CHAPTER 11 5 4 3 2 1...
สัมผัสอ่อนโยนที่คุ้นเคยประทับทาบลงบนหน้าผาก เสียงกระซิบประโยคขอโทษและคำบอกรักดังอยู่ข้างหูของเขา
ประตูห้องถูกเปิดออก
และปิดกลับไปเหมือนเดิม
น้ำตา…
แห่กันไหลออกมาจากที่ที่แจจินซ่อนมันไว้
‘พอกันที’
“พี่ครับ… ช่วยบอกเหตุผล--”
“แค่นี้ยังคิดไม่ได้อีกเหรอ” น้ำเสียงเย็นชาพูดขัดประโยคสั่นเครือก่อนหน้า สายตาคู่นั้นไม่ได้ใส่ใจที่จะหันมาจับจ้องคู่สนทนาแม้แต่น้อย “บอกว่าจบก็คือจบ พอแล้ว”
ซึงฮยอนก้มหน้านิ่ง ที่ผ่านมาเขาคิดเข้าข้างตัวเองตลอดว่าแจจินจะยกโทษให้กับเรื่องทั้งหมด
คิดมาตลอดว่ายังไงซะแจจินก็จะยัง...รักเขา
“นายยังเด็ก ความคิดของนาย การกระทำ อะไรหลายๆอย่างมันยัง…” คนพูดฝืนใจกลับมามองหน้าคนฟัง “นายควรจะ รอให้ตัวเองโตกว่านี้ก่อนแล้วค่อยคิดไปดูแลคนอื่น”
เหมือนถูกอดีตที่ผ่านมาตบหน้าเข้าอย่างจัง ตลอดเวลาที่คบกันซึงฮยอนไม่เคยแสดงให้อีกฝ่ายได้เห็นว่าตนสามารถดูแลเขาได้ คำพูดอันสวยหรูแต่ละอย่างช่างขัดกันกับการกระทำ ความจริงใจที่ปากบอกว่ามีให้เต็มร้อยแต่สุดท้ายก็แอบไปมีอะไรกันกับใครอื่น
แล้วไหนจะคำขอโทษแสนพร่ำเพรื่อ
“พี่แจจิน ฮึก… ผมขอโทษครับ”
“นายพูดประโยคนี้มาเป็นล้านครั้งแล้ว!” แจจินหมดความอดทน อารมณ์โกรธถูกระบายออกมาพร้อมกับน้ำตาและเสียงตะคอกอันน่าหวาดกลัว
“ฮือ ไม่ พี่ครับ...” ซึงฮยอนเข้ากอดไปร่างเล็กไว้ ร้องไห้ฟูมฟายอย่างไม่สนว่าจะมีใครมอง “แจจินผม...ผมรู้ว่าที่ผ่านมาผมแย่ ฮึ่ก… ผม...เหี้ยมาก แต่ต่อจากนี้ผ...ผม--”
“พี่เหนื่อยแล้วซึงฮยอน
...เหนื่อยที่จะรักนายต่อแล้ว”
คนบอกเลิกก้มหน้าซบลงที่ไหล่กว้างปล่อยให้เสื้อนักเรียนด้านล่างทำหน้าที่เป็นผ้าซับน้ำตา ในขณะที่เด็กหนุ่มยังโอบกอดเขาไว้แน่น เสียงสะอื้นของซึงฮยอนดังลั่นกลบทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ไปเรียบร้อย
“กลับบ้านไปเถอะ” แจจินพยายามเอาตัวเองออกมาจากอ้อมแขนตรงนั้น
“ไม่ ฮึ่ก...ผม ยัง รับไม่ได้”
“กลับไปทำใจ แล้วเดี๋ยวอะไรๆมันก็จะดีขึ้น”
ที่จริง ประโยคนี้เขากำลังบอกกับตัวเอง
การเลิกราที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการหมดรัก เรื่องราวและปัญหามากมายเข้ามาบั่นทอนหัวใจ... ความลับ การปิดบังความจริง และคำโกหก ทั้งหมดล้วนทำลายกำลังใจในการจะรักใครต่อ
ซึงฮยอนเฝ้าหวังที่จะได้รับการยกโทษจากแจจินโดยลืมนึกถึงไปว่าฝ่ายนั้นต้องแบกรับความทุกข์อะไรไว้บ้าง... เกือบทุกครั้งที่บอกว่าให้อภัยแล้วแต่ภายในใจของเขายังคงมีแต่ความเจ็บปวด
ซึ่ง มันยุติธรรมดีแล้วใช่หรือไม่ กับการที่คนที่ไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วยเลยต้องมาเจอกับเรื่องราวแสนเลวร้ายแบบนั้น
ซ้ำๆอยู่ฝ่ายเดียว
‘จบไปแล้วจริงๆเหรอ’
ร่างสูงนอนก่ายหน้าผากจ้องเพดานห้องพลางคิดทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้น
อีกรอบ
ทุกอย่าง… ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี
‘เดี๋ยวอะไรๆมันก็จะดีขึ้น อย่างงั้นเหรอ’
แต่นี่ก็ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้ว
ทำไมวะ
ทำไมยังคิดถึงเขาอยู่…เหมือนเดิม
ซึงฮยอนรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้วกลับไปจัดการกับเอกสารสมัครสอบของตัวเองต่อ ถึงจะเศร้าแค่ไหนแต่ก็ทิ้งอนาคตไม่ได้ ยิ่งแจจินเคยบอกไว้ว่าเขาต้องโตกว่านี้…
นี่ไง เขาจะแสดงความเป็นผู้ใหญ่ออกมาให้ทุกคนเห็น
ห้าสิบกว่าวันหลังจากเลิกรากัน ลูกชายคนโตของครอบครัวประกาศกร้าวกับที่บ้านว่าจะต้องสอบติดคณะเภสัชฯให้ได้ แต่ละชั่วโมงที่ผ่านพ้นไปถูกทุ่มให้กับการอ่านหนังสือ และพรุ่งนี้ก็ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของเขา
วันสอบคัดเลือกนักศึกษาใหม่
“ชีวะเน่าตัวเดียวทำเกรดผมร่วงไปอยู่ในนรก”
“อย่าเว่อร์ไปหน่อยเลย ฟิสิกส์ เคมี เลข นายเก็ทเอมาหมดขนาดนี้”
ช่วงสอบกลางภาคของโรงเรียนเพิ่งจบไปไม่นานนัก ยามสายของวันหยุดวันหนึ่ง ระหว่างมาเดินตากแอร์สบายๆ ซึงฮยอนอาศัยความโชคดีที่ได้บังเอิญเจอติวเตอร์ของเขาที่ห้างสรรพสินค้า ชวนไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันซะเลย
“พี่แจจินชอบคนเรียนเก่งมั้ยครับ” เด็กตัวสูงถามแจจินยิ้มๆ
“ก็ ชอบนะ” คนตอบกะอยู่แล้วว่าถ้าบอกว่าชอบ เจ้าหมอนี่จะต้องทำหน้าเบิกบานประหนึ่งว่าสามารถเอาชนะใจเขาได้แล้ว “แต่ ไม่ชอบคนที่เก่งแล้วเที่ยวไปเบ่งใส่คนอื่น”
“แล้ว…” ซึงฮยอนเว้นระยะเหมือนกำลังชั่งใจว่าควรจะพูดประโยคนี้ดีมั้ย “ถ้าเทอมนี้ชีวะผมได้เอ เปอร์เซ็นต์ที่พี่จะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม…”
นั่นไง เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
“รีบกินข้าวเร็วๆ ดูสิจานพี่เกลี้ยงไปตั้งนานแล้วนะ”
แง่ววว
‘นายเป็นคนเก่งนะ ซึงฮยอน...
แล้วก็ไม่เคยเอาความเก่งตรงนี้ไปยกตัวเองไว้เหนือใคร’
ชายหนุ่มนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวที่คอมมอนตึกคณะเภสัชศาสตร์
วันนี้เป็นวันอะไรเขารู้อยู่แก่ใจดี
‘หวังว่านายจะทำได้’
ก็ใช่ ก็เลิกกันไปแล้ว
แต่แจจินยังคงยืนยันกับตัวเองว่าจะมาที่นี่เพื่อเป็นกำลังใจให้ซึงฮยอน
แบบที่ไม่รู้ว่าคนๆนั้นจะรับรู้ถึงมันบ้างรึเปล่า
หนึ่งหยดน้ำตาถูกปัดเช็ดออกไป ถึงแม้ว่าในทุกๆวันที่ผ่านมาเขาจะยังนั่งร้องไห้ ทนทุกข์ กลายเป็นอี แจจิน ผู้อ่อนแอมากแค่ไหน แต่ต้องไม่ใช่กับวันนี้และอนาคตต่อจากนี้
ถ้าหากได้พบเจอ สบตา เดินสวนกัน จะด้วยความตั้งใจหรือบังเอิญก็แล้วแต่ แจจินจะส่งยิ้มให้ผู้ชายคนนั้น รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวังดีและเป็นตัวบอกความหมายอยู่กลายๆว่าเขาทำใจกับเรื่องทั้งหมดได้แล้ว
ชีวิตของเราทั้งคู่จะได้เดินต่อไปยังเส้นทางข้างหน้าโดยไม่ต้องมามัวเป็นห่วงคนในอดีตอีก
“แจจิน!”
“ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ” เด็กหนุ่มม.ปลายในชุดยูนิฟอร์มพนักงานร้านอาหารวิ่งมายังม้านั่งกลางสวนสาธารณะพร้อมของกินเต็มมือ “พี่แจจิน ง่า ดูสิ หิวจนผอมหมดแล้ว”
“ฮึ จะบ้าเหร--” ยังไม่ทันจะได้ว่าอะไรต่อแก้มข้างหนึ่งของรุ่นพี่ก็ถูกขโมยจุ๊บไปทีนึง
“เห็นบ่นอยากกินเฟรนช์ฟรายส์ ผมซื้อไซส์จัมโบ้มาให้เลยนะ แล้วก็นี่ แซนด์วิชที่แอบจิ๊กมาจากร้าน นมเปรี้ยว อ้อ มีเครปเย็นด้วย”
“เดี๋ยวๆ มีใครจะอดตายเหรอห้ะ” แจจินพูดประชด แต่ที่มือก็ถือหลอดเตรียมจะเจาะนมดื่มแล้ว
“ก็ใครใช้ให้พี่ตัวซูบขนาดนี้ล่ะ” ซึงฮยอนทำแก้มป่องแบบที่ถ้าได้เห็นทีไรเป็นต้องอยากเอามือไปตีให้แตก “ผมต้องรีบขุนพี่ให้อ้วนก่อนหน้าหนาว จะได้กอดแล้วอุ่น”
หลังจากตกลงคบกัน ทุกครั้งที่หาเวลาว่างตรงกันได้ ทั้งสองจะชอบมานั่งเล่น กินข้าวและพูดคุยที่สวนแห่งนี้ คนอายุน้อยกว่ามีหน้าที่เตรียมเสบียงเนื่องจากที่ทำงานพาร์ทไทม์ของเขาอยู่ใกล้กับแหล่งของกิน
ไม่ใช่หรอก ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะซึงฮยอนขออาสาซื้อมาให้เอง ด้วยเหตุผลที่ว่าแจจินเรียนหนักและใช้เวลาในการเดินทางจากมหาลัยมาถึงที่นี่นานกว่าเขา
“แจจินอ่า แกล้งกินเลอะอ่อยผมอย่างงั้นเหรอ” คนข้างๆหันมาใช้นิ้วปาดครีมเครปที่มุมปากออกให้
“ฮ่ะๆ อย่างชั้นไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นหรอก”
“อืม ถูก อย่างพี่น่ะ ดูยังไงก็เหมือนอ่อยผมตลอดเวลา โอ๊ย!”
หัวยุ่งโดนเขกดังโป๊ก แจจินหัวเราะชอบใจที่ได้ทำร้ายร่างกายแฟนตัวเอง (แบบขำๆ)
เขาล่ะนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มีซึงฮยอน โลกนี้จะเงียบและเหี่ยวเฉามากแค่ไหน
ซึ่งตอนนี้ก็พอรู้แล้ว…
“ก...กวังจิน!”
ทำไมถึงยังมาเจอกันได้นะ
รุ่นพี่ ควอน กวังจิน เรียนจบจากทีนี่ไปตั้งหนึ่งปีแล้วไม่ใช่เหรอ
ร่างเล็กรีบเดินหนีคนที่เรียกชื่อเขาเมื่อครู่ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามชีวิตนี้ขออย่าได้ไปข้องเกี่ยวกับผู้ชายเฮ็งซวยคนนั้นอีกเลย
“เฮ้ จะไปไหนน่ะ หยุดคุยกันก่อนสิ”
“โอ๊ะ!”
ข้อมือเล็กที่ถูกคว้าไว้ทำให้สุดท้ายเขาก็ต้องหันไปเผชิญหน้ากับรุ่นพี่อดีตคนรัก รอยยิ้มที่หาความจริงใจไม่ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาที่แจจินเคยรู้สึกมีความสุขเวลาได้มองมัน
“ปล่อย!”
“ไม่เจอกันนาน ดูดีขึ้นเยอะเลยนะ” กวังจินมองเขาแบบทึ่งๆ “เว้นแต่ที่ตา ทำไมมันถึงบวมขนาดนั้นล่ะ ร้องไห้เหรอ”
“เปล่า”
“อย่าบอกนะว่า...”
“คุณ บอกว่าอยากคุยกันอย่างงั้นเหรอ” รุ่นน้องทำใจดีสู้เสือเมื่อเห็นว่าบทสนทนายังไม่มีท่าทีจะสิ้นสุดลงง่ายๆ และไม่ว่าชายคนนี้จะเข้ามาทักทายเขาด้วยเหตุผลอะไร สถานที่พูดคุยของทั้งคู่จะต้องไม่ใช่ตรงนี้ “ไปหาที่สงบๆด้านนอกตึกดีกว่าไหม”
กวังจินขมวดคิ้วอย่างนึกไม่ถึง
หรือว่า แจจินก็คิดถึงเขาเหมือนที่เขารู้สึกคิดถึงแจจิน
‘ยังโง่ และ ง่าย เหมือนเดิมเลยนะ’
ประตูห้องถูกเปิดออก
และปิดกลับไปเหมือนเดิม
น้ำตา…
แห่กันไหลออกมาจากที่ที่แจจินซ่อนมันไว้
‘พอกันที’
“พี่ครับ… ช่วยบอกเหตุผล--”
“แค่นี้ยังคิดไม่ได้อีกเหรอ” น้ำเสียงเย็นชาพูดขัดประโยคสั่นเครือก่อนหน้า สายตาคู่นั้นไม่ได้ใส่ใจที่จะหันมาจับจ้องคู่สนทนาแม้แต่น้อย “บอกว่าจบก็คือจบ พอแล้ว”
ซึงฮยอนก้มหน้านิ่ง ที่ผ่านมาเขาคิดเข้าข้างตัวเองตลอดว่าแจจินจะยกโทษให้กับเรื่องทั้งหมด
คิดมาตลอดว่ายังไงซะแจจินก็จะยัง...รักเขา
“นายยังเด็ก ความคิดของนาย การกระทำ อะไรหลายๆอย่างมันยัง…” คนพูดฝืนใจกลับมามองหน้าคนฟัง “นายควรจะ รอให้ตัวเองโตกว่านี้ก่อนแล้วค่อยคิดไปดูแลคนอื่น”
เหมือนถูกอดีตที่ผ่านมาตบหน้าเข้าอย่างจัง ตลอดเวลาที่คบกันซึงฮยอนไม่เคยแสดงให้อีกฝ่ายได้เห็นว่าตนสามารถดูแลเขาได้ คำพูดอันสวยหรูแต่ละอย่างช่างขัดกันกับการกระทำ ความจริงใจที่ปากบอกว่ามีให้เต็มร้อยแต่สุดท้ายก็แอบไปมีอะไรกันกับใครอื่น
แล้วไหนจะคำขอโทษแสนพร่ำเพรื่อ
“พี่แจจิน ฮึก… ผมขอโทษครับ”
“นายพูดประโยคนี้มาเป็นล้านครั้งแล้ว!” แจจินหมดความอดทน อารมณ์โกรธถูกระบายออกมาพร้อมกับน้ำตาและเสียงตะคอกอันน่าหวาดกลัว
“ฮือ ไม่ พี่ครับ...” ซึงฮยอนเข้ากอดไปร่างเล็กไว้ ร้องไห้ฟูมฟายอย่างไม่สนว่าจะมีใครมอง “แจจินผม...ผมรู้ว่าที่ผ่านมาผมแย่ ฮึ่ก… ผม...เหี้ยมาก แต่ต่อจากนี้ผ...ผม--”
“พี่เหนื่อยแล้วซึงฮยอน
...เหนื่อยที่จะรักนายต่อแล้ว”
คนบอกเลิกก้มหน้าซบลงที่ไหล่กว้างปล่อยให้เสื้อนักเรียนด้านล่างทำหน้าที่เป็นผ้าซับน้ำตา ในขณะที่เด็กหนุ่มยังโอบกอดเขาไว้แน่น เสียงสะอื้นของซึงฮยอนดังลั่นกลบทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ไปเรียบร้อย
“กลับบ้านไปเถอะ” แจจินพยายามเอาตัวเองออกมาจากอ้อมแขนตรงนั้น
“ไม่ ฮึ่ก...ผม ยัง รับไม่ได้”
“กลับไปทำใจ แล้วเดี๋ยวอะไรๆมันก็จะดีขึ้น”
ที่จริง ประโยคนี้เขากำลังบอกกับตัวเอง
การเลิกราที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการหมดรัก เรื่องราวและปัญหามากมายเข้ามาบั่นทอนหัวใจ... ความลับ การปิดบังความจริง และคำโกหก ทั้งหมดล้วนทำลายกำลังใจในการจะรักใครต่อ
ซึงฮยอนเฝ้าหวังที่จะได้รับการยกโทษจากแจจินโดยลืมนึกถึงไปว่าฝ่ายนั้นต้องแบกรับความทุกข์อะไรไว้บ้าง... เกือบทุกครั้งที่บอกว่าให้อภัยแล้วแต่ภายในใจของเขายังคงมีแต่ความเจ็บปวด
ซึ่ง มันยุติธรรมดีแล้วใช่หรือไม่ กับการที่คนที่ไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วยเลยต้องมาเจอกับเรื่องราวแสนเลวร้ายแบบนั้น
ซ้ำๆอยู่ฝ่ายเดียว
‘จบไปแล้วจริงๆเหรอ’
ร่างสูงนอนก่ายหน้าผากจ้องเพดานห้องพลางคิดทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้น
อีกรอบ
ทุกอย่าง… ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี
‘เดี๋ยวอะไรๆมันก็จะดีขึ้น อย่างงั้นเหรอ’
แต่นี่ก็ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้ว
ทำไมวะ
ทำไมยังคิดถึงเขาอยู่…เหมือนเดิม
ซึงฮยอนรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้วกลับไปจัดการกับเอกสารสมัครสอบของตัวเองต่อ ถึงจะเศร้าแค่ไหนแต่ก็ทิ้งอนาคตไม่ได้ ยิ่งแจจินเคยบอกไว้ว่าเขาต้องโตกว่านี้…
นี่ไง เขาจะแสดงความเป็นผู้ใหญ่ออกมาให้ทุกคนเห็น
ห้าสิบกว่าวันหลังจากเลิกรากัน ลูกชายคนโตของครอบครัวประกาศกร้าวกับที่บ้านว่าจะต้องสอบติดคณะเภสัชฯให้ได้ แต่ละชั่วโมงที่ผ่านพ้นไปถูกทุ่มให้กับการอ่านหนังสือ และพรุ่งนี้ก็ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของเขา
วันสอบคัดเลือกนักศึกษาใหม่
“ชีวะเน่าตัวเดียวทำเกรดผมร่วงไปอยู่ในนรก”
“อย่าเว่อร์ไปหน่อยเลย ฟิสิกส์ เคมี เลข นายเก็ทเอมาหมดขนาดนี้”
ช่วงสอบกลางภาคของโรงเรียนเพิ่งจบไปไม่นานนัก ยามสายของวันหยุดวันหนึ่ง ระหว่างมาเดินตากแอร์สบายๆ ซึงฮยอนอาศัยความโชคดีที่ได้บังเอิญเจอติวเตอร์ของเขาที่ห้างสรรพสินค้า ชวนไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันซะเลย
“พี่แจจินชอบคนเรียนเก่งมั้ยครับ” เด็กตัวสูงถามแจจินยิ้มๆ
“ก็ ชอบนะ” คนตอบกะอยู่แล้วว่าถ้าบอกว่าชอบ เจ้าหมอนี่จะต้องทำหน้าเบิกบานประหนึ่งว่าสามารถเอาชนะใจเขาได้แล้ว “แต่ ไม่ชอบคนที่เก่งแล้วเที่ยวไปเบ่งใส่คนอื่น”
“แล้ว…” ซึงฮยอนเว้นระยะเหมือนกำลังชั่งใจว่าควรจะพูดประโยคนี้ดีมั้ย “ถ้าเทอมนี้ชีวะผมได้เอ เปอร์เซ็นต์ที่พี่จะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม…”
นั่นไง เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
“รีบกินข้าวเร็วๆ ดูสิจานพี่เกลี้ยงไปตั้งนานแล้วนะ”
แง่ววว
‘นายเป็นคนเก่งนะ ซึงฮยอน...
แล้วก็ไม่เคยเอาความเก่งตรงนี้ไปยกตัวเองไว้เหนือใคร’
ชายหนุ่มนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวที่คอมมอนตึกคณะเภสัชศาสตร์
วันนี้เป็นวันอะไรเขารู้อยู่แก่ใจดี
‘หวังว่านายจะทำได้’
ก็ใช่ ก็เลิกกันไปแล้ว
แต่แจจินยังคงยืนยันกับตัวเองว่าจะมาที่นี่เพื่อเป็นกำลังใจให้ซึงฮยอน
แบบที่ไม่รู้ว่าคนๆนั้นจะรับรู้ถึงมันบ้างรึเปล่า
หนึ่งหยดน้ำตาถูกปัดเช็ดออกไป ถึงแม้ว่าในทุกๆวันที่ผ่านมาเขาจะยังนั่งร้องไห้ ทนทุกข์ กลายเป็นอี แจจิน ผู้อ่อนแอมากแค่ไหน แต่ต้องไม่ใช่กับวันนี้และอนาคตต่อจากนี้
ถ้าหากได้พบเจอ สบตา เดินสวนกัน จะด้วยความตั้งใจหรือบังเอิญก็แล้วแต่ แจจินจะส่งยิ้มให้ผู้ชายคนนั้น รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวังดีและเป็นตัวบอกความหมายอยู่กลายๆว่าเขาทำใจกับเรื่องทั้งหมดได้แล้ว
ชีวิตของเราทั้งคู่จะได้เดินต่อไปยังเส้นทางข้างหน้าโดยไม่ต้องมามัวเป็นห่วงคนในอดีตอีก
“แจจิน!”
“ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ” เด็กหนุ่มม.ปลายในชุดยูนิฟอร์มพนักงานร้านอาหารวิ่งมายังม้านั่งกลางสวนสาธารณะพร้อมของกินเต็มมือ “พี่แจจิน ง่า ดูสิ หิวจนผอมหมดแล้ว”
“ฮึ จะบ้าเหร--” ยังไม่ทันจะได้ว่าอะไรต่อแก้มข้างหนึ่งของรุ่นพี่ก็ถูกขโมยจุ๊บไปทีนึง
“เห็นบ่นอยากกินเฟรนช์ฟรายส์ ผมซื้อไซส์จัมโบ้มาให้เลยนะ แล้วก็นี่ แซนด์วิชที่แอบจิ๊กมาจากร้าน นมเปรี้ยว อ้อ มีเครปเย็นด้วย”
“เดี๋ยวๆ มีใครจะอดตายเหรอห้ะ” แจจินพูดประชด แต่ที่มือก็ถือหลอดเตรียมจะเจาะนมดื่มแล้ว
“ก็ใครใช้ให้พี่ตัวซูบขนาดนี้ล่ะ” ซึงฮยอนทำแก้มป่องแบบที่ถ้าได้เห็นทีไรเป็นต้องอยากเอามือไปตีให้แตก “ผมต้องรีบขุนพี่ให้อ้วนก่อนหน้าหนาว จะได้กอดแล้วอุ่น”
หลังจากตกลงคบกัน ทุกครั้งที่หาเวลาว่างตรงกันได้ ทั้งสองจะชอบมานั่งเล่น กินข้าวและพูดคุยที่สวนแห่งนี้ คนอายุน้อยกว่ามีหน้าที่เตรียมเสบียงเนื่องจากที่ทำงานพาร์ทไทม์ของเขาอยู่ใกล้กับแหล่งของกิน
ไม่ใช่หรอก ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะซึงฮยอนขออาสาซื้อมาให้เอง ด้วยเหตุผลที่ว่าแจจินเรียนหนักและใช้เวลาในการเดินทางจากมหาลัยมาถึงที่นี่นานกว่าเขา
“แจจินอ่า แกล้งกินเลอะอ่อยผมอย่างงั้นเหรอ” คนข้างๆหันมาใช้นิ้วปาดครีมเครปที่มุมปากออกให้
“ฮ่ะๆ อย่างชั้นไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นหรอก”
“อืม ถูก อย่างพี่น่ะ ดูยังไงก็เหมือนอ่อยผมตลอดเวลา โอ๊ย!”
หัวยุ่งโดนเขกดังโป๊ก แจจินหัวเราะชอบใจที่ได้ทำร้ายร่างกายแฟนตัวเอง (แบบขำๆ)
เขาล่ะนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มีซึงฮยอน โลกนี้จะเงียบและเหี่ยวเฉามากแค่ไหน
ซึ่งตอนนี้ก็พอรู้แล้ว…
“ก...กวังจิน!”
ทำไมถึงยังมาเจอกันได้นะ
รุ่นพี่ ควอน กวังจิน เรียนจบจากทีนี่ไปตั้งหนึ่งปีแล้วไม่ใช่เหรอ
ร่างเล็กรีบเดินหนีคนที่เรียกชื่อเขาเมื่อครู่ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามชีวิตนี้ขออย่าได้ไปข้องเกี่ยวกับผู้ชายเฮ็งซวยคนนั้นอีกเลย
“เฮ้ จะไปไหนน่ะ หยุดคุยกันก่อนสิ”
“โอ๊ะ!”
ข้อมือเล็กที่ถูกคว้าไว้ทำให้สุดท้ายเขาก็ต้องหันไปเผชิญหน้ากับรุ่นพี่อดีตคนรัก รอยยิ้มที่หาความจริงใจไม่ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาที่แจจินเคยรู้สึกมีความสุขเวลาได้มองมัน
“ปล่อย!”
“ไม่เจอกันนาน ดูดีขึ้นเยอะเลยนะ” กวังจินมองเขาแบบทึ่งๆ “เว้นแต่ที่ตา ทำไมมันถึงบวมขนาดนั้นล่ะ ร้องไห้เหรอ”
“เปล่า”
“อย่าบอกนะว่า...”
“คุณ บอกว่าอยากคุยกันอย่างงั้นเหรอ” รุ่นน้องทำใจดีสู้เสือเมื่อเห็นว่าบทสนทนายังไม่มีท่าทีจะสิ้นสุดลงง่ายๆ และไม่ว่าชายคนนี้จะเข้ามาทักทายเขาด้วยเหตุผลอะไร สถานที่พูดคุยของทั้งคู่จะต้องไม่ใช่ตรงนี้ “ไปหาที่สงบๆด้านนอกตึกดีกว่าไหม”
กวังจินขมวดคิ้วอย่างนึกไม่ถึง
หรือว่า แจจินก็คิดถึงเขาเหมือนที่เขารู้สึกคิดถึงแจจิน
‘ยังโง่ และ ง่าย เหมือนเดิมเลยนะ’
///
///
ซึงฮยอนเดินทางมาถึงสถานที่สอบของตัวเองก่อนเวลาไม่นาน เด็กหนุ่มกำลังคิดว่าจะขึ้นไปที่ห้องสอบเลยดีไหมหรือจะนั่งทวนอะไรอยู่ด้านล่างก่อน
เพราะเขายังคงคิดเข้าข้างตัวเอง(อีกแล้ว)
ว่าแจจินอาจจะอยากมาให้กำลังใจ
อาจเป็นแค่คำพูดสั้นๆว่า ‘สู้นะ’ หรืออะไรก็ได้
'อ่า หยุดเพ้อเจ้อสักที ซง ซึงฮยอน'
///
///
ขณะเดียวกัน ชายสองคนเพิ่งเดินออกมาจากประตูอาคารอีกฝั่ง รถสปอร์ตของกวังจินจอดอยู่ใกล้ๆ แจจินไม่รู้สึกว่ามันจะเป็นเรื่องดีถ้าอีกฝ่ายชวนเขานั่งรถไปที่อื่นจึงเสนอให้ม้าหินสักตัวแถวนั้นเป็นจุดที่ทั้งคู่จะนั่งคุยแลกเปลี่ยนอะไรกัน
หวังว่าซึงฮยอนจะไม่เดินมาแถวนี้
ไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าหากรายนั้นมาเห็นเขากับคนรักเก่าอยู่ด้วยกัน
จริงอยู่ ยังมีความเป็นไปได้ที่ซึงฮยอนจะทำใจได้แล้ว แต่มันต้องรบกวนสมาธิในการสอบของเขาแน่ๆ เพราะปกติก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะต้องบังคับตัวเองให้อยู่แต่กับเรื่องเรียนหลังจากเพิ่งเลิกรากับใครมา
และยิ่งถ้าต้องมาเห็นอะไรบาดตาบาดใจ...
จนถึงขนาดนี้ ทุกอย่างที่เขาคิดและทำมันคงบอกหมดแล้วนะ
ว่าแจจินไม่ได้ลืมหรือหมดรักซึงฮยอนเลยแม้แต่นิดเดียว
แจจินครับ... ผมอยากอยู่กับพี่ไปทั้งชีวิต
ช่างเป็นคำพูดที่ฟังดูเว่อร์สำหรับคู่รักที่เพิ่งจะคบกันได้แค่ห้าวัน แต่หากเทียบกับความพยายามตลอดห้าเดือนของซึงฮยอนที่กว่าจะได้ครอบครองหัวใจรุ่นพี่คนนี้...
แม้แต่เพื่อนของแจจินเองยังดูออกเลย ว่านี่แหละคือคนที่รักเขาจริงๆ
ไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรที่ทำให้ผมเลิกรักพี่ได้
ผมเฝ้าบอกตัวเองอยู่ตลอดว่าพี่คือคนที่ผมตามหา
มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกชั่ววูบ...
ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้พี่ ผมไม่ต้องการอะไรบนโลกนี้อีกแล้ว
อี แจจิน เพราะพี่คือโลกทั้งใบของผม
"อือ...ชั้นจะอ้วกแล้ว"
คนที่ซึงฮยอนนอนทับตักอยู่หยิบเอาจดหมายรักแสนเลี่ยนใบนั้นมาเสียบไว้กับปากของเขา
"ง่า ก็บอกให้เขียนทุกอย่างที่รู้สึกไม่ใช่เหรอ
เนี่ยแหละ ทั้งหมดที่ผมรู้สึก"
ทั้งคู่เลือกให้บ่ายวันเสาร์วันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะมาเปิดใจต่อกัน ทุกสิ่งที่อยากบอกกับอีกฝ่ายจะถูกเขียนใส่กระดาษแล้วส่งให้คนๆนั้นเปิดอ่าน
แจจินได้อ่านของซึงฮยอนก่อน ซึ่งก็ไม่ได้น่าเซอร์ไพรส์อะไรมากมายเพราะทั้งหมดนั่นเจ้าเด็กบ๊องนี่ก็มักจะพูดกับเขาอยู่บ่อยๆ
แม้แต่ช่วงที่ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน ไอ้ประโยค ‘ผมรักพี่นะ’ ก็แทบจะเป็นคำทักทายประจำวันของเจ้านั่นไปเสียแล้ว
"ตาผมเปิดของพี่บ้างนะ"
"อ่าฮะ ทำใจก่อนก็ดี"
ร่างสูงลุกขึ้นมานั่งตัวติดแฟน ค่อยๆเปิดจดหมายฉบับนั้นออกด้วยท่าทางลุ้นเกินเบอร์
จูบกันก่อน แล้วชั้นจะบอกทุกอย่าง
"อ๊ะ..."
วัยรุ่นใจร้อน ซึงฮยอนอ่านข้อความบนกระดาษจบปุ๊บก็ยื่นหน้าเข้าไปจูบแจจินทันที แถมลิ้นซนยังทำเกินหน้าที่แอบควักขโมยอากาศในนั้นมาด้วย
เล่นซะคนตัวเล็กสำลักค่อกแค่ก
"โอ๊ย ไอบ้า"
"บอกผมเร็วๆ คิดอะไรอยู่ แจจินค้าบ คิดอะไรกับผม" เด็กหนุ่มตื๊อแรง
"หึ ทีแรกชั้นจะบอกว่าวันนี้ไม่อยากได้อะไรแล้วนอกจากจูบ" คนพูดเอามือกอดอกเบนหน้าหนีไปมองอย่างอื่น "แต่ถ้าต้องมาโดนแบบนี้ชั้นว่าชั้นเปลี่ยนใจดีกว่า พอละ กลับบ้านไปเลยไป"
"ไม่เอา พี่แจจิน แอมโซซอรี่ อิทเนเว่อแฮพเพ่นอะเกนนน"
คนแก่กว่าถึงกับมองบน เห็นซึงฮยอนใช้ลูกอ้อนติ๊งต๊องแบบนี้ทีไรเป็นต้องใจอ่อนให้ทุกครั้งแหละนะ
"นี่ชั้นยอมคบกับคนบ้าได้ยังไงวะเนี่ย" แจจินบ่นพลางเอียงตัวหนีอีกคนที่แกล้งจะเข้ามาหอมแก้มเขา "โว่ย อีตาบ้า!"
"ฮะฮ่า ไม่แกล้งแล้วๆ" คนตัวโตกระเถิบกลับมานั่งที่เดิม "พี่แจจินอยากจูบผมใช่มั้ย ได้ งั้น คราวนี้ผมจะอยู่นิ่งๆละ แบบตุ๊กตายาง"
"(=_=!!!"
"ฮ่าๆ ล้อเล่น โอเค ซีเรียสเถอะ"
เจ้าซึงฮยอนน่าจะรู้ตัวนะว่าเวลาเขาเข้าโหมดจริงจังมันดูมีเสน่ห์ขนาดไหน
แจจินยังยอมรับเลยว่าเขาเองก็หลงเด็กนี่ในมุมนี้ไม่ใช่น้อย
"แจจินครับ" ซึงฮยอนมองตามร่างที่ค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้ "แน่ใจเหรอว่าไม่มีอะไรจะบอกผมอีกจริงๆ"
แฟนหนุ่มรุ่นพี่ส่ายหน้าก่อนจะประทับจูบลงมาที่ริมฝีปากของเขา
เนิ่นนาน...
ทั้งคู่หลับตาพริ้ม มันคือจุมพิตแบบวันนั้นที่ดาดฟ้าห้างแต่ต่างกันตรงคนที่เป็นฝ่ายมอบมันในครั้งนี้คือแจจิน ร่างสูงถูกสองมือดันเบาๆจนหลังเอนลงไปหาเบาะโซฟา สัมผัสหวานถูกเน้นย้ำอย่างเนิบนาบและนุ่มนวลก่อนคนบนตัวจะละมันออกแล้วเปลี่ยนใจเคลื่อนศีรษะมาซบแนบอยู่ที่อก
"มีแค่สิ่งเดียวที่ชั้นต้องการจากนาย... ซึงฮยอน
อย่าทำให้ชั้นเลิกรักนาย"
ช่วงเวลาแห่งความกระอักกระอวนล่วงเลยไปจนเข็มยาวบนนาฬิกาวนกลับมาที่เลขเดิมอีกรอบ แจจินได้แต่สงสัยว่าทำไมกวังจินถึงยังคงนั่งอยู่กับเขาตรงนี้ทั้งๆที่สองคนก็แทบไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย
“ว่าแต่นายมาทำอะไรที่นี่”
“คุณล่ะ” เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถามนั้น
“ชั้นมารอแฟน”
“อืม”
ร่างสูงยิ้มมุมปาก
“ผิดหวังมั้ยที่ได้ยินแบบนี้”
“ทำไมจะต้องผิดหวังด้วย”
ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าเขาจะยังมีใจให้คนเลวอย่างควอน กวังจิน ที่เห็นยังทนนั่งอยู่ด้วยก็เพราะตัวเองต้องรอเจอ ใครบางคน หรอกนะ
“ผมจะกลับแล้ว”
ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะได้พบกับซึงฮยอนตามที่หวังหรือไม่ แต่ถ้าการออกไปจากตรงนี้คือหนทางเดียวที่จะทำให้แจจินได้ออกห่างจากคนที่ตัวเองเกลียด... เขาก็ต้องเลือก
“ได้ข่าวมาว่านายคบเด็กอยู่” คนพูดยืนขึ้นตามอีกฝ่าย
“...”
งั้นคุณก็คงได้ยินอีกข่าวนึงช้าไปหน่อยนะกวังจิน
“แล้วนี่โดนมันรังแกอะไรมาล่ะ” รุ่นพี่อดีตแฟนพิจารณาสภาพของแจจินในตอนนี้ด้วยสายตาดูแคลน “ไม่รู้เหรอว่าพวกนี้น่ะเอาใจยากจะตาย”
“หุบปากเถอะ”
“ทำไมไม่หัดเอาประสบการณ์ตอนเรายังคบกันไปปรับใช้นะ”
ร่างเล็กต้องการจะหนีออกไปจากตรงนั้น แต่โชคร้ายที่เร็วไม่พอ
“จำได้มั้ยว่าฮยองจัดการกับอี แจจิน ตอนงี่เง่ายังไง...” แขนแกร่งล็อคตัวแจจินไว้กับโต๊ะก่อนจะเบียดชิดร่างกายของเขาเข้ามา
“อ...ออกไป กวั---”
“จุ๊ๆ” ฝ่ามือหนาล้วงลูบไปที่ขากางเกงอีกฝ่าย “เวลาเด็กมันอ้อน…เราก็ต้องสนองความต้องการให้”
“ไอ้ คนชั่ว!” แจจินหลบหลีกริมฝีปากอันน่าขยะแขยงของกวังจิน แต่กลับกลายเป็นว่าเขากำลังเปิดทางให้ชายคนนั้นทำอะไรได้ง่ายขึ้น “ช...ช่วยด้วย!”
“เงียบน่ะ!”
คนใจทรามพาทั้งคู่ไปยังรถยนต์คันที่จอดอยู่อีกฟากของถนน รุ่นน้องที่เป็นฝ่ายโดนบังคับพยายามดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนสกปรกนี่ แต่แล้ว
“ไอ้สารเลวกวังจิน!!!”
“อั่ก!”
ผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาปล่อยหมัดใส่หน้ากวังจินอย่างแรง ซึ่งแค่แจจินได้เสียงตะโกนคำแรกเขาก็รู้ทันทีว่าคนๆนั้นคือ
“ซึงฮยอน!”
“มึงเป็นใครวะ! ไอ้เด็กเมื่อวานซืน” ที่มุมปากซ้ายของคนถูกต่อยตอนนี้มีเลือดออกซิบ
“กูต่างหากที่ต้องถามว่ามึงเป็นใคร แล้วมายุ่งกับแฟนกูทำไม!”
เสียงโวยวายเรียกความสนใจให้คนในบริเวณนั้นทยอยเข้ามามุงดู ตัวต้นปัญหาเห็นท่าไม่ดีหลังจากที่นักศึกษาโดยรอบเริ่มจำได้ว่าหนึ่งในความโกลาหลตรงนี้มี ควอน กวังจิน รุ่นพี่คนดังอดีตเดือนมหาลัยอยู่ด้วย เขาหันมามองหน้านักเรียนม.ปลายคนที่เพิ่งชกตนเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับไปที่รถแล้วรีบสตารท์เครื่องขับออกไป
“แจจิน…” เด็กหนุ่มสะบัดข้อมือคลายความเจ็บปวดซึ่งเขาต้องแลกมันกับความสะใจที่ได้ต่อยหน้าแฟนเก่าของ แฟนเก่า “ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”
“...”
“พี่มาอยู่กับไอ้นั่นในที่ลับตาคนแบบนี้ ไม่กลัวเหรอว่าถ้าหากโชคไม่เข้าข้างพี่ ไม่มีใครมาช่วยพี่ทันจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ซึงฮยอนใช้น้ำเสียงดุกับแจจินที่ใกล้จะกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ไม่อยู่ “แจจิน ทำไมพี่ถึงได้ปล่อยให้ตัวเ--”
“ชั้นคิดถึงนาย! ฮึก...”
แทบจะไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง
แจจินพุ่งตัวเข้ามากอดซึงฮยอนแล้วปล่อยโฮใส่เขาอย่างไม่อายคนรอบข้าง
‘ในเมื่อนายกล้าพูดคำๆนั้นต่อหน้าใครคนอื่นอย่างกวังจิน
ชั้น ก็จะไม่กลัวหรืออายที่จะพูดประโยคนี้ด้วยเช่นกัน…’
“ซึงฮยอน ชั้นคิดถึงนาย ได้ยินมั้ย! ชั้นมาหานาย ชั้น อยากเจอ… ชั้นคิดถึงนายซึงฮยอน ชั้น...ชั้นทนไม่ไหวแล้วที่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้”
สูญสลายไปหมดแล้ว
อีโก้ทั้งหมดที่ครอบร่างผู้ชายคนนี้มากว่าสองเดือน
จากที่เคยบอกกับตัวเองว่าสามารถอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องมี ซง ซึงฮยอน
จากที่เคยรู้สึกเหนื่อย
…
รักเขาต่อไม่ไหว
เนี่ยนะเหรอ รักไม่ไหว
“พี่ครับ…” คนถูกกอดยังคงอึ้งกับความจริงที่แจจินได้สารภาพออกมา “ทำไมพี่ไม่บอกผม...ทำไมเลือกเก็บมันไว้คนเดียว”
“ก็เพราะว่าชั้นมัน ฮึ่ก… ขี้ขลาดไง” มือเล็กขยำปกเสื้อนักเรียนตัวนั้นแน่น
อีกครั้งที่มันต้องกลายเป็นตัวรองรับน้ำตาและความเสียใจ
“น่าสมเพชแค่ไหนล่ะ...ชั้น ต้องกลับมาง้อนาย” เสียงสะอื้นที่ดังออกมาอยู่เรื่อยๆยังคงทำให้คนได้ยินปวดร้าวไปถึงข้างใน “จากที่เมื่อก่อนนายตื๊อชั้นแทบตาย ทำไมตอนนี้มันถึงกลายเป็นชั้นเองได้”
เพราะซึงฮยอนไม่เคยทำให้แจจินผิดหวังกับคำขอหนึ่งเดียวของเขาเลยไง
เขาอาจเคยพลั้งพลาด…
กับการกระทำชั่ววูบครั้งนั้น
แต่รู้ไหมว่า ความรักที่ซึงฮยอนมีต่อแจจิน มันไม่เคยถูกแบ่งออกไปให้ใคร
“ตั้งแต่เราพบกัน ผมไม่เคยเลิกรักพี่เลยแม้แต่วินาทีเดียว”
‘และตั้งแต่เราคบกัน นายก็มีแต่จะทำให้ชั้นรักนายมากขึ้น’
แจจินเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกคน คราบน้ำตาบนแก้มถูกเช็ดออกอย่างเบามือ แต่นั่นกลับทำให้เขาร้องไห้ออกมาอย่างหนักอีกรอบ
“อะไรกันเนี่ย ขี้แงเป็นเด็กเลยนะ”
กลับกัน คราวนี้หมอนั่นไม่เห็นฟูมฟายเหมือนครั้งก่อนตอนที่โดนเขาบอกเลิก…
“จำได้ตอนนู้นแฟนผมคนนั้นยังด่าผมว่าไม่รู้จักโตอยู่เลย” คนตัวสูงลดมือลงไปโอบเอวเล็ก “แต่เอ๊ะ... พอเลิกกันแล้วเหมือนคนนึงสลับร่างกับอีกคนเลยเนอะ”
“นี่ ฮึก… ชั้นไม่ตลกด้วยเลยนะ”
หัวใจของแจจินแทบร่วงลงไปอยู่ที่พื้น ทำไมซึงฮยอนถึงพูดเรื่องของพวกเขาได้อย่างไม่รู้สึกเศร้าเลยสักนิด
หรือว่า ที่ผ่านมามันมีแค่เขาคนเดียวที่เสียใจ
“ต้องมีใครสักคนมาดูแลเด็กน้อยอี แจจิน คนนี้”
“อะไรของนาย”
“ใครที่โตพอจะไปดูแลคนอื่นได้แล้วไง”
บ้าที่สุด เด็กนี่กล้ายอกย้อนคำพูดของเขาจากเมื่อวันที่ทั้งคู่เลิกคบกันอย่างงั้นเหรอ
รุ่นพี่ขี้แงเริ่มโมโหในความกวนประสาทของรุ่นน้อง ร่างเล็กแกะสองมือที่เกาะเอวเขาอยู่ออกก่อนจะเดินหนีไปจากกลางถนนตรงนั้น โดยไม่คิดจะหันกลับมาอีก
ทิ้งให้ซึงฮยอนยืนอมยิ้มอยู่คนเดียว…
“ครั้งที่แล้วผมให้เวลาพี่ตั้งห้าเดือนแหนะ!” เด็กหนุ่มตะโกนดังลั่นไล่หลังแจจินที่ยังคงสาวเท้าต่อไปไม่หยุด “แต่ครั้งนี้ผมจะนับถอยหลังแค่ห้าวิเท่านั้นนะ”
“...”
“เป็นแฟนกับผมนะครับ พี่แจจิน!!!”
- The end -
⋈ สาส์นจากไรท์เตอร์: ปิดเรื่องได้แล้วโว้ย วันเดียวกับที่มินฮวานประกาศแต่งงานเลย เย้!
No comments:
Post a Comment