FTISLAND & CNBLUE Fanfiction
- - - - - - - - - - - - -
ขอ...
เรื่องที่หนึ่ง
- - - - - - - - - - - - -
Genre: Crossband, POV, Bromance
Pairing: Lee Jungshin x Song Seunghyun
Rating: PG-13
#ฟิควูบ
〓
〓
"กูหานกหวีดจนทั่วแล้วแต่ก็ยังไม่เจอว่ะ ขอตะโกนเอาละกันนะ เอ้า... สาม สอง หนึ่ง ไป้!!!"
เวรจริง ซ้อมวันนี้ไอ้(พี่)ทึ่มยงฮวาเสือกทำนกหวีดหายซะงั้น แล้วดูสนามที่เต็มไปด้วยนักกีฬานี่สิ มองคร่าว ๆ น่าจะเกินครึ่งร้อยนะนั่น ทำไมทุกคนถึงมากองรวมกันอยู่ที่นี่วะทั้ง ๆ ที่มอเราก็เป็นมหาลัยใหญ่
สนามโซนเอที่ปกติก็มีคนมาออกกำลังกายตอนเย็นเยอะอยู่แล้วพอใกล้ถึงช่วงแข่งกีฬาระดับมหาลัยดูเหมือนนักกีฬาทุกคนจะพร้อมใจกันมาซ้อมที่นี่ รวมถึงพวกผมที่เป็น นักวิ่ง ด้วย
ปีนี้เป้าหมายของเรา...ไม่สิ จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าเป็นเป้าหมายของไอ้ยงฮวา คือ "อย่าให้เสียชื่อเจ้าภาพ" เขาพูดเอาไว้ว่าอย่างนั้นอะนะ แต่เอาเถอะ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ผมก็ทำเพื่อเหล้าฟรี 5 คืนต่อเนื่องที่มันออกปากสัญญาเอาไว้ต่างหาก
หลายคนก็ถามผมแหละว่า "อี จองชิน มึงสูงเป็นเปรตขนาดนี้ทำไมไม่เล่นบาส" ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่การเป็นคนขายาวมันก็ทำให้วิ่งได้ไกลกว่าคนอื่นไม่ใช่เหรอ ปล่อยให้บาสเก็ตบอลเป็นกีฬาของพวกลีลาเด็ดไปเถอะ ผมขอเน้นที่ความเร็วอย่างเดียวก็พอ
แลดูผมวิ่งมานานมากจนสามารถฝอยเรื่องตัวเองให้พวกคุณได้อ่านยาวหลายบรรทัดเลย แต่ก็ถูก เพราะก่อนจะเริ่มซ้อมจริงจังพวกเราต้องวิ่งรอบสนามกันคนละ 5 รอบ (บวกกับที่ผมมาสายครึ่งชั่วโมงเลยต้องโดนเพิ่มไปอีก 3 รอบ รวมเป็น 8 รอบ)
ชินแล้ว
"เร็วเลยจองชิน! ไอ้พวกอู้ซ้อม!" เสียงตะโกนของรุ่นพี่อีกคนดังขึ้นมาจากข้างสนาม แต่ผมนั้นอีโก้เยอะเกินกว่าจะหันไปมองเลยทำทีเป็นไม่ได้ยินไป
อยากรู้มั้ยว่าทำไมผมถึงมาซ้อมสาย ไม่ใช่เพราะเลิกเรียน 4 โมงครึ่งตรงเวลาหรอก ผมแค่เป็นพวกที่ต้องกลับไปใช้เวลากับตัวเองที่หอสักชั่วโมงก่อนแล้วค่อยออกมา
ซึ่งก็คือ นอนหลับ
แต่อยากจะบอกให้รู้ว่าไอ้การนอนก่อนมาวิ่งเนี่ยมันไม่ได้มีข้อดีแค่ทำให้เรากระปรี้กระเปร่าหรือเหนื่อยช้าลงนะ แต่มันยังทำให้ผม...ได้ขึ้นรถโดยสารของมอออกมาที่นี่พร้อมกับน้องคนนึงทุกเย็น
แล้ว ตอนนี้เขาก็เตะบอลอยู่กลางสนามนั่นไง
ที่ผ่านมาไม่เคยรู้สึกอยากอยู่ใกล้ลูกบอลมากขนาดนี้มาก่อน อย่างที่บอกว่าไม่ชอบเล่นบาส เอ่อ จริง ๆ ผมหมายถึงกีฬาทุกประเภทที่ต้องมีอุปกรณ์การเล่นน่ะแหละ แต่หนนี้กลับเอาแต่เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่น้องเขาจะเผลอทำบอลหลุดออกมาข้างสนามแถว ๆ ตรงที่พี่วิ่งอยู่บ้างสักทีนะ
อยากเข้าไปทำความรู้จักแล้วอะ
"เฮ้ยไอ้โย่ง! รอบที่สิบแล้วมั้งมึงอะ" เนี่ย ก็เพราะมันไม่มีนกหวีด ไอ้ทึ่มนั่นเลยต้องใช้วิธีแหกปากสั่งให้ผมหยุดแทน
"เออ รู้แล้ว" ผมชะลอฝีเท้าวิ่งเหยาะ ๆ ออกนอกสนามมา สีหน้าของยงฮวาตอนนี้ดูก็รู้ว่ากำลังหงุดหงิดเสียงปรี๊ด ๆ จากพวกนักกีฬาทีมอื่นที่มาแชร์สถานที่ฝึกซ้อมกับเรา
"กูไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเขาไม่หาที่ฝึกดี ๆ ให้ไอ้พวกกระโดดสูง" มันบ่นพลางส่งสายตาเหยียดไปตรงจุดที่มีเบาะหนา ๆ วางอยู่ "แล้วดู น่ะ พอแม่งจะสตาร์ทกันทีก็ต้องไปเริ่มจากริมสนามแทนเพราะกลางสนามมี นักบอล ขวางทางพวกเราอีก"
"เอาน่าพี่ เราไม่ได้วิ่งตลอดเวลาอยู่แล้วหนิ"
"มันขัดหูขัดตากู อีกอย่าง กูเกลียดขึ้หน้าโค้ชพวกมัน ไอ้มินฮยอก"
กะไว้อยู่แล้วว่าที่หัวร้อนแบบนี้ต้องเป็นเพราะเห็นหน้าอริคนสำคัญของมัน เทอมที่แล้วไอ้ยงฮวากับมินฮยอกเกือบได้ดวลหมัดกันเพราะเด็กเรากับเด็กมันเสือกวิ่งชนกันอย่างจัง เด็กมันฟันเฉาะหัวเด็กเราคิ้วแตกเลือดอาบหน้า
เอ...หรือว่าบางทีผมอาจต้องลองวิ่งไปเอาฟันเฉาะหน้าพวกนักบอลดูบ้าง เผื่อผมกับน้องเขาจะได้มีโอกาสคุยกัน
"เอ้อ จองชิน" เรียกกันแบบนี้สงสัยจะใช้งานอะไรแน่ ๆ "วันนี้สวัสเราถูกเรียกตัวไปดูแลนักว่ายน้ำที่อะควอเรียม แปลว่าจะไม่มีใครยกน้ำมาให้เรา"
"อืม จะให้ผมไปซื้อว่างั้น" คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องมีคำตอบเพราะโค้ชของเรายื่นตังค์มาให้เรียบร้อย
"อะไรก็ได้ในงบเท่านี้ วิ่งไปวิ่งกลับห้ามอู้ เข้าใจ๊!"
ยังดีที่ผมนับว่าการโดนใช้ไปซื้อน้ำถือเป็นการอู้อย่างหนึ่ง แถมร้านสะดวกซื้อก็อยู่ไกลจากตรงนี้ด้วยสิ อ่า ขอเดินมองน้องเขาหน่อยละกัน-- อะ อ้าว หายไปไหนแล้วล่ะ
ผมก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเลยรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาพักของพวกนักบอล ว้า แย่จัง ปกติก็ไม่เคยสังเกตซะด้วยสิว่าพอพักแล้วน้องเขาจะชอบไปอยู่ที่ไหน
เสียงออดอันแสบแก้วหูของร้านค้าดังขึ้นพร้อมกับที่ผมเปิดประตูเข้ามา เห็นพนักงานแคชเชียร์เอามือปิดจมูกทำหน้ายู่ก็รู้ทันทีว่าทุกคนที่อยู่ในนี้ทั้งหมดล้วนเป็นนักกีฬาเหงื่อโทรมกาย หนึ่งในนั้นก็รวมถึงผมด้วยเช่นกัน
"ซึงฮยอน มึงจะแดกอะไรวะ มาช่วยกูหารเอสหน่อยมันแลกซื้อสองขวดยี่สิบ"
"ไม่เอาอะ จงฮุนไม่ให้กินน้ำอัดลมไม่ใช่เหรอ"
"เขาหมายถึงอย่ากินให้เขาเห็นต่างหากเล่า"
"กูคงกินแค่น้ำเปล่าพอว่ะ"
"เอ้าไอ้นี่--"
"งั้นมาแชร์น้ำเปล่ากับพี่แทนมั้ยครับ พอดีว่าจะซื้อเป็นแแพ็คแต่พวกพี่มีแค่สิบเอ็ดคน"
เนี่ย ถ้าจังหวะมันจะได้ทักมันก็ต้องทักปะวะ
〓
ตอนที่น้องซึงฮยอน...อ่า ในที่สุดก็รู้จักชื่อ...กำลังเถียงกับเพื่อนของเขาก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ผมยืนอึ้งอยู่นั่นแหละ
เชี่ยเอ๊ย พอเหงื่อออกแล้วน่ารักกว่าตอนยังตัวสะอาด ๆ อีก
"เอ่อ..."
"เนี่ย ถ้าแบ่งกันกับของพี่ก็จะได้ราคาถูกกว่าด้วยนะ" ฮั่นแหนะ เมื่อกี๊เขาหลบตาผมด้วยแหละ
"ก็ได้ครับ"
ครั้งแรกที่ผมเจอซึงฮยอนก็เนี่ยแหละ ช่วงเย็นก่อนมาซ้อม น้องเขาอยู่หอในเหมือนกับผมแต่ว่าน่าจะอยู่คนละตึก มารอขึ้นรถมอที่ป้ายด้วยกันทุกวันไม่รู้จำหน้าผมได้บ้างรึยัง
"เราเจอกันเกือบทุกวันเลยนะ บนรถตอนมานี่" ผมว่ามันคงถึงเวลาที่ต้องลองหยอดอะไรดูหน่อยแล้วล่ะ ก็ไม่อยากให้เกิดเด๊ดแอร์ระหว่างที่เขากำลังช่วยผมแกะแพ็คน้ำดื่มอะนะ
"ครับ ผม จำได้" ซึงฮยอนตอบยิ้ม ๆ "เราไม่ได้อยู่ปีเดียวกันหรอกเหรอ"
"พี่อยู่ปีสี่แล้วครับ" ฝากถึงคนอ่าน ถ้ารู้สึกว่าผมพูดเต๊าะน้องเขาเกินไปช่วยรีบเตือนผมด้วยนะครับ ฮือ "ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นเราที่สนามเอเลย เพิ่งติดทีมเหรอ"
"อ่า ผมเพิ่งเข้าทีมมาตอนปีสองเนี่ยแหละ"
หลังจากที่น้องซึงฮยอนหยิบขวดไปผมก็บอกลาเขาแล้วเดินแบกน้ำออกมา แน่นอนว่าผมมีแผน แหะ ๆ หวังว่าเขาจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้จ่ายตังค์นะ
"เดี๋ยว พี่ครับ!" เหนือคาด นอกจากเสียงตะโกนเรียกดังลั่นเมื่อกี๊ผมยังได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามผมมาด้วย "พี่ยังไม่ได้เอาเงินเลย"
"เอ้อ จริงสิ" ขอทำเนียนต่อไปหน่อย "แต่ตอนนี้พี่ไม่มีมือเลยอะ งั้น...ให้เราฟรีละกันนะ" ใช่ ผมก็แค่อยากเปย์เด็ก
ผมทิ้งให้ซึงฮยอนยืนอ้ำอึ้งอยู่ข้างหลัง เอาจริงเรามันก็แอบป๊อดนิดนึงแหละ ผมไม่อยากให้เขามองว่าผมเป็นคนหน้าม่อหรืออะไรทำนองนั้น เราสองคนเพิ่งคุยกันครั้งแรก แล้วน้องเขาก็ดูเหมือนจะเป็นคนเงียบ ๆ กึ่งโลกส่วนตัวสูงด้วย ถ้ายิ่งรุกหนักมันอาจจะยิ่งแย่ก็ได้
เดินบ่นเสียดายในใจได้ครู่เดียวก็ต้องชะงักฝีเท้าลงเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างรุกล้ำเข้ามาในกระเป๋าพร้อมเสียงเหรียญจำนวนหนึ่งกระทบกันอยู่ในนั้น
"นี่ไง ไม่เห็นจะยากตรงไหน" คนพูดยังปล่อยมือคาไว้ในนั้นเชิงเป็นการเฉลยปนอวดความคิดแก้ปัญหาของตัวเอง
แต่ ทำไมผมกลับเขิน ๆ บอกไม่ถูก
แล้วก็ ไม่ชอบรอยยิ้มนั่นเลย
"อ่าฮะ" อ่าวเฮ้ย ทำไมกูพูดออกไปได้แค่เท่านี้เองวะ
และนั่นก็คือบทสนทนาทั้งหมดของเราสองคนในวันนี้ก่อนที่ผมจะต้องรีบกลับไปหาข้อแก้ตัวสำหรับน้ำดื่มหนึ่งขวดที่หายไปกับไอ้พี่ยงฮวาต่อ
〓
เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ อีกไม่กี่วันจะถึงช่วงลงแข่งจริงแล้วทำให้นักกีฬาทุกคนต้องซ้อมกันจนดึกดื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ทีมฟุตบอล
"อ้าว จองชิน"
"ไง"
"คืนนี้พี่ซ้อมเสร็จดึกอีกละเหรอ" เด็กหนุ่มมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยที่เจอกับผมในเวลาเกือบเที่ยงคืนแบบนี้ อีกอย่าง เขาคงสังเกตเห็นด้วยแหละว่าพวกนักวิ่งออกจากสนามไปตั้งแต่สี่ทุ่มแล้ว
ว่าแต่ทำไมผมยังอยู่ที่นี่ล่ะ
"อ๋อ เอ่อ พอดีพี่ไปหอเพื่อนตรงนั้นมาน่ะ" เหตุผลนี้น่าจะฟังขึ้นนะเพราะแถวสนามโซนเอก็มีหอพักนักศึกษาชายตั้งอยู่ข้าง ๆ "จะกลับหอก็ต้องเดินผ่านตรงนี้หนิ พี่แวะมาดูเผื่อเจอเราจะได้เดินกลับเป็นเพื่อน"
เหมือนทุกวัน...
จริง ๆ หอเพื่อนน่ะเข้าไปแล้ว ออกมานานแล้วด้วย แต่หลังจากนั้นผมก็ไปหาทำเลดี ๆ สำหรับการนั่งจ้องไฟสปอตไลท์ของสนามว่าจะดับเมื่อไหร่ เพราะนั่นคือเวลาที่นักบอลเลิกซ้อม ผมทำแบบนี้ทุกวัน เดินคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนู่นนี่กับน้องเขาจนเราสนิทสนมกันมากขึ้น แต่ละคืนเราผลัดกันเดินไปส่งที่หอของแต่ละคนด้วยเหตุผลที่ว่า "ผมเกรงใจ วันนี้ให้ผมไปส่งพี่บ้างเถอะ" เป็นอย่างนี้มานานจนผมเริ่มถามกับตัวเองแล้วว่า ถึงเวลารึยัง
"วันนี้เพื่อนพี่คนนั้นไม่มาด้วยเหรอครับ" ซึงฮยอนคงหมายถึงไอ้จีบินที่เมื่อคืนก่อนมันขอเดินกลับด้วยเพราะต้องไปทำงานกับเพื่อนที่บังเอิญอยู่หอเดียวกับเขา
"ถามทำไม" เออ แล้วนี่ผมจะโมโหทำไม
"ไม่มีอะไรแค่ เดินด้วยกันหลาย ๆ คนมันก็ไม่เหงาดี"
"แสดงว่าตอนนี้นายเหงา" ผมลองหยอดคำถามที่อาจฟังดูเหมือนอ่อยแต่จริง ๆ แล้วต้องการจะประชดไปให้
"ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย"
ทางเดินกลับหอในช่วงกลางดึกแบบนี้ถึงจะมีไฟส่องสว่างตลอดแนวแต่ก็ไม่ได้ช่วยลดความน่ากลัวลงได้ เราสองคนเร่งฝีเท้าในระดับที่คนเป็นนักกีฬายังรู้สึกเฉย ๆ เพื่อให้ไปถึงที่หมายเร็วที่สุด และครั้งนี้ก็เป็นคราวของผมที่จะต้องเดินไปส่งซึงฮยอนที่ใต้หอ
"เจอกันพรุ่งนี้ ที่เดิม เวลาเดิม" ผมนัดแนะกับเขา รู้สึกว่าการบอกลารอบนี้จะทำให้ตัวผมเองใจสั่น...โคตร ๆ
"โอเค"
"เดี๋ยว ซึงฮยอน"
"..." เขาหันกลับมาแล้ว ผมควรใช่มั้ย ควรที่จะถามคำถามนี้ออกไปใช่มั้ย
"พี่ ขอจีบเราได้รึเปล่า"
〓 TBC 〓
No comments:
Post a Comment