม่ได้
ตลอดทั้งวันของการทำงานเป็นอาสาสมัคร จำนวนผู้บริจาคลดน้อยลงกว่าเดิมมาก
เพราะเหมือนว่าวันแรกที่เขามาทำจะเป็นวันเดียวกับที่พวกคนมีเงินมาร่วมพิธีเปิดงานแฟร์กัน
ผู้บริจาคส่วนใหญ่จึงเป็นเหล่าเจ๊ไฮโซแท้/เทียมที่มีปัญญาบริจาคเงินมากขนาดนั้น แต่นี่เป็นช่วงสามวันสุดท้ายของงาน
ประชาชนที่มาดูก็เหลือแต่ชนชั้นกลางที่ถูกพิษเศรษฐกิจทำร้าย
นานๆทีเท่านั้นแหละที่จะมีคนมาเข้าบู๊ธ
สายตาปรือจากอาการเพลียมองดูแบงก์ห้าร้อยสามใบในโถพลาสติก วันนี้เขาคงได้ไม่เยอะมาก
แต่ก็ไม่เป็นไร ดีกว่าไม่ได้เลยแหละนะ
ปึก!
แจจินกำลังจะผล็อยหลับคาโต๊ะต้องตกใจจนตาเบิกโพลงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
แบงค์พันจำนวน หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า...
สิบใบ!
แบงค์พันจำนวน หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า...
สิบใบ!
‘ใคร ใครกันที่กล้าทุ่ม---’ เด็กหนุ่มรีบเงยหัวขึ้นดูหน้าตาของสาวใจป้ำ
แต่แล้วก็ยิ่งต้องช็อคมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าสาวที่ว่านั้นไม่ใช่สาว
แต่เป็นหนุ่ม...
ชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มผูกไท
ชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มผูกไท
และมีใบหน้าที่คล้ายกันกับผู้ชายตอไม้แห้งในวันนั้นด้วย!
“หวัดดี จำกันได้มั้ย” คนในมาดนักธุรกิจส่งยิ้มน้อยๆมาให้เขาพร้อมกับคำทักทาย
“อะ เอ่อ...” แจจินจำได้ แต่ลืมไปเสียสนิทว่าเขาเคยพูดไว้ประมาณว่าจะมาที่นี่อีก
“แย่จัง นายคงจูบกับผู้ชายหลายคนมากจนจำชั้นไม่ได้สินะ”
“ไม่ คุณเป็นผู้ชายคนเดียวที่... เอ่อ ผมจำคุณได้ แม่นเลยล่ะ”
“อะ เอ่อ...” แจจินจำได้ แต่ลืมไปเสียสนิทว่าเขาเคยพูดไว้ประมาณว่าจะมาที่นี่อีก
“แย่จัง นายคงจูบกับผู้ชายหลายคนมากจนจำชั้นไม่ได้สินะ”
“ไม่ คุณเป็นผู้ชายคนเดียวที่... เอ่อ ผมจำคุณได้ แม่นเลยล่ะ”
คนตรงหน้ายิ้มอีกครั้ง
แจจินไม่ปฏิเสธว่าถึงแม้จะผิดหวังจากจูบครั้งที่แล้วแต่ความหล่อของผู้ชายคนนี้ก็ยังทำให้เขารู้สึกระทวยได้เหมือนเดิม
“ชั้นชื่อซึงฮยอนนะ”
“นี่ เรา จำเป็นต้องทราบชื่อกันด้วยเหรอครับ”
“นี่ เรา จำเป็นต้องทราบชื่อกันด้วยเหรอครับ”
จะว่าไป ทั้งใบหน้าและชื่อๆนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกคุ้นหูคุ้นตาซึงฮยอนมากขึ้นไปอีก
แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“เอ้า จำเป็นสิ นายคิดว่าเงินหมื่นนึงนี่ชั้นบริจาคเพื่อจูบๆเดียวเหรอ
ชั้นนับตามขั้นต่ำนะ หารไปสิ”
“ว่าไงนะ! คุณ จะบ้าเหรอ! ผมต้องจูบคุณยี่สิบครั้งอย่างงั้นเหรอ”
“เก่งจัง คิดเลขเร็ว”
“ว่าไงนะ! คุณ จะบ้าเหรอ! ผมต้องจูบคุณยี่สิบครั้งอย่างงั้นเหรอ”
“เก่งจัง คิดเลขเร็ว”
แจจินตกใจ ดีใจ และโมโหซึงฮยอนในเวลาเดียวกัน
มือเล็กกำหมัดแน่นเหมือนกำลังอยากต่อยคน
“ก็ไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมดในตอนนี้หนิ”
“คุณรู้ตัวใช่มั้ย ว่าคุณจูบไม่เป็น” คนตัวเล็กกว่าพยายามพูดให้เขารู้สึกแย่ เผื่อว่าจะล้มเลิกความคิดบ้าๆนี่ไปซะ
“รู้” ร่างสูงยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงตอบคำถามเขาอย่างตรงไปตรงมา
“คุณรู้ตัวใช่มั้ย ว่าคุณจูบไม่เป็น” คนตัวเล็กกว่าพยายามพูดให้เขารู้สึกแย่ เผื่อว่าจะล้มเลิกความคิดบ้าๆนี่ไปซะ
“รู้” ร่างสูงยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงตอบคำถามเขาอย่างตรงไปตรงมา
จากที่โกรธ ทำไมตอนนี้เด็กหนุ่มรู้สึกเอ็นดูผู้ชายคนนี้แล้วก็ไม่รู้ เพราะดูจากลักษณะ ซึงฮยอนน่าจะแก่กว่าเขาหลายปี แต่แจจินกลับไม่ค่อยรู้สึกถึงช่องว่างระหว่างวัยเท่าไหร่นัก
“ก็เลยอยากให้สอนไง” คนในชุดสูทหรูส่งสายตาอ้อนหน่อยๆมาให้ ช่างเป็นภาพที่ดูขัดตาซะเหลือเกิน
“อืม โอเค ผมจะรับเงินบริจาคของคุณ ส่วนจูบ ผมขอโทษนะ บู๊ธเราปิดแล้ว และ... ผมคงจูบคุณตอนนี้ไม่ได้ เพราะ” แจจินกุมท้องของตัวเองแล้วเอามือปิดปาก
“อืม โอเค ผมจะรับเงินบริจาคของคุณ ส่วนจูบ ผมขอโทษนะ บู๊ธเราปิดแล้ว และ... ผมคงจูบคุณตอนนี้ไม่ได้ เพราะ” แจจินกุมท้องของตัวเองแล้วเอามือปิดปาก
“เพราะอะไร”
“ผมจะอ้--”
“ผมจะอ้--”
ร่างบางรีบวิ่งตรงไปยังห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด
ซึงฮยอนตกใจ ทำไมอยู่ดีๆเด็กนั่นก็อยากอาเจียนล่ะ
เหม็นขี้หน้าเขางั้นเหรอ
ซึงฮยอนตกใจ ทำไมอยู่ดีๆเด็กนั่นก็อยากอาเจียนล่ะ
เหม็นขี้หน้าเขางั้นเหรอ
ลูกเจ้าของห้างยืนรอแจจินจนกลับออกมาจากห้องน้ำ แหงล่ะ เขาก็ต้องเฝ้าบู๊ธให้เพราะเงินหมื่นของตนเองยังวางอยู่นี่
“นายเหม็นขี้หน้าชั้นเหรอ” แจจินได้ยินประโยคนี้ถึงกับขำน้ำตาเล็ด
“ไม่ เปล่าซะหน่อย ฮ่าๆ”
“แล้วทำไมถึงอาเจียน” น้ำเสียงของซึงฮยอนเหมือนแฟนเป็นห่วงแฟนยังไงยังงั้น แจจินหันมาสบตาเขา
“ผม คือผม คือช่วงนี้ไม่ค่อยได้กินได้นอนน่ะ”
“ไม่ เปล่าซะหน่อย ฮ่าๆ”
“แล้วทำไมถึงอาเจียน” น้ำเสียงของซึงฮยอนเหมือนแฟนเป็นห่วงแฟนยังไงยังงั้น แจจินหันมาสบตาเขา
“ผม คือผม คือช่วงนี้ไม่ค่อยได้กินได้นอนน่ะ”
คนตัวโตกว่าแสดงความกังวลออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
แจจินสังเกตใบหน้าเขาตอนนี้แล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“นี่ก็เย็นแล้ว ไปทานข้าวเย็นด้วยกันนะ ชั้นเลี้ยงเอง”
“เนื่องในอะไร”
“เนื่องในอยากเลี้ยง เก็บเงินซะ แล้วไปกัน”
“ซึงฮยอน”
“ครับ”
“คุณจีบผมอยู่เหรอ”
“เนื่องในอะไร”
“เนื่องในอยากเลี้ยง เก็บเงินซะ แล้วไปกัน”
“ซึงฮยอน”
“ครับ”
“คุณจีบผมอยู่เหรอ”
ผู้ชายคนนี้ดูจะสะกดคำว่า เล่นตัว หรือ พูดอ้อมๆ ไม่เป็น
ซึงฮยอนยิ้มให้แจจินแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ ง่ายดายและชัดเจน
แจจินเก็บเงินทั้งหมดแล้วนำไปให้พี่มินอาที่กำลังนั่งเม้าท์กับเพื่อนอยู่อีกบู๊ธ
หลังจากกล่าวลาอะไรกันเรียบร้อย ร่างเล็กก็เดินกลับมาหาซึงฮยอน
“แล้วนี่นายจะบอกชื่อชั้นได้รึยัง”
ตายจริง เขาลืมไปแล้วนะเนี่ย
“อี แจจิน”
💋
💋
ระหว่างทางไปร้านอาหาร
แจจินสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ชายที่เดินอยู่ข้างๆ ทำไมพนักงานร้าน
รปภ. แล้วก็แม่บ้านถึงก้มหัวคำนับซึงฮยอนกันนะ
อำนาจคนรวยเหรอ
แล้วเขารวยขนาดนั้นเลยเหรอ
“คุณซึงฮยอนครับ แหะๆ วันนี้เลิกงานเร็วเหรอครับ” ชายวัยใกล้เกษียณที่กำลังจะสวนพวกเขากล่าวทักทายคนในชุดสูท
อำนาจคนรวยเหรอ
แล้วเขารวยขนาดนั้นเลยเหรอ
“คุณซึงฮยอนครับ แหะๆ วันนี้เลิกงานเร็วเหรอครับ” ชายวัยใกล้เกษียณที่กำลังจะสวนพวกเขากล่าวทักทายคนในชุดสูท
“ใช่ครับ พอดีว่าผมมากินข้าวกับเพื่อนน่ะ” คนตัวสูงมองมาทางแจจินและยิ้มให้เขาอีกครั้ง
“แล้วพรุ่งนี้เจอกันข้างบนนะครับ” พูดจบ ชายแปลกหน้าคนนั้นก้มหัวให้ซึงฮยอนหนึ่งครั้งก่อนเดินผ่านไป
“แล้วพรุ่งนี้เจอกันข้างบนนะครับ” พูดจบ ชายแปลกหน้าคนนั้นก้มหัวให้ซึงฮยอนหนึ่งครั้งก่อนเดินผ่านไป
‘ข้างบน ข้างบนคืออะไร...’
“เฮ้ย!!!” แจจินร้องลั่นแล้วหยุดเดินไปเฉยๆ
“เป็นอะไร แจจิน” ซึงฮยอนกลับหลังหันมาหาเขาพร้อมกับสีหน้าแปลกใจ
“เป็นอะไร แจจิน” ซึงฮยอนกลับหลังหันมาหาเขาพร้อมกับสีหน้าแปลกใจ
อยู่ดีๆแจจินก็นึกขึ้นได้ว่า ที่จริงแล้ว อาคารของห้างแห่งนี้มีห้าสิบเอ็ดชั้น แล้วพวกชั้นบนๆนั่นก็จะเป็นโซนสำนักงานซึ่งประกอบไปด้วยห้องทำงานของเหล่าผู้บริหารบริษัท
SPN และ เมื่อนำไปบวกลบคูณหารกับเหตุการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊...
ชายร่างสูงที่แจจินคุ้นตาตรงหน้านี้จะเป็นใครไปไม่ได้ เขาคือ ซง
ซึงฮยอน ทายาทคนโตของเจ้าสัวซงแห่ง SPN Group มหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมากเป็นอันดับ
3 ของประเทศ
ก็ว่าทำไมถึงได้คุ้นนักคุ้นหนา เขาเป็นนักศึกษาคณะบริหาร คงไม่มีทางที่จะไม่เคยเห็นใบหน้าผู้เป็นพ่อของซึงฮยอนในชีทเรียนแน่นอน
แถมตัวลูกชายเองก็ยังหน้าตาดีซะจนพวกนักข่าวบันเทิงชอบจับเอามาเขียนคอลัมน์ซุบซิบคนดังลงนิตยสารอยู่บ่อยๆ
‘แล้วนี่เรา ก็...กำลังจะไปกินข้าวเย็นกับเขาเนี่ยนะ’
“ผม ผมกลับบ้านดีกว่าครับ” ร่างเล็กหันหลังแล้วรีบเดินหนี
ซึงฮยอนพิจารณาท่าทางของอีกคนอยู่ครู่นึงก็รู้เลยว่าแจจินเพิ่งจะรู้ว่าเขาเป็นใคร
“แจจิน หยุดก่อน! ชั้นขอร้อง!”
เขาวิ่งตามหลังแจจินไป ก่อนที่เท้าเล็กคู่นั้นจะหยุดเดินลง
“ซึงฮยอน ผมไม่คู่ควรกับคุณหรอกครับ” แจจินหันกลับมาพูดกับเขา...ด้วยความหวังดี
“ซึงฮยอน ผมไม่คู่ควรกับคุณหรอกครับ” แจจินหันกลับมาพูดกับเขา...ด้วยความหวังดี
“กะอีแค่ชั้นรวยกว่าเนี่ยน่ะเหรอ ทำไมอะ รวยกว่าแล้วทำไม”
“คนอย่างคุณก็ต้องคบหากับคนที่อยู่ระดับเดียวกันไม่ใช่เหรอ คนที่รวยเหมือนกันน่ะ ซึงฮยอนดูผมสิ ผมยังต้องมาเที่ยวขายจูบแลกตังค์อยู่เลย” แน่นอนว่าแจจินต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลมก่อนที่เขาจะพลั้งเผลอชอบซึงฮยอนมากขึ้นกว่าเดิม
“คนอย่างคุณก็ต้องคบหากับคนที่อยู่ระดับเดียวกันไม่ใช่เหรอ คนที่รวยเหมือนกันน่ะ ซึงฮยอนดูผมสิ ผมยังต้องมาเที่ยวขายจูบแลกตังค์อยู่เลย” แน่นอนว่าแจจินต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลมก่อนที่เขาจะพลั้งเผลอชอบซึงฮยอนมากขึ้นกว่าเดิม
“ก็ถ้าคนพวกนั้นดีจริง ชั้นจะยังไม่มีใครอยู่แบบนี้เหรอ แจจิน
ชั้นไม่ได้สนเรื่องฐานะรวยจนอะไรนั่นเลยนะ”
“...”
“ไม่รู้ว่าพูดเร็วไปมั้ย แต่ที่จะบอกก็คือ ชั้นก็แค่ทำตามหัวใจตัวเอง นายไม่รู้หรอกว่าชั้นเจออะไรมาบ้าง ป๊ากดดันอะไรชั้นบ้างที่แต่งเมียมีลูกให้เขาไม่ได้สักทีน่ะ แล้วนาย นายคือคนที่ทำให้ชั้นรู้ว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิง รู้มั้ย เนี่ยแหละเหตุผลที่ชั้นไปที่ Kissing Booth วันนั้น”
แป่ว...
“ผม ขอโทษ” ตอนนี้แจจินรู้เลยว่าตนเองผิดเต็มๆ ที่ทำตัวงี่เง่าใส่เขา
“...”
“ไม่รู้ว่าพูดเร็วไปมั้ย แต่ที่จะบอกก็คือ ชั้นก็แค่ทำตามหัวใจตัวเอง นายไม่รู้หรอกว่าชั้นเจออะไรมาบ้าง ป๊ากดดันอะไรชั้นบ้างที่แต่งเมียมีลูกให้เขาไม่ได้สักทีน่ะ แล้วนาย นายคือคนที่ทำให้ชั้นรู้ว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิง รู้มั้ย เนี่ยแหละเหตุผลที่ชั้นไปที่ Kissing Booth วันนั้น”
แป่ว...
“ผม ขอโทษ” ตอนนี้แจจินรู้เลยว่าตนเองผิดเต็มๆ ที่ทำตัวงี่เง่าใส่เขา
“ไม่เป็นไร นายจะกลับบ้านใช่มั้ย ให้ชั้นไปส่งนะ”
💋
💋
“เลิกทำหน้าหงอยได้แล้วแจจิน ยิ้มหน่อยสิ”
บรรยากาศอึมครึมในรถยนต์คันหรูกำลังถูกอีกคนพยายามทำลาย
แจจินนั่งเงียบมาตลอดทาง ไม่ใช่ว่าไม่อยากพูด แต่มันไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เด็กหนุ่มเอาแต่คิดถึงสิ่งที่ซึงฮยอนพูดกับเขาที่ห้าง ทั้งเรื่องแรงกดดันจากพ่อ
แล้วก็ที่เขาบอกว่า แค่ทำตามหัวใจตัวเอง
“ซึงฮยอนครับ ผมหิว ไปหาข้าวกินกันเถอะ” ใบหน้าเรียวหันมายิ้มหวานให้กับคนที่ขับรถอยู่
ออดี้สีดำเลี้ยวเข้ามายังร้านอาหารขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
รปภ.ด้านหน้าที่ดูเหมือนจะรู้ว่าเจ้าของรถเป็นใครรีบก้มคำนับพร้อมกับโบกมือทักทายด้วยสีหน้าร่าเริง
พอรถหยุด พนักงานต้อนรับก็รีบวิ่งมาเปิดประตูให้แจจิน กุญแจรถถูกส่งให้ใครคนใดคนหนึ่งขับไปไว้ยังจุดจอด
“อยากกินอะไรสั่งได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจเพราะนี่ร้านของแม่ชั้นเอง
ชั้นกินฟรีอยู่แล้ว” ซึงฮยอนที่ตอนนี้ถอดสูทออกเหลือแต่เชิ้ตขาวพูดกับคนฝั่งตรงข้ามโต๊ะ
“ผมหิวจนอ่านเมนูไม่รู้เรื่องเลย คุณสั่งมาเถอะ ผมกินได้ทุกอย่าง”
“ผมหิวจนอ่านเมนูไม่รู้เรื่องเลย คุณสั่งมาเถอะ ผมกินได้ทุกอย่าง”
สองคนทานอาหารจนหมดเกลี้ยง แจจินอารมณ์ดีขึ้น ซึงฮยอนก็เช่นกัน
“อร่อยมั้ย” คนแก่กว่าถามคำถามนี้ด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างลุ้นกับคำตอบ
“อร่อยสิครับ ไม่งั้นจานจะสะอาดอย่างกับมีใครเลียอย่างงี้เหรอ”
และสิ่งที่คนตอบได้รับหลังจากพูดจบก็คือยิ้มกว้างเห็นฟันขาวของผู้ชายที่เขาเองเริ่มจะรู้สึกดีด้วย
อย่างจริงจัง
พวกเขากลับมาที่รถกันอีกครั้ง
คราวนี้ถึงเวลาที่ซึงฮยอนต้องไปส่งแจจินที่บ้านจริงๆแล้ว แต่รถยังไม่ทันจะได้ออก
เด็กหนุ่มก็พูดเปิดประเด็นบางอย่างที่ทำให้คนขับต้องหยุดความคิดที่จะเหยียบคันเร่ง
“ซึงฮยอน คุณรู้เหรอว่าผมชอบผู้ชายหรือผู้หญิง”
“หึ ไม่รู้หรอก”
“อ้าว งั้น ที่คุณจะจีบผม...”
“สิ่งที่ชั้นรู้คือ หนึ่ง คงไม่มีคนโสดที่ไหนไปเป็นอาสาสมัครขายจูบ สอง ตอนที่นายจูบชั้น แล้วก็เอาลิ้น---”
“เฮ้ย พอเลย ไม่ต้องพูดแล้ว คุณรู้มั้ยว่าวันนั้นผมเฟลแค่ไหน”
“หึ ไม่รู้หรอก”
“อ้าว งั้น ที่คุณจะจีบผม...”
“สิ่งที่ชั้นรู้คือ หนึ่ง คงไม่มีคนโสดที่ไหนไปเป็นอาสาสมัครขายจูบ สอง ตอนที่นายจูบชั้น แล้วก็เอาลิ้น---”
“เฮ้ย พอเลย ไม่ต้องพูดแล้ว คุณรู้มั้ยว่าวันนั้นผมเฟลแค่ไหน”
การที่แจจินห้ามไม่ให้ซึงฮยอนพูดประโยคนั้นต่อก็เป็นคำตอบที่เพียงพอแล้ว
ว่าเขาชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย
ว่าเขาชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย
“ขอโทษนะ แจจิน ให้ชั้นแก้ตัวสิ”
“แก้ตัวเหรอครับ...” แจจินหันไปมองหน้าซึงฮยอน
“แก้ตัวเหรอครับ...” แจจินหันไปมองหน้าซึงฮยอน
เด็กหนุ่มปลดเข็มขัดของตัวเองออกแล้วรีบพุ่งร่างไปหาที่นั่งคนขับ เจ้าของรถที่ไม่คิดว่าการจูบแก้ตัวจะเกิดขึ้นเร็วไวปานฟ้าแลบขนาดนี้รีบดึงเบรกมือกลับขึ้นมาโดยสัญชาติญาณ
ไม่รู้อะไรสั่งให้แจจินปีนขึ้นไปนั่งอยู่บนตักคนขับในที่แคบเช่นรถยนต์
ปากกระจับที่เริ่มชื้นเพราะน้ำลายประกบลงทาบลงไปบนริมฝีปากแห้งผากของอีกคน
ซึงฮยอนยังชักช้าอยู่เหมือนเดิม
“...ไหนบอกว่าทำตามหัวใจตัวเองไง” ร่างเล็กละปากตัวเองออก กระซิบเบาจนมีแค่เขากับคนตรงหน้าที่ได้ยิน สองแขนเล็กคล้องคออีกคนไว้อย่างหลวมๆ
ซึงฮยอนยังชักช้าอยู่เหมือนเดิม
“...ไหนบอกว่าทำตามหัวใจตัวเองไง” ร่างเล็กละปากตัวเองออก กระซิบเบาจนมีแค่เขากับคนตรงหน้าที่ได้ยิน สองแขนเล็กคล้องคออีกคนไว้อย่างหลวมๆ
“แจจิน คือ...”
“ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ใจคุณอยากสิครับ”
“ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ใจคุณอยากสิครับ”
สะโพกของคนบนตักขยับเน้นวนไปมาอย่างเนิบนาบขณะที่ปากอิ่มจูบซึงฮยอนอีกครั้ง ลิ้นเริ่มเข้ามามีบทบาท
และในที่สุดหนุ่มตอไม้แห้งของแจจินก็เริ่มตอบสนองเขาได้บ้าง ถึงจะยังประหม่าอยู่ก็เถอะ
“อือ...” เสียงครางในลำคอชี้ชัดถึงเจตนาของแจจินที่พยายามจะปลุกอารมณ์ให้ซึงฮยอนและทำเกินกว่าเงื่อนไขของการบริจาค
แต่นิ้วมือที่พยายามแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตนั้นเรียกคืนสติคนที่นั่งบนเบาะให้กลับมายังโลกแห่งความจริงอีกครั้ง
“ดะ เดี๋ยว แจจิน หยุดก่อน” มือหนาผลักร่างที่เริ่มอ่อนปวกเปียกของคนตัวเล็กออก
“อ...อะไรกัน ซึงฮยอน คุณทำกับผมแบบนี้อีกแล้วเหรอ!” เขาโวยวายเสียงดัง
“นี่ มีสติหน่อย! ตอนนี้เรายังอยู่หน้าประตูร้านแม่ชั้นอยู่เลยนะ”
“อ...อะไรกัน ซึงฮยอน คุณทำกับผมแบบนี้อีกแล้วเหรอ!” เขาโวยวายเสียงดัง
“นี่ มีสติหน่อย! ตอนนี้เรายังอยู่หน้าประตูร้านแม่ชั้นอยู่เลยนะ”
!!!
โชคดีแค่ไหนที่รถติดฟิล์มดำและตอนนี้ก็ค่ำแล้ว พนักงานต้อนรับสองคนยังคงยืนอยู่ พวกนั้นไม่เห็น
และคงไม่คิดจะเพ่งเข้ามาในตัวรถของลูกชายเจ้าของร้านที่เกือบทำเรื่องไม่ดีงามและผิดที่ผิดทางเอาเสียมากๆ
แล้วรถยนต์คันนี้ก็ได้ฤกษ์ขับออกไปจากร้านสักที
แจจินกลับมานั่งที่เบาะของตัวเอง หลังจากบอกตำแหน่งของบ้านให้คนที่จะไปส่งเสร็จสรรพเขาก็ทำทีแกล้งหลับไปตลอดทางเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศประหลาดๆในรถตอนนี้
💋
💋
“อยากเข้ามาในบ้านก่อนมั้ย พ่อแม่ผมไม่อยู่
น้องสาวก็ไปค่ายที่ต่างจังหวัด”
แขกของแจจินเดินเข้ามาถึงพื้นที่ด้านใน เจ้าของบ้านรีบไปเอาน้ำมาให้ซึงฮยอนแก้เก้อ ต่างคนต่างรู้สึกว่าการสบตากันช่างเป็นอะไรที่ทำได้ยากซะเหลือเกิน โดยเฉพาะกับแจจิน...
“เมื่อกี๊ เกือบไปแล้ว” ซึงฮยอนยกมือเกาหัวแกรกๆ
“เกือบอะไร”
“เกือบอะไร”
“ก็ นะ ชั้นยังไม่เคย...”
“ซึงฮยอน ผมว่าคุณกลับบ้านได้แล้วล่ะ ยิ่งมืดแถบนี้ยิ่งอันตรายนะ” คนตัวเล็กหยุดทุกสิ่งที่ทำอยู่แล้วเดินไปที่ประตูบ้าน
“อะ อ้าว...”
“อันที่จริง ผมว่าคุณเลิกจีบผมดีกว่า”
“ห้ะ แต่เมื่อกี้นายยังจะ---”
“คุณไม่ใช่สเปคผม” แจจินยืนกอดอก หน้าบึ้งเหมือนไปโกรธใครมา
“ซึงฮยอน ผมว่าคุณกลับบ้านได้แล้วล่ะ ยิ่งมืดแถบนี้ยิ่งอันตรายนะ” คนตัวเล็กหยุดทุกสิ่งที่ทำอยู่แล้วเดินไปที่ประตูบ้าน
“อะ อ้าว...”
“อันที่จริง ผมว่าคุณเลิกจีบผมดีกว่า”
“ห้ะ แต่เมื่อกี้นายยังจะ---”
“คุณไม่ใช่สเปคผม” แจจินยืนกอดอก หน้าบึ้งเหมือนไปโกรธใครมา
ซึงฮยอนจ้องหน้าแจจินอย่างงุนงงสงสัย แล้วไอ้การกระทำบนรถเมื่อกี้มันคืออะไร
นั่นคือสิ่งที่เราทำกับคนที่ ไม่ใช่สเปค อย่างนั้นเหรอ
นั่นคือสิ่งที่เราทำกับคนที่ ไม่ใช่สเปค อย่างนั้นเหรอ
“นายเพิ่งรู้จักชั้นแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ
รู้แล้วเหรอว่าชั้นไม่ใช่แบบที่นายชอบ”
“ใช่ รู้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วแล้วด้วย”
“ว่าไงนะ”
“ใช่ รู้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วแล้วด้วย”
“ว่าไงนะ”
ร่างที่ยังกอดอกอยู่เดินเข้ามาใกล้เขามากขึ้น
“ต่อให้คุณจีบผมติดแล้วเราคบกัน ผมก็คงจะไม่มีความสุขหรอก”
“ทำไมถึงพูดแบบนั้น แล้วคนประเภทไหนกันที่นายชอบ” ซึงฮยอนกอดอกบ้าง ส่งสายตาแข็งไปปะทะกับหน้านิ่วๆคิ้วขมวดเป็นโบว์ของแจจิน
“นี่คุณดูไม่ออกเหรอว่าผมชอบ...”
“อะไรล่ะ”
ไหนๆหมอนี่ก็เป็นคนตรงๆอยู่แล้ว คงไม่เป็นอะไรมากหรอกถ้าเขาจะขอพูดตรงๆกลับไปบ้าง
“คุณน่ะ เป็นพวกตายด้าน!”
“ทำไมถึงพูดแบบนั้น แล้วคนประเภทไหนกันที่นายชอบ” ซึงฮยอนกอดอกบ้าง ส่งสายตาแข็งไปปะทะกับหน้านิ่วๆคิ้วขมวดเป็นโบว์ของแจจิน
“นี่คุณดูไม่ออกเหรอว่าผมชอบ...”
“อะไรล่ะ”
ไหนๆหมอนี่ก็เป็นคนตรงๆอยู่แล้ว คงไม่เป็นอะไรมากหรอกถ้าเขาจะขอพูดตรงๆกลับไปบ้าง
“คุณน่ะ เป็นพวกตายด้าน!”
“...”
“ทีนี้เข้าใจรึยัง ซึงฮยอน”
No comments:
Post a Comment