CHAPTER 10 จบ
ซึงฮยอนได้ยินเสียงตะโกนของแจจินดังมาจากข้างบน...ที่ห้องนอน
แย่ล่ะ มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
ร่างสูงวิ่งขึ้นบันไดไปสุดฝีเท้า ในหัวคิดอยู่อย่างเดียวว่าวันนี้จะต้องจบไอ้เรื่องบ้าๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับคนรักของเขาให้ได้ และทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไป
“แจจิน!” เด็กหนุ่มแทบช็อกกับสิ่งที่เห็น “จ...แจฮยอน!”
ยิ่งกว่าโกรธหรือโมโห ทุกอย่างที่ซึงฮยอนเคยคิดสงสัยอยู่ในใจถูกปะติดปะต่อเหมือนจิ๊กซอว์ที่เสร็จสมบูรณ์ เขาตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อไอ้เด็กโรคจิตคนนั้น หลายหมัดถูกส่งออกไปโดยไม่สนว่าพวกเขาทั้งคู่เคยเป็นอะไรกันมาก่อน
“นายทำอะไรลงไปรู้ตัวมั้ย แจฮยอน!!!” เขาจ้องใบหน้าโชกเลือดด้วยสายตาเคียดแค้นที่สุดในชีวิต
“หึ” แจฮยอนส่งยิ้มแสยะไปให้ซึงฮยอน “ผมก็แค่อยากรู้ว่ามันมีอะไรดี...อะไรที่ทำให้ฮยองของผมหลงมันหัวปักหัวปำขนาดนั้น”
“บ้า บ้าชัดๆ!”
“ก็ถ้าฮยองไม่มายุ่งกับผม ไม่มาให้ความหวังผม อะไรๆมันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก”
“นายมันโรคจิต แจฮยอน นายบ้าไปแล้ว!”
เด็กหนุ่มหลับตาหัวเราะดังลั่นเหมือนคนเสียสติ ส่วนแจจินที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงนั้นก็ต้องมารับฟังบทสนทนาระหว่างพวกเขาสองคนถึงแม้ว่าในใจจะไม่ต้องการรับรู้มันอีก
“ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ฮยองไม่เคยคิดว่านั่นคือผม...” น้ำตาอาบแก้มคนพูดที่ยังยิ้มอยู่ “ฮยองคิดว่าฮยองทำกับมัน ฮยองเรียกหามัน พร่ำเพ้อถึงมัน ฮยอง...ไม่เคยรักผมเลยทั้งๆที่ผมก็มาก่อนมัน! ผมเป็นของฮยองก่อนมันด้วยซ้ำ!”
ซึงฮยอนพูดอะไรไม่ออก
เพราะมันก็จริงอย่างที่แจฮยอนว่าทั้งหมด
ภาพในอดีตที่เขาสัญญากับตัวเองว่าจะลืมมันให้หมดวกกลับมาอีกครั้ง
ความลุ่มหลง...
ความรู้สึกผิด...
น้ำตาของแจจินในวันนั้น...
“แต่ สุดท้าย ฮยองจะรักผม”
“ว่าไงนะ...”
ร่างที่ถูกซ้อมยับค่อยๆลุกขึ้นขณะที่อีกฝ่ายยังคงชะล่าใจหรือไม่ก็ยังทำอะไรไม่ถูก เขาเดินตรงไปที่เตียง ของบางอย่างในกระเป๋ากางเกงถูกล้วงออกมาถือไว้ในระดับเอว
“ถ้าไม่มีคนชื่ออี แจจิน อยู่บนโลกนี้แล้ว ฮยองก็จะเป็นของผม...เท่านั้น ซึงฮยอน จะเป็นของผม จะกลับมาเอากับมึงไม่ได้อีก แจจิน กูจะส่งมึงไปอยู่กับสัตว์นรก...”
คนที่เพิ่งเรียกสติตัวเองกลับมาได้หันไปหาแจฮยอนที่ยืนถือคัตเตอร์พูดพร่ำอะไรกับตัวเองอยู่คนเดียว
“ชิบหาย!”
“ลาก่อน แจจินฮย--”
พึ่บ!
ร่างสูงกระโจนผลักเด็กหนุ่มจนล้มคว่ำไป แจฮยอนทั้งดิ้นทั้งตะโกนด่าทอสาปแช่งต่างๆนานา สติอันน้อยนิดที่เคยมีในตอนนี้เตลิดหายไปหมดแล้ว
“ปล่อย...ปล่อยกู! กูจะฆ่ามัน!!!”
“ไม่! แจฮยอน นายต้องตั้งสติเดี๋ยวนี้!”
คิม แจฮยอนคนเดิมหายไปอยู่ที่ไหนกัน
“ซึงฮยอน ปล่อย! ถ้ามึงไม่ปล่อยกูจะฆ่ามึงด้วยอีกคน!!!”
คัตเตอร์ในมือถูกยื้อแย่งไปในขณะที่เจ้าของของมันยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกขัดขืน แจฮยอนมุ่งมั่นที่จะทำร้ายร่างกายแจจินให้จงได้โดยไม่สนว่าอีกคนจะพยายามฉุดรั้งเขาไว้ด้วยแรงมากมายขนาดไหน
“แจฮยอน นายบังคับให้พี่ต้องทำแบบนี้เองนะ”
ตุบ!
“พี่แจจิน... พี่แจจินครับ”
เหยื่อของแจฮยอนเป็นลมหมดสติไป แจจินมีบาดแผลที่ซึงฮยอนเห็นแล้วไม่อยากจะให้อภัยตัวเอง คนๆเดียวในห้องที่ยังรู้สึกตัวยืนอ้ำอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบโทรเรียกตำรวจและรถพยาบาล
แจฮยอนนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นหลังจากโดนของใช้สักอย่างหนึ่งที่ซึงฮยอนหยิบได้ฟาดลงไปตรงท้ายทอยหมายจะให้สลบไปชั่วครู่เพื่อยุติความโกลาหลทั้งหมด
มันไม่ใช่ความผิดของเขาคนเดียวหรอก เพราะถ้าลองมองย้อนกลับไป ทั้งสภาพแวดล้อมอันโดดเดี่ยว ครอบครัวที่ไม่เคยเหลียวแล กับอะไรหลายๆอย่างที่แจฮยอนปิดบังไว้ไม่ให้ใครรู้ แต่ละสิ่งล้วนมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้หนุ่มน้อยวัยสิบห้าผู้ไม่เคยเป็นพิษเป็นภัยต่อใครต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้
“ผม ผมต้องทำแผลให้พี่ก่อน ใช่...” ซึงฮยอนเรียกสติกลับคืนมาให้ตัวเอง วิ่งไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดคราบอะไรก็ตามตรงจุดที่โดนกระทำ
อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมา
นี่เขาทำร้ายแจจินอีกแล้วเหรอ
รอบนี้เป็นหนที่เท่าไหร่แล้ว
“ผม... พี่ครับ ผ...ผมขอโทษ”
ไหนนายเคยบอกไว้ว่าจะรักและซื่อสัตย์กับเขาแค่คนเดียวไง
ไหนบอกว่าจะไม่ทำให้พี่แจจินเสียใจ
จะไม่ทำให้พี่แจจินโกรธ...
ซง ซึงฮยอน นายกลายเป็นพวกรักษาคำพูดของตัวเองไม่ได้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ที่โรงพยาบาล แจจินยังคงนอนรักษาตัวอยู่ เงินเก็บเกือบทั้งหมดของซึงฮยอนถูกถอนออกมาใช้จ่ายค่าหมอค่ายา เขายืนยันว่าจะไม่ให้คนรักของตนเองกลับบ้านถ้ายังไม่หายดี
หายดีในที่นี่ไม่ใช่แค่ทางร่างกาย
แต่รวมถึงสภาพจิตใจของแจจินด้วย
“คืนนี้ผมคงไม่ได้อยู่กับพี่นะ”
เด็กหนุ่มกล่าวกับคนที่หลับอยู่เป็นรอบที่สองตั้งแต่เขากลับมายังห้องพักแห่งนี้ สามวันสามคืนที่ผ่านมาซึงฮยอนอยู่กับแจจินตลอด แต่น่าเศร้าที่คนป่วยไม่เคยตื่นมาคุยกับเขาบ้างเลย
หรือต่อให้ตื่น
ก็ยังไม่เคยมีคำพูดใดๆถูกส่งออกมาทักทายคนเฝ้าไข้คนนี้แม้แต่ครั้งเดียว
“พรุ่งนี้ผมมีสอบ วิชาอะไรรู้มั้ยให้ทาย”
เด็กม.ปลายยังคงยิ้มให้กับคนตรงหน้าได้ถึงแม้ในใจจะรู้สึกท้อมากๆก็ตาม
“ชีวะครับ” เขาหยิบชีทติวที่เคยเรียนกับแจจินออกมาจากกระเป๋า โชว์ให้คนบนเตียงดูแต่ก็คงไม่เห็น “ถ้าผมได้คะแนนแย่ต้องถูกเขกหัวแน่ๆเลย”
ซึงฮยอนก้มลงอ่านประโยคเพ้อเจ้อบ้าๆที่เขาเคยเขียนไว้ตามมุมกระดาษตอนกำลังนั่งเรียน
“ตอนเรียนเรื่องพันธุกรรมนี่ผมโง่จริงจังเลยอะ แต่วันนั้นพี่แจจินน่ารักมากเลยนะครับ” คนพูดนึกภาพตามข้อความตัวอักษรขยุกขยิกข้อความหนึ่งข้างๆหัวข้อ ‘ยีนและโครโมโซม’
แย่ล่ะ มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
ร่างสูงวิ่งขึ้นบันไดไปสุดฝีเท้า ในหัวคิดอยู่อย่างเดียวว่าวันนี้จะต้องจบไอ้เรื่องบ้าๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับคนรักของเขาให้ได้ และทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไป
“แจจิน!” เด็กหนุ่มแทบช็อกกับสิ่งที่เห็น “จ...แจฮยอน!”
ยิ่งกว่าโกรธหรือโมโห ทุกอย่างที่ซึงฮยอนเคยคิดสงสัยอยู่ในใจถูกปะติดปะต่อเหมือนจิ๊กซอว์ที่เสร็จสมบูรณ์ เขาตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อไอ้เด็กโรคจิตคนนั้น หลายหมัดถูกส่งออกไปโดยไม่สนว่าพวกเขาทั้งคู่เคยเป็นอะไรกันมาก่อน
“นายทำอะไรลงไปรู้ตัวมั้ย แจฮยอน!!!” เขาจ้องใบหน้าโชกเลือดด้วยสายตาเคียดแค้นที่สุดในชีวิต
“หึ” แจฮยอนส่งยิ้มแสยะไปให้ซึงฮยอน “ผมก็แค่อยากรู้ว่ามันมีอะไรดี...อะไรที่ทำให้ฮยองของผมหลงมันหัวปักหัวปำขนาดนั้น”
“บ้า บ้าชัดๆ!”
“ก็ถ้าฮยองไม่มายุ่งกับผม ไม่มาให้ความหวังผม อะไรๆมันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก”
“นายมันโรคจิต แจฮยอน นายบ้าไปแล้ว!”
เด็กหนุ่มหลับตาหัวเราะดังลั่นเหมือนคนเสียสติ ส่วนแจจินที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงนั้นก็ต้องมารับฟังบทสนทนาระหว่างพวกเขาสองคนถึงแม้ว่าในใจจะไม่ต้องการรับรู้มันอีก
“ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ฮยองไม่เคยคิดว่านั่นคือผม...” น้ำตาอาบแก้มคนพูดที่ยังยิ้มอยู่ “ฮยองคิดว่าฮยองทำกับมัน ฮยองเรียกหามัน พร่ำเพ้อถึงมัน ฮยอง...ไม่เคยรักผมเลยทั้งๆที่ผมก็มาก่อนมัน! ผมเป็นของฮยองก่อนมันด้วยซ้ำ!”
ซึงฮยอนพูดอะไรไม่ออก
เพราะมันก็จริงอย่างที่แจฮยอนว่าทั้งหมด
ภาพในอดีตที่เขาสัญญากับตัวเองว่าจะลืมมันให้หมดวกกลับมาอีกครั้ง
ความลุ่มหลง...
ความรู้สึกผิด...
น้ำตาของแจจินในวันนั้น...
“แต่ สุดท้าย ฮยองจะรักผม”
“ว่าไงนะ...”
ร่างที่ถูกซ้อมยับค่อยๆลุกขึ้นขณะที่อีกฝ่ายยังคงชะล่าใจหรือไม่ก็ยังทำอะไรไม่ถูก เขาเดินตรงไปที่เตียง ของบางอย่างในกระเป๋ากางเกงถูกล้วงออกมาถือไว้ในระดับเอว
“ถ้าไม่มีคนชื่ออี แจจิน อยู่บนโลกนี้แล้ว ฮยองก็จะเป็นของผม...เท่านั้น ซึงฮยอน จะเป็นของผม จะกลับมาเอากับมึงไม่ได้อีก แจจิน กูจะส่งมึงไปอยู่กับสัตว์นรก...”
คนที่เพิ่งเรียกสติตัวเองกลับมาได้หันไปหาแจฮยอนที่ยืนถือคัตเตอร์พูดพร่ำอะไรกับตัวเองอยู่คนเดียว
“ชิบหาย!”
“ลาก่อน แจจินฮย--”
พึ่บ!
ร่างสูงกระโจนผลักเด็กหนุ่มจนล้มคว่ำไป แจฮยอนทั้งดิ้นทั้งตะโกนด่าทอสาปแช่งต่างๆนานา สติอันน้อยนิดที่เคยมีในตอนนี้เตลิดหายไปหมดแล้ว
“ปล่อย...ปล่อยกู! กูจะฆ่ามัน!!!”
“ไม่! แจฮยอน นายต้องตั้งสติเดี๋ยวนี้!”
คิม แจฮยอนคนเดิมหายไปอยู่ที่ไหนกัน
“ซึงฮยอน ปล่อย! ถ้ามึงไม่ปล่อยกูจะฆ่ามึงด้วยอีกคน!!!”
คัตเตอร์ในมือถูกยื้อแย่งไปในขณะที่เจ้าของของมันยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกขัดขืน แจฮยอนมุ่งมั่นที่จะทำร้ายร่างกายแจจินให้จงได้โดยไม่สนว่าอีกคนจะพยายามฉุดรั้งเขาไว้ด้วยแรงมากมายขนาดไหน
“แจฮยอน นายบังคับให้พี่ต้องทำแบบนี้เองนะ”
ตุบ!
“พี่แจจิน... พี่แจจินครับ”
เหยื่อของแจฮยอนเป็นลมหมดสติไป แจจินมีบาดแผลที่ซึงฮยอนเห็นแล้วไม่อยากจะให้อภัยตัวเอง คนๆเดียวในห้องที่ยังรู้สึกตัวยืนอ้ำอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบโทรเรียกตำรวจและรถพยาบาล
แจฮยอนนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นหลังจากโดนของใช้สักอย่างหนึ่งที่ซึงฮยอนหยิบได้ฟาดลงไปตรงท้ายทอยหมายจะให้สลบไปชั่วครู่เพื่อยุติความโกลาหลทั้งหมด
มันไม่ใช่ความผิดของเขาคนเดียวหรอก เพราะถ้าลองมองย้อนกลับไป ทั้งสภาพแวดล้อมอันโดดเดี่ยว ครอบครัวที่ไม่เคยเหลียวแล กับอะไรหลายๆอย่างที่แจฮยอนปิดบังไว้ไม่ให้ใครรู้ แต่ละสิ่งล้วนมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้หนุ่มน้อยวัยสิบห้าผู้ไม่เคยเป็นพิษเป็นภัยต่อใครต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้
“ผม ผมต้องทำแผลให้พี่ก่อน ใช่...” ซึงฮยอนเรียกสติกลับคืนมาให้ตัวเอง วิ่งไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดคราบอะไรก็ตามตรงจุดที่โดนกระทำ
อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมา
นี่เขาทำร้ายแจจินอีกแล้วเหรอ
รอบนี้เป็นหนที่เท่าไหร่แล้ว
“ผม... พี่ครับ ผ...ผมขอโทษ”
ไหนนายเคยบอกไว้ว่าจะรักและซื่อสัตย์กับเขาแค่คนเดียวไง
ไหนบอกว่าจะไม่ทำให้พี่แจจินเสียใจ
จะไม่ทำให้พี่แจจินโกรธ...
ซง ซึงฮยอน นายกลายเป็นพวกรักษาคำพูดของตัวเองไม่ได้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ที่โรงพยาบาล แจจินยังคงนอนรักษาตัวอยู่ เงินเก็บเกือบทั้งหมดของซึงฮยอนถูกถอนออกมาใช้จ่ายค่าหมอค่ายา เขายืนยันว่าจะไม่ให้คนรักของตนเองกลับบ้านถ้ายังไม่หายดี
หายดีในที่นี่ไม่ใช่แค่ทางร่างกาย
แต่รวมถึงสภาพจิตใจของแจจินด้วย
“คืนนี้ผมคงไม่ได้อยู่กับพี่นะ”
เด็กหนุ่มกล่าวกับคนที่หลับอยู่เป็นรอบที่สองตั้งแต่เขากลับมายังห้องพักแห่งนี้ สามวันสามคืนที่ผ่านมาซึงฮยอนอยู่กับแจจินตลอด แต่น่าเศร้าที่คนป่วยไม่เคยตื่นมาคุยกับเขาบ้างเลย
หรือต่อให้ตื่น
ก็ยังไม่เคยมีคำพูดใดๆถูกส่งออกมาทักทายคนเฝ้าไข้คนนี้แม้แต่ครั้งเดียว
“พรุ่งนี้ผมมีสอบ วิชาอะไรรู้มั้ยให้ทาย”
เด็กม.ปลายยังคงยิ้มให้กับคนตรงหน้าได้ถึงแม้ในใจจะรู้สึกท้อมากๆก็ตาม
“ชีวะครับ” เขาหยิบชีทติวที่เคยเรียนกับแจจินออกมาจากกระเป๋า โชว์ให้คนบนเตียงดูแต่ก็คงไม่เห็น “ถ้าผมได้คะแนนแย่ต้องถูกเขกหัวแน่ๆเลย”
ซึงฮยอนก้มลงอ่านประโยคเพ้อเจ้อบ้าๆที่เขาเคยเขียนไว้ตามมุมกระดาษตอนกำลังนั่งเรียน
“ตอนเรียนเรื่องพันธุกรรมนี่ผมโง่จริงจังเลยอะ แต่วันนั้นพี่แจจินน่ารักมากเลยนะครับ” คนพูดนึกภาพตามข้อความตัวอักษรขยุกขยิกข้อความหนึ่งข้างๆหัวข้อ ‘ยีนและโครโมโซม’
คาบนี้คุณครูลืมหวีผมมาสอนรึเปล่านะ ทำไมหัวถึงยุ่งอย่างนั้นล่ะ . .)?
“หึ้ย ผมวาดพี่ไว้ด้วย ฮ่า” ซึงฮยอนหัวเราะลั่นให้กับฝีมือการวาดรูปคนที่ตัวเองแอบชอบในตอนนั้นของตนเอง
“แจจิน ฮ่ะๆ ตื่นมาดูสิ”
น้ำเสียงสดใสค่อยๆแผ่วลงเมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาอะไรจากอีกคนเลย
“พยาบาลบอกว่าพี่เพิ่งหลับไปก่อนผมจะมาแปบเดียว...”
“เพิ่งหลับก็ตื่นมาใหม่ได้ไม่ใช่เหรอครับ ไม่กี่นาทีเอง จะหลับสนิทแล้วเหรอ”
“...”
“คืนนี้ผมคงไม่ได้อยู่กับพี่นะ”
“...”
“ทำไมไม่ลืมตาขึ้นมาด่าผมล่ะ... ซึงฮยอน นายพูดประโยคนี้เป็นรอบที่ล้านแล้ว” เขาแกล้งล้อเลียนสำเนียงของแฟนหนุ่ม จากนั้นก็ยืนหัวเราะคิกๆอยู่คนเดียว
เป็นการหัวเราะที่ฝืนตัวเองเป็นบ้า
“ซื้อเฟรนช์ฟรายส์มาฝากด้วย”
ห่อมันทอดถูกชูขึ้น คนตัวสูงแกว่งมันไปมาให้กลิ่นโชยเพื่อจะยั่วน้ำลายพลางหันไปมองขวดนมกล้วยบนโต๊ะที่เขาซื้อมาให้แจจินตั้งแต่วันแรกที่นอนโรงพยาบาล
นมเต็มขวด...กับฝาล็อคที่ยังไม่ได้ถูกแกะออก
ทั้งห้องกลับมาเงียบอีกรอบ
ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรจะพูดนะ
แต่ ไม่รู้จะพูดไปทำไม
หนึ่งชั่วโมงหลังตะวันลับฟ้า ซึงฮยอนเก็บข้าวของ ยัดหนังสือเรียนกับชีทวิชาชีวะบนเตียงผู้ป่วยใส่เป้อย่างลวกๆ และเหมือนเดิม หน้าผากสวยถูกคนที่กำลังจะบอกลาฝากรอยจูบไว้หนึ่งทีก่อนเดินจากไป
นอกจากนั้น ถ้าหากแจจินตื่นอยู่ เขาก็คงจะได้ยินประโยคสองประโยคนี้...ทุกครั้งหลังจูบนั้น
“ผมขอโทษนะครับ...
...ผมรักพี่นะ”
ดีนะ
ที่เขาก็ไม่เคยหลับเลยสักครั้ง
ข่าวคราวของแจฮยอนมาถึงหูแจจินในอีกไม่กี่วันถัดมา แม่เล่าให้ฟังว่าเขาถูกส่งไปรักษาที่สถานบำบัดนอกเมือง
แต่ จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าญาติห่างๆคนนี้ของคิม แจฮยอน จะขอให้ความเห็นกับเรื่องนี้ว่า
“มันไม่ใช่อะไรที่ผมควรจะต้องมารู้อีกแล้วล่ะ”
1 สัปดาห์ผ่านไป
เด็กนักเรียนม.ปลายมายืนรอใครคนหนึ่งที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ในมือของเขาถือแผ่นกระดาษเอสี่ ใบหน้ายิ้มแย้มเฝ้าชะเง้อหาคนที่เพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าเลิกเรียนแล้วและกำลังเดินออกไป
///
///
“วันนี้มีเด็กมารอรับเหรอจ๊ะ” เพื่อนสาวตะโกนแซวเพื่อนชายเสียงดังลั่น
“โอ๊ย ยองเอ จำเป็นต้องแหกปากขนาดนั้นปะ” ซอลฮยอนหันไปทำตาเขียวใส่คนข้างๆก่อนจะรีบเดินไปหาแจจินที่จุดนัดพบประจำของกลุ่ม
ร้านกาแฟข้างตึกคณะแทบจะแตกเมื่อสามสาว โซฮี ซอลฮยอน และยองเอ เดินก้าวเข้ามาทักทายหนุ่มหน้าหวานที่นั่งดูดน้ำปั่นรอพวกเธออยู่
“รำคาญพวกมีแฟนชะมัดเลยโว้ย”
“ดูสิ ขนาดจะกินน้ำปั่นยังต้องสั่งสตรอวเบอร์รี่ เดี๋ยวหลุดโทนโลกใบนี้สีชมพู”
“คืนดีกันเร็วเก่งงง”
“เอ่อ โซฮี เธอก็เอากับพวกนี้ด้วยเนอะ” แจจินกลอกตาใส่เพื่อนคนที่ปกติจะเงียบที่สุดในกลุ่ม
“หนนี้ดูน้องเค้าไม่เล่นกับเราเลยว่ะ” ยองเอทำหน้ามุ่ยหลังแผนการปาลูกตำลึงใส่แก้มแจจินของเธอพังไม่เป็นท่า “ทำมาเป็นขรึมไปได้ เขินก็บอกว่าเขินดิ”
“มากันครบแล้วก็ดี รีบกลับกันเถอะ” นักศึกษาหนุ่มตัดบท เขาหน้านิ่งจนเพื่อนๆไม่กล้าแหย่อะไรต่ออีก “ซึงฮยอนรอชั้นนานแล้ว”
“อ่อว อย่างนี้นี่เองงง”
แจจินเดินก้มหน้าก้มตาตลอดทาง ปล่อยให้สาวๆเม้าท์มอยกันอยู่สามคน และแน่นอนว่าพวกเธอย่อมต้องสังเกตเห็นท่าทีอันผิดแปลกเหล่านั้นของเพื่อนตัวเอง
“มีอะไรรึเปล่าแจจิน งอนน้องเขาอยู่เหรอ” ซอลฮยอนรู้ดีว่าแจจินโหมดนี้มักจะปรากฏขึ้นเวลาเขามีเรื่องไม่สบายใจเกี่ยวกับ...แฟน
“เหอ เปล่า ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก”
“อ้าว ไม่ใช่อย่างงี้ก็แสดงว่าต้องเป็นอย่างอื่น”
คนถูกเค้นคำตอบหัวเราะแห้ง
โอเค ในเมื่อเพื่อนอยากรู้ เขาบอกก็ได้
“วันนี้เป็นวันเกรดออกของโรงเรียนซึงฮยอนน่ะ” แจจินถอนหายใจฟู่ “เทอมสุดท้ายของมัธยมแล้วด้วย”
“หืม ละเขาอยากจะต่อที่นี่ด้วยรึเปล่า”
แน่อยู่แล้วแหละ ซึงฮยอนบอกกับเขาเสมอว่าจะมาเรียนที่เดียวกับแจจินให้ได้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ด้วยกันแค่สองปี
“แต่มันก็คืออยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอครับ
ผมรู้ว่าที่นี่เข้ายาก...แต่ก็จะพยายามนะ”
“ไม่รู้ว่าพอได้เห็นเกรดเฉลี่ยแล้วยังจะอยากอยู่เหมือนเดิมมั้ย” เขาตอบยิ้มๆ
“นายก็เลยกังวลแทนล่ะสิ”
“อื้ม”
ถึงหน้าแคมปัส แจจินมองเห็นซึงฮยอนยืนอยู่ไกลๆจึงรีบบอกลาเพื่อน แต่สามสาวยืนกรานว่าจะขอไปแทะโลม เอ้ย ทักทายคุงแฟนของเพิ่ลก่อนให้ได้
“น้องซึงฮยอน ยิ้มหน้าบานขนาดนี้ต้องเอาเกรดมาอวดพี่แจจินแน่ๆเลยใช่มั้ยคะ” ยองเอถามเสียงแหลมอย่างรู้ดี
“ฮ่า ใช่ครับพี่ยองเอ” เด็กหนุ่มก้มหัวเขินๆ “นี่ พี่แจจินบอกพวกพี่เหรอว่าวันนี้โรงเรียนผมเกรดออก”
พี่สาวทั้งสามตอบใช่พร้อมกัน ซึงฮยอนหันไปลอบส่งสายตาในแบบที่มีแค่พวกเขาสองคนเข้าใจความหมายให้แจจิน
“ไหน ขอพี่ๆดูหน่อยซิ รู้สึกว่าถ้าได้ 3 ขึ้น ไปเก็บอีกนิดนึงตอนสอบเข้าก็น่าจะติดที่นี่แล้วนะ”
ยองเอ โซฮี และซอลฮยอนรีบวิ่งไปมุงดูใบเกรดกับรุ่นน้อง
“หูยยย!!!” ต่างคนต่างส่งเสียงสปอยล์แจจินกันยกใหญ่ “ดูสิๆ คะแนนชีวะสวยขนาดนี้ ติวเตอร์ต้องให้รางวัลเขาหน่อยแล้วล่ะค่ะ”
ไม่นานนักความวุ่นวายก็ค่อยๆเฟดหายไป เพื่อนคนอื่นโบกรถเมล์กลับบ้านไปกันหมด เหลือแค่คู่รักที่ยังเดินทอดน่องไปตามทางเท้าเรื่อยๆ
“แจจิน พี่ว่าผมจะทำได้มั้ย”
“หืม”
“สอบเข้าที่นี่ไงครับ”
แจจินเงียบมาตลอดหลังจากได้ดูผลการเรียนของซึงฮยอนแล้ว นอกจากรอยยิ้มกว้างเมื่อตะกี๊ เด็กหนุ่มก็ไม่ได้รับคำชมอะไรเพิ่มเติมอีก
ชินแล้วล่ะ
ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมา วันๆนึงทั้งคู่คุยกันแทบจะนับคำได้ ซึงฮยอนรู้และเข้าใจดีว่าแจจินต้องการเวลาเพราะเรื่องแบบนั้นมันไม่ใช่วันสองวันก็ลืม
แต่ไม่เป็นไร
นานแค่ไหนเขาก็รอได้
“ผมว่าจะลองยื่นเภสัชนะครับ ถึงเกรดชีวะหกเทอมจะไม่ได้สวยหรูขนาดนั้นแต่การที่เทอมนี้ได้เอมามันทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย”
“พี่ ก็เป็นกำลังใจให้นะ”
เช่นกัน
หลังจากกลับมาอยู่บ้าน แจจินแทนตัวเองว่า พี่ กับซึงฮยอนอีกแล้ว
ทำไมคำว่า พี่ มันถึงได้น่ากลัวขนาดนี้นะ
“ถ้าผมได้เป็นเภสัชกร เวลาที่พี่ป่วยผมจะเป็นคนวินิจฉัยอาการให้พี่ก่อนหมอเอง” รุ่นน้องตัวสูงกุมมือรุ่นพี่ตัวเล็กเอาไว้ “ผมจะไม่ให้โรคภัยไข้เจ็บอะไรมาแตะต้องแฟนของผมเลย”
“ซึงฮยอน...”
“ถ้าได้เรียนที่นี่ เราต้องได้กลับบ้านด้วยกันทุกวัน--”
“ซึงฮยอนเราเลิกกันเถอะ”
“ค...ครับ” เขาเผลอปล่อยมือแจจินโดยไม่รู้ตัว จู่ๆทั้งร่างกายก็รู้สึกชาไปหมด “พี่...ว่ายังไงนะ”
“เรื่องของเรา ทุกอย่าง”
“...”
“มันจบแล้ว”
- To be continued -
No comments:
Post a Comment